xs
xsm
sm
md
lg

กรุงเก่าเสียหายยับเยิน พายุฤดูร้อนถล่ม แพร่เจอลูกเห็บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พายุฤดูร้อนถล่มหลายจังหวัดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด บ้านเรือนเสียหายยับที่กรุงเก่าหนักสุดจนเรือ]ากจูงสินค้าล่ม บ้านเรือนพังยับ เสาไฟฟ้าและต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาดทับรถยนต์เสียหายหลายคันบาดเจ็บ 3 รายตาย 1 ขณะที่แพร่โดนพายุลูกเห็บถล่มพื้นที่เสียหายยับ

ตั้งแต่เวลา 03.00-08.00 น.ของวานนี้ (29 มี.ค.) ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำหลายพื้นที่ทั้งใน้ขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และอีกหลายจังหวัดได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตกรุงเทพมหานคร อาทิ เขตทุ่งครุ ประเวศ ถนนพหลโยธินขาเข้าและออก หน้าเมเจอร์รังสิต มุ่งหน้า ม.ธรรมศาสตร์ ถนนรามคำแหง ถนนสุขุมวิท ถนนลาดพร้าวขาออก เลยแยกภาวนา เป็นต้น ขณะที่บนถนนบางจุดมีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักในบางพื้นที่

โดยเฉพาะที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.ท.ศุภกิจ สุดาเดช พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ได้รับแจ้งมีเหตุเรือลากจูงเรือบรรทุกสินค้าล่มภายในแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่หมู่ 11 ต.บางกระสั้น อ.บางปะกิน มีผู้จมน้ำสูญหาย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยมูลนิธิพุทไธสวรรย์

ที่เกิดเหตุบริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา พบคราบน้ำมันจำนวนมาก ลอยอยู่บริเวณกลางแม่น้ำและพบผู้บาดเจ็บ 1 รายทราบชื่อคือนายปิยฉัตร แย้มบุญมี อายุ 43 ปี คนขับเรือ มีอาการสำลักน้ำเกาะแคมเรือสินค้าพยุงตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือขึ้นจากน้ำก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ส่วนผู้สูญหายอีกรายคือนางวราพร เจียมเจริญพรกุล อายุ 38 ปีภรรยาของนายปิยฉัตร แต่ต่อมาชาวบ้านพบถูกกระแสน้ำพัดร่างไปติดคาอยู่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 6 ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิ มีอาการสำลักน้ำและน้ำเข้าปอดจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือ และนำส่งโรงพยาบาลแต่นางวราพร ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายปิยฉัตร และนางวราพร ขับเรือยนต์ลากจูงเรือบรรทุกสินค้าเปล่ามุ่งหน้ากลับ จ.อ่างทอง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเกิดลมพายุพัดกระโชกอย่างรุนแรงพัดเรือจนโคลงเคลงไปมาก่อนจะพลิกคว่ำจมลงกลางแม่น้ำดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุพายุพัดเสาไฟฟ้า และต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับรถยนต์และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.บางกระสั้น อ.บางปะอิน ได้รับความเสียหายอีกหลายหลังคาเรือน โดยจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนเส้นราชคราม-บางไทร พบเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่กว่า 40 ต้น ล้มระเนระนาด กีดขวางถนน และทับศาลาที่พักผู้โดยสาร บ้านพักคนงาน และรถกระบะ 2 คัน ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.บางปะอิน จึงเร่งดำเนินเคลื่อนย้ายเสาไฟฟ้าออกจากพื้นผิวการจราจร
นางสมหมาย นราพันธ์ อายุ 49 ปีเจ้าของบ้านที่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 11 ต.บางกระสั้น อ.บางปะอิน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังทำงานอยู่มีคนโทรไปบอกว่าลมพายุฝนพัดแรงหลังคาบ้านปลิวว่อน จึงรีบเดินทางกลับมาดูบ้านพบ หลังคากระเบื้องถูกลมพัดหอบหายไปทั้งแถบ นอกจากนั้น บ้านเรือนในละแวกเดียวกัน และยานพาหนะต่างก็ได้รับความเสียหายไปตามๆ กัน เบื้องต้นทางอำเภอได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดแล้วเพื่อเตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ส่วนการจราจรบนถนนสายวงแหวนตะวันตกจากพื้นที่รอยต่อของ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ช่วงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เขต อ.บางไทร และ อ.บางปะอิน หรือวงแวนบางปะอิน ช่วงหลัก กม.ที่ 82 มีเสาไฟฟ้าล้มทับรถยนต์ตู้ 1 คันมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คนส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวเกือบ 10 กม. นอกจากนี้ ยังเสาไฟฟ้าที่ริมถนนวงแหวนตะวันตก ช่วงหลัก กม.ที่ 81-82 ในเขต ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน หักโค่นอีกกว่า 10 ตันกีดขวางการจราจร

ต่อมา พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง พนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา ได้เข้าตรวจสอบพบเป็นรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮค 7156 กรุงเทพ ถูกเสาไฟฟ้าทับช่วงหน้ารถจนพังยับเยิน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยเหลือคนเจ็บ 2 คน คือ นายพิษณุ ชูช่วย อายุ 58 ปี เป็นคนขับ และ น.ส.สาวิตรี ชูช่วย อายุ 23 ปีบุตรสาว อยู่บ้านพักเลขที่ 43 หมู่ที่ 1 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ซึ่งนั่งมาด้วยส่งโรงพยาบาล

ส่วนภาคเหนือก็ได้รับความเสียหายหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่ จ.แพร่ ได้เกิดพายุลูกเห็บถล่มลงมาอย่างหนัก ทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 1, 2,3 และ 4 ต.ทุ่งแค้ว อ.หนองม่วงไข่ ได้รับความเสียหายเสียหาย 237 หลัง บางบ้านเสียหายทั้งหลังไม่สามารถศัยได้อีก ไร่นาเสียหายอีกกว่า 100 ไร่ ขณะที่โรงเรียนบ้านทุ่งแคล้ว โดนพายุลูกเห็บพัดถล่มจนหลังคาปลิวห้องคอมพิวเตอร์เสียหาย

หลังเกิดเหตุนายธนากร อึ้งจิตรไพศาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อม พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำลังทหารมาช่วยซ่อมแซมบ้าน และสำรวจความเสียหาย เนื่องจากมีจำนวนมาก ต้องอาศัยกำลังจากหลายหน่วยงาน คาดว่าการซ่อมแซมต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน สำหรับความช่วยเหลือในเบื้องต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น หลังละ 33,000 บาท

ส่วนที่ จ.ลำปาง นายเอกศักดิ์ บุญพา ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอเสริมงาม และนายดวงแก้ว ชัยเมืองชื่น นายกเทศบาลตำบลเสริมซ้าย อ.เสริมงาม และผู้ใหญ่บ้านใน ต.เสริมซ้ายจำนวน 6 หมู่บ้าน ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านนาจะลา ม.3 บ้านนาไผ่ ม.4 บ้านท่าโป่ง ม.5 บ้านนาเดา ม.6 และบ้านน้ำหลง ม.7 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม เข้าตรวจสอบหมู่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน หลังประสบภัยพายุฤดูร้อนพลัดผ่านเมื่อคืนวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา พบบ้านเรือน โรงเรียน วัดได้รับความเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน

เช่นเดียวกับที่ จ.เชียงราย นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง และคณะได้เข้าตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยจากพายุลมพัดแรงค่ำวันที่ 28 มี.ค.ในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ทำให้บ้านเรือนขที่ส่วนใหญ่สร้างจากไม้ไผ่ มุงหญ้าคา และตั้งอยู่บนพื้นที่สูงชัน ถูกลมพายุพัดจนพังเสียหายทั้งหลังใน ต.แม่สลองใน 3 หลัง และเสียหายบางส่วน 35 หลัง และ ต.เทอดไทย มีบ้านเรือนเสียบางส่วน 25 หลัง จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่ามีหลังคาวัดหลายแห่งที่มุงด้วยกระเบื้อง ถูกพายุพัดจนเสียหายเช่นกัน ขณะที่บางพื้นที่ยังมีปัญหากระแสไฟฟ้าดับด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น