ASTV ผู้จัดการรายวัน -"ประยุทธ์"กลับจากบูรไนอย่างอารมณ์ดี ทักทายสื่อ ดีใจที่ได้เจอ หลังว๊ากใส่เมื่อวันก่อน แย้มเตรียมเลิกอัยการศึก งัดกฎหมายอื่นใช้แทน จับตาเข้า ครม. วันนี้ เผยสามารถใช้ม. 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมถึงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.มั่นคงฯ แทน "บิ๊กป้อม" เอาบ้างสบถ “ไอ้ห่า” หลังสื่อซักรัฐวางบึ้มเอง "วิษณุ" ยังไม่ฟันธงใช้ ม.44 แทนกฎอัยการศึกได้ "บิ๊กต๊อก" บ่นบัวแก้วข้อมูลไม่พร้อมแจงต่างชาติ ทำล่าแก๊งล้มเจ้าล่าช้า หวังต่างประเทศเข้าใจ เหตุไทยยังต้องมีม.112
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 มี.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางกลับจากการเยือนประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีอารมณ์ดีกว่าเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งให้สัมภาษณ์ตำหนิการทำงานของสื่อมวลชน แต่วันนี้กลับมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง
โดยทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ พบกับกลุ่มสื่อมวลชน ก็กล่าวทักทายว่า ดีใจที่ได้กลับมาเจอหน้ากัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมีการพิจารณายกเลิกการใช้กฎอัยการศึก เพื่อใช้กฎหมายอื่นแทนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่เอานิ้วชี้ไปที่ศรีษะพร้อมกล่าวว่า “ผมคิดอยู่ตั้งนานแล้ว”
*** นายกฯคิดอยู่เลิกอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. ในวันนี้ (27 มี.ค.) เลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าดีเมื่อไรก็จะทำ
เมื่อถามต่อว่า จะใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาแทนกฎอัยการศึกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว “ไม่รู้สิ คิดอยู่เหมือนกัน”
เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นทางเลือกหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันมายิ้มและกล่าวว่า เราพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างสบายใจ ทั้งนี้ ความเข้มข้นคงเท่าเดิม เพราะที่ผ่านมา เราไม่ได้ใช้กฎหมายทั้งฉบับ
***ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.มั่นคงแทนได้
รายงานข่าวแข้งว่า ขณะนี้ นายกฯ และ คสช. อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้กฎหมายฉบับใดมาทดแทนกฎอัยการศึก ระหว่างการใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557
** “บิ๊กป้อม” รับกำลังคุยกันอยู่
วันเดียวกัน ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีการพิจารณาใช้กฎหมายอื่นแทนการประกาศกฎอัยการศึก โดยระบุว่า “ใช่ อาจจะ ก็คุยกันอยู่”
เมื่อถามว่า จะออกกฎหมายตาม มาตรา44 ตามรัฐธรรมนูญ หรือพิจารณาใช้กฎหมายแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องทำกฎหมายขึ้นมา ที่อยู่ในส่วนของ คสช. ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอยู่ แต่ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีใครเดือดร้อน เพราะกฎอัยการศึก เพราะเราใช้เพียง2กรณีเท่านั้น เรื่องตรวจค้นและสามารถจับกุม เรียกตัว โดยไม่ต้องรอหมายจากศาล
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ ยังมีคนที่ไม่ปรารถนาดีอยู่ ก็จำเป็นที่ต้องมีกฎหมายมาดูแล ทั้งนี้ ยังไม่กำหนดกรอบเวลาว่ากฎหมายใหม่จะต้องแล้วเสร็จเมื่อไร เพียงแต่เราจะพยายามทุกอย่างเพื่อลดแรงกดดัน
** ว้ากสื่อถามย้ำจนหลุดด่า “ไอ้ห่า”
หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้งถึงกระแสข่าวที่ว่า อาจมีการนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาปรับใช้แทนกฎอัยการศึกว่า มาตรา 44 สามารถใช้ทดแทนกฎอัยการศึกได้ เพราะมาตรา 44 ใช้ได้ทุกเรื่อง แต่ต้องคำนึงว่า เหมาะสมหรือไม่
เมื่อถามว่าการประชุม ครม. ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมีการหารือทบทวนเรื่องการใช้กฎอัยการศึกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “โอ้ย ไม่คุยหรอก จะคุยทำไม มีเรื่องอื่นคุยตั้งเยอะ กฎอัยการศึกมันเกิดขึ้นกี่เดือนแล้ว ตั้งแต่ 22 พ.ค.โน้น และการที่เราอยากเปลี่ยนมาใช้กฎหมายอื่น เพราะทางสหประชาชาติ บอกว่าให้ลองไปคิดดู ทำได้หรือไม่ แต่เขาก็เห็นใจว่าบ้านเมืองเราอยู่ในขั้นวิกฤติต้องแก้ไขปัญหา และต้องใช้กฎหมายพิเศษ”
เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายเสนอแนะเข้ามาหรือยังว่าต้องใช้กฎหมายอะไรแทนกฎอัยการศึก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มีการเสนอเข้ามาแล้ว ซึ่งกำลังพิจารณากันอยู่ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากฎอัยการศึกใช้มาเกือบปีแล้ว สะท้อนการจัดการปัญหาของ คสช. หรือไม่ว่ายังมีปัญหาอยู่ พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “แล้วคุณว่าสถานการณ์อย่างนี้มีหรือไม่” ผู้สื่อข่าวตอบว่า “สถานการณ์ตอนนี้คิดได้หลายอย่าง ทั้งผู้ก่อการทำเอง และเจ้าหน้าที่รัฐทำเอง” พล.อ.ประวิตร ตอบกลับอย่างมีอารมณ์เพิ่มขึ้นว่า “ใครทำเอง คุณจับให้ได้ซิ คุณพูดอย่างนี้ ไอ้ห่า พูดได้ไงวะฮะ พูดได้ไง ใครทำเอง แค่คิดก็ไม่ได้ ผมเป็นคนรักษากฎหมาย จะไปทำเองได้อย่างไร บ้า พูดอย่างนี้เสียหาย ซักอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่ได้เสียหาย ผมเป็นผู้รักษากฎหมายแล้วมาหาว่า ผมจะไปทำเองมีที่ไหน”
เมื่อถามว่า ประเมินว่าสถานการณ์ในวันนี้เพิ่มขึ้นหรือเบาลง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หากไม่เบาลง จะสงบอย่างนี้หรือ ตนดูหมด ถ้าไม่ดูจะจับผู้ก่อเหตุได้หรือ ตนมีคนเฝ้าหมดทุกที่ ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะชี้นิ้วไปที่สื่อที่ตั้งคำถามพร้อมระบุว่า “จะให้ไปเฝ้าไอ้นี่ด้วย”
** “วิษณุ” อ้างเรื่องยังมาไม่ถึง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการหากฎหมายอื่นมาใช้แทนกฎอัยการศึก หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลหาแนวทางว่า เรื่องดังกล่าวยังมาไม่ถึงตน จึงไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลจะยังใช้กฏอัยการศึกต่อไป หรือจะหากฏหมายใหม่มาแทน และไม่กล้าตอบด้วยว่ามาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะใช้ได้หรือไม่
“ไม่กล้าตอบเพราะกลัวผิด ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เรื่องอาจจะมาแล้ว แต่ยังไม่ถึงผม เพราะผมยังไม่ได้รับการติดต่อ จึงขอดูการบ้านก่อน เพราะยังไม่เห็นโจทย์ อาจมีคนอื่นดูก่อนแล้วค่อยมาที่ผมก็ได้ แต่ผมยังไม่เห็น”นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังจากหารือกับกรมพระธรรมนูญ ในหาทางออกกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การนำพลเรือนขึ้นศาลทหารว่า ได้ข้อมูลมาเบื้องต้นแล้ว เพียงแต่ขณะนี้ยังขาดข้อมูลบางอย่าง เช่น ตัวเลขสถิติบางเรื่อง และยังได้ขอทราบรายละเอียดในบางคดีจากกรมพระธรรมนูญด้วย เพราะจากการหารือทางกรมพระธรรมนูญไม่ทราบความต้องการของตนจึงไม่ได้จัดเตรียมข้อมูลมา เรื่องนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะข้อสรูปเมื่อใด
** “ไพบูลย์” บ่นติดขัดล่าแก๊งล้มเจ้า
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเร่งรัดติดตามตัวผู้หลบหนีคดีความมั่นคงไปในต่างประเทศ รวมทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองว่า หากพูดถึงคดีทางการเมืองกับการนำผู้ร้ายกลับมาดำเนินคดีในประเทศ ไม่สามารถปฎิบัติได้ในเรื่องสิทธิและกฎหมาย ยกตัวอย่าง หากต้องการยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่น กฎหมายเขาให้รับได้ทันที โดยไม่ต้องตรวจสอบ แล้ว 1 เดือนจากนั้นจึงมาดู เป็นต้น ฉะนั้น หากนำกฎหมายความมั่นคงและการเมืองไปโยงกัน ก็ตอบได้เลยว่าไม่มีทางเอาตัวคืนมาได้
"วันนี้มี 2 กรณี คือ ต้องแยกให้ออกก่อน ว่า เรื่องนั้นๆ มีความเกี่ยวข้องกับคดีทางการเมืองหรือไม่ และหากเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องระบุว่าไม่ใช่คดีทางการเมือง เราต้องทำให้ชัดเจน เมื่อแยกแล้ว พบว่าไม่เกี่ยวกับคดีทางการเมือง แต่เป็นคดีอื่นที่ไม่ใช่การเมือง เช่น ก่อการร้าย การประสานจะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกประเทศมีกฎหมาย และมีการเชื่อมโยงทางกฎหมายกันอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยังมีปัญหาอยู่ที่ประเทศเรามีสนธิสัญญา แต่บางประเทศไม่มี หากประเทศใดไม่มี เราเพียงแต่รับทราบ และเป็นเรื่องยากที่จะนำตัวกลับคืนมาและชี้แจงให้เขารู้ว่าเหตุใดประเทศไทยต้องมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคนที่เรากล่าวถึงว่าผิดมาตรา 112 ไม่ใช่ผิดทางการเมืองตามที่เขาไปแอบอ้างเพื่อจะอยู่ในประเทศนั้นๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศต้องสรุปหลักฐานส่งไปให้ต่างประเทศนั้นๆ ซึ่งตรงนี้ที่ยังมีข้อบกพร่อง เพราะกระทรวงต่างประเทศไม่มีข้อมูลตรงนี้ ซึ่งเราดำเนินการแก้ไขอยู่
** ชี้ไทยยังไม่พร้อมเลิก ม.112
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ไทยชี้แจงเหตุผลให้ประเทศที่มีผู้หลบหนีคดีไปพำนัก เช่น นิวซีแลนด์ ประเทศดังกล่าวมีท่าทีตอบกลับมาอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เขารับทราบว่ากฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ และเรื่องของสถาบัน เป็นเรื่องของความรู้สึกและจิตใจของความเป็นคนไทย ซึ่งมิตรประเทศต้องเข้าใจเราว่าทำไมต้องมีไว้ หากเขาไม่มี เราต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ไปละเมิดกฎหมายเขา แต่ต่างประเทศต้องเข้าใจด้วยว่าคนไทยรับไม่ได้กับเรื่องหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
เมื่อถามว่า หากต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ควรมีการผ่อนปรนความเข้มงวดการบังคับใช้มาตรา 112 บ้างหรือไม่ เหมือนประเทศอังกฤษ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้เราถึงตรงนั้นหรือยัง ต้องดูว่าบริบทของประเทศไทยด้วยเพราะเป็นเรื่องใหญ่ เราเป็นผู้บริหารต้องเข้าใจว่ามาตรา 112 หากพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ กฎหมายหมิ่นประมาทหรือกระทำการต่อสถาบันของเราที่ไม่อยู่ในฐานะจะออกมาต่อสู้ได้ในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายนี้เพื่อให้ฝ่ายบริหารมาทำหน้าที่แทน และฝ่ายบริหารจะถูกอ้างอยู่เสมอว่านำเรื่องการเมืองมากล่าวร้ายโจมตี
“วันนี้เราจำเป็นที่จะไม่ต้องมีกฎหมายฉบับนี้ได้ใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นสถาบันต้องลงมาดูแลเองเพราะกฎหมายหมิ่นประมาทต้องฟ้องร้องด้วยตัวเองใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคิด หากเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่สถาบันจะต้องลงมา ประชาชนคนไทยต้องคิดเองว่าเราต้องมีแบบนิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ หรือยัง ถ้าถึงตรงนั้นก็หมายความว่าสถาบันต้องดูแลตัวเองแล้ว ถามว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
***เตรียมหมายจับมือบึ้มศาลอีก2-3ราย
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า ตำรวจเตรียมยื่นขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติม อีก 2-3 คน เป็นระดับผู้ประสานงานและฝ่ายสนับสนุน หลังผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ให้การซัดทอด รวมถึงพบหลักฐานทางการเงิน และข้อมูลทางโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากหลักฐานที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอต่อการออกหมายจับ
ส่วนความเชื่อมโยงกับคดีวางระเบิดห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยง มีเพียงคำให้การสมอ้างของผู้ต้องหาเท่านั้น โดยขอเวลาเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้แน่ชัด ซึ่งหากมีความชัดแจ้งจะแจ้งให้ทราบทันที
สำหรับกรณีพบอาวุธสงครามจำนวนมากที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากระเบิดที่พบเป็นคนละชนิด ส่วนที่มีตัวหนังสือระบุแหล่งที่มา ก็เป็นการเขียนด้วยหมึกขึ้นมา ใครก็สามารถทำได้ และขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งที่มา ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล