รมต.ประจำสำนักนายกฯ เชื่อคลื่นใต้น้ำไม่ทำให้โรดแมปรัฐบาลมีปัญหา เหตุเพราะคนจำนวนมากอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข แจงการปฏิรูปต้องใช้เวลา เชื่อระยะที่ 3 ให้รัฐบาลใหม่สานต่อ พร้อมแก้ไขความขัดแย้ง แนะคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้งให้หมด ด้านโฆษก กอ.รมน.เผยบึ้งพารากอนห่วงเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้ประชาชนวิตกมากเกินไป พร้อมวอนแต่ละฝ่ายสงวนท่าทีแสดงความคิดเห็น เตือนประชาชนไตร่ตรองก่อนแชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลฯ
วันนี้ (7 ก.พ.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง หรือคลื่นใต้น้ำที่ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ว่า คลื่นใต้น้ำมีมาอยู่ตลอดอยู่แล้ว และไม่คิดว่าคลื่นใต้น้ำนี้จะทำให้การเดินไปตามโรดแมปของรัฐบาลมีปัญหา เพราะก็ต้องยอมรับว่าคนที่ไม่เห็นด้วยก็มี คนที่เห็นด้วยก็มาก แต่ถ้ารัฐบาลทำงานได้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไร คนที่เห็นต่างเขาก็มีความเห็นต่างอย่างนี้มาอยู่แล้วและเห็นต่างมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะมีโน่นนี่นั่นเกิดขึ้นมากหน่อย ซึ่งความจริงรัฐบาลเองก็มีการประเมินกันอยู่แล้วว่า เมื่อการปฏิรูปงวดขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีประเด็นที่มีความเห็นต่างกันเยอะขึ้นเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลก็มีหลายมาตรการที่ทำอยู่ในการเตรียมรับมือกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะการประสานทำความเข้าใจกับกลุ่มต่างๆ ไม่ได้อยู่เฉย
เมื่อถามว่า การที่ยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่ แสดงว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ไม่ได้ผลหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า หากถามว่าได้ผลหรือไม่ ก็ต้องบอกก่อนว่าเราไม่สามารถเอาเหตุระเบิดที่สยามพารากอนเพียงครั้งเดียวมาตัดสินได้ เพราะเราก็รู้ว่ายังมีคนที่นิยมความรุนแรงอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ทำมาหากินของเขา โดยรัฐบาลนำมาตรการต่างๆ ไปช่วย จะบอกว่ารัฐบาลทำแล้วทุกอย่างจะดี สมบูรณ์ มันคงไม่ใช่ ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ไปหลายแห่งก็พบชัดเจนว่าประชาชนเขาไม่พูดเรื่องการเมืองแล้ว เขาห้ามจุดนั้นมาแล้ว เขาสนใจในเรื่องของการทำมาหากินของเขา ประชาชนบอกเองว่าเขาก้าวข้ามเรื่องการเมืองแล้ว ไม่คิดแล้วว่าใครเอาเงินมาให้เขา แล้วเขาต้องรักคนนั้นไปตลอด แต่เขามองว่า ไม่ว่าใครมาทำอะไรให้เขา หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี และถูกต้องก็อยากให้ทำต่อให้ต่อเนื่อง ชีวิตจะได้ดีขึ้น
เมื่อถามว่า คนไทยอาจจะใจร้อนกลัวว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมาจะเสียของ เมื่อครบกำหนดที่รัฐบาลได้ประกาศไว้จะอยู่แค่ปีกว่า แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงแล้วการปฏิรูปมันต้องใช้เวลา นายกรัฐมนตรีพูดเสมอว่าการปฏิรูปประเทศจะมีระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ดังนั้น กฎกติกาที่จะทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นในระยะยาวและมีความยั่งยืนก็ต้องถูกระบุอยู่ในผลของการปฏิรูป
“การปฏิรูปปีหนึ่งมันไม่เสร็จหรอก นายกฯ ถึงได้พูดถึงระยะที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้เราผ่านระยะที่ 1 ไปแล้ว กำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว การทำตามโรดแมปเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการเสนอความเห็นกันเข้ามามาก ส่วนระยะที่ 3 รัฐบาลใหม่อาจจะเข้ามาสานต่อ ดังนั้นเรามองด้านเดียวไม่ได้ วันนี้มันถึงเวลาแล้ว ประเทศถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ผมเข้าใจดีว่าความขัดแย้งในบ้านเรามีมานาน ก็ต้องค่อยแก้ไขไป เราต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่พื้นฐานของความบิดเบือน อย่างกรณีของแถลงการณ์ปลอม เรื่องมันไม่จริง แล้วจะทำกันมาทำไม มันถูกไหม ควรทำไหม แบบนี้สังคมต้องช่วยกันประณาม มันไม่ถูก” นายสุวพันธุ์กล่าว
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่ากรณีของแถลงการณ์ปลอมกับระเบิดพารากอน เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่ตนมองว่าสิ่งที่เหมือนกันของ 2 กรณีนี้คือ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย สับสน เชื่อว่าในวงการรู้กันดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่สำหรับตนไม่ข้อมูลตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีผลต่อการปฏิรูปและการเดินหน้าสร้างความปรองดองของรัฐบาลหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ก็ต้องยอมรับว่ามันก็มีผลต่อรัฐบาล เป็นธรรมชาติอยู่แล้วว่ารัฐบาลก็ต้องเดือดร้อน จะบอกว่าไม่มีผลมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนต้องคิดคือ ต้องก้าวข้ามเรื่องพวกนี้ ต้องก้าวข้ามเรื่องการเมืองให้หมด
ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามกับห้างสรรพสินค้าพารากอนว่า กอ.รมน.ได้ติดตามดูแลตามหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด สิ่งที่น่าเป็นห่วงนั้นมีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์หรือวิตกจนเกินไป ส่วนในเรื่องความเห็นต่างหรือการเคลื่อนไหวแบบคลื่นใต้น้ำนั้น ตนยอมรับว่ายังมีอยู่ แต่อยากให้แต่ละฝ่ายสงวนท่าทีในการแสดงความเห็นเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและไม่อยากให้บ้านเมืองสับสน แต่ถ้าเป็นความคิดเห็นที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็พร้อมที่จะรับฟังและหารือ ส่วนภาพรวมด้านความมั่นคงในขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในบรรยากาศที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ การบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือว่าทำงานได้เร็วกว่าปกติซึ่งเป็นไปตามโรดแมป เพราะทุกเรื่องจะต้องแข่งกับเวลา
อย่างไรก็ตาม สำหรับในคดีระเบิดดังกล่าว ตนยืนยันว่าอยากให้ฝ่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่ที่มีหน้าที่ดูแลซึ่งเป็นพื้นที่ของ กอ.รมน.กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแลและให้ข้อมูล ตนไม่อยากให้ส่งต่อข้อความที่เป็นข่าวลือผิดๆ ส่วนการแชร์ข้อมูลในสังคมออนไลน์นั้นอยากให้ประชาชนช่วยไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะมีการเสพและแชร์ข้อมูล เพราะหากมีการแชร์หรือเผยแพร่ส่งต่อกันไปนั้นอาจผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้