ASTVผู้จัดการรายวัน-ยกย่อง "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงเป็นปราชญ์รอบรู้หลายด้าน และทรงเป็นเจ้าฟ้านักการศึกษา ที่เชี่ยวชาญการศึกษารอบด้าน ด้วยทรงมองการศึกษาทำให้คนมีความสามารถสูงขึ้น มส. มีมติให้วัดทั่วประเทศและทั่วโลก เจริญพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระเทพฯ 60 พรรษา 2 เม.ย.นี้ "วัดสระเกศ" ชวนคนไทยสาธยายพระไตรปิฎกตลอดปี 58
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มี.ค.) ที่อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัยศึกษา จัดงานเสวนาทางวิชาการและนิทรรศการ เรื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา
รศ.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นปราชญ์รอบรู้หลายด้าน ทรงพระราชกรณียกิจมากมาย ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้านักการศึกษา ที่ทรงเชี่ยวชาญด้านการศึกษาอย่างมาก พระองค์ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ปี 2523 โดยเริ่มจากโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาน เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ซึ่งให้ความสำคัญตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียนไปจนถึงการศึกษาขั้นสูง โดยทรงรับสั่งว่ามนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ เพราะการศึกษาทำให้คนมีความสามารถสูงขึ้น แม้แต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน แต่ต้องให้โอกาสเท่ากัน และแนวทางดังกล่าวองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ก็ได้ประกาศเป็นปฏิญญา "การศึกษาเพื่อปวงชน" หรือ Education for All อีกด้วย
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นนักปฎิบัติ ลงมือทำและศึกษาทฤษฎีมาประกอบกัน ทรงเห็นว่าการวิจัยสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กระดับอนุบาลและเมื่อถึงระดับบัณฑิตศึกษาจะต้องเป็นงานวิจัยที่มีแบบแผนวิชาการลงลึกรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น และทรงมีแนวพระราโชบายในการพัฒนาให้ครบทุกด้านทั้งสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม ไม่ใช่พัฒนาเฉพาะความรู้ในตำราเท่านั้น และทรงย้ำว่าการศึกษาต้องเชื่อมโยงกับชีวิต โดยมีทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ ซึ่งพระองค์ทรงปฎิบัติจริงทุกเรื่อง
"ทรงรับสั่งว่า หากมีแต่ทฤษฎี ไม่ปฎิบัติ ก็จะทำไม่เป็น ก็จะเป็นวิชาการที่เพ้อฝัน หากปฎิบัติ แต่ทฤษฎีไม่เข้มแข็ง ก็จะเป็นคนที่มีความคิดคับแคบ อีกทั้งการศึกษาต้องเติมเต็มตามศักยภาพแต่ละบุคคล และเป็นประโยชน์แก่ทุกคน โดยสถานศึกษาสามารถเป็นศูนย์กลางการพัฒนาชุมชนและสังคม ครู อาจารย์ ต้องสวมหัวใจการเป็นนักพัฒนาด้วย รวมถึงพระองค์ยังทรงใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการเรียนรู้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่ห่างไกล ผู้พิการ ผู้ป่วย ผู้ต้องขัง และสามเณร"
สำหรับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย พระองค์ทรงรับสั่งว่าไม่ใช่เพียงเรียนรู้ลึก แต่ต้องรู้กว้าง เพื่อเชื่อมโยงวิชาการต่างๆ ได้ และที่สำคัญต้องมีจริยธรรม วิชาการ และวิชาชีพ
อย่างไรก็ตาม พระองค์ ทรงพัฒนาบัณฑิตศึกษาในทุกด้าน โดยทรงส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษได้เรียนบัณฑิตศึกษา เพื่อเป็นนักวิชาการ นักวิจัย นักพัฒนา ทรงพัฒนานักวิจัยและการวิจัยระดับแนวหน้า ทรงบุกเบิกสาขาวิชาใหม่ๆ และสหวิทยาการ ทรงสร้างเครือข่ายนักวิจัยที่มีทั้งรุ่นอาวุโสและรุ่นใหม่ ทั้งภายในและต่างประเทศ และทรงส่งเสริมกิจกรรมทางวิชาการ ทรงติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการอยู่เสมอ
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลาการเปรียญ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา 2 เม.ย.2558ทาง มส. ได้มีมติเห็นชอบให้วัดทั่วประเทศและทั่วโลก จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน ในเวลา 17.00 น. วันที่ 2 เม.ย.2558 โดยพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของวัดสระเกศฯ ได้จัดพิธีสาธยายพระไตรปิฎก เฉลิมพระเกียรติตลอดปี 2558 โดยวัดจะอัญเชิญธรรมเจดีย์ พระคัมภีร์พระพุทธศาสนาโบราณ ที่ค้นพบบริเวณหุบเขาบามิยัน ประเทศอัพกานิสถาน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ได้รับมาจากประเทศนอร์เวย์ จากศาลาหน้าทางขึ้นภูเขาทอง มาประดิษฐานในพิธีดังกล่าวในวันที่ 1 เม.ย.2558 ณ บริเวณศาลาการเปรียญด้วย
พระพรหมสิทธิ กล่าวต่อไปว่า ธรรมเจดีย์ พระคัมภีร์พุทธศาสนโบราณ กับอักษรที่เขียนสลักบนผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนภูเขาทองวัดสระเกศฯ นั้น เป็นอักษร “พรหมมี” ซึ่งเป็นตัวอักษรก่อนพุทธกาล แสดงให้เห็นว่า พระคัมภีร์กับพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน คือ กว่า 2,000 ปี โดยประเทศไทย ถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประเทศนอร์เวย์ มอบพระคัมภีร์พุทธศาสนโบราณส่วนหนึ่งมาประดิษฐานเป็นการถาวรที่วัดสระเกศฯ เพื่อให้ประชาชนสักการะอย่างใกล้ชิด
"เนื่องในโอกาสมหามงคลดังกล่าว จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาร่วมสาธยายพระไตรปิฎก ในการน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสืบต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งร่วมกันแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน"
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย กล่าวว่า วัดสระเกศฯ และองค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ได้ร่วมกันจัดพิธีดังกล่าวขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเป็นการส่งเสริมหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสู่พุทธศาสนิกชน ได้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และมาร่วมสาธยายพระไตรปิฎก ในการทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มี.ค.) ที่อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (จามจุรี10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัยศึกษา จัดงานเสวนาทางวิชาการและนิทรรศการ เรื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา
รศ.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นปราชญ์รอบรู้หลายด้าน ทรงพระราชกรณียกิจมากมาย ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้านักการศึกษา ที่ทรงเชี่ยวชาญด้านการศึกษาอย่างมาก พระองค์ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ปี 2523 โดยเริ่มจากโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาน เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ซึ่งให้ความสำคัญตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียนไปจนถึงการศึกษาขั้นสูง โดยทรงรับสั่งว่ามนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ เพราะการศึกษาทำให้คนมีความสามารถสูงขึ้น แม้แต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน แต่ต้องให้โอกาสเท่ากัน และแนวทางดังกล่าวองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ก็ได้ประกาศเป็นปฏิญญา "การศึกษาเพื่อปวงชน" หรือ Education for All อีกด้วย
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นนักปฎิบัติ ลงมือทำและศึกษาทฤษฎีมาประกอบกัน ทรงเห็นว่าการวิจัยสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กระดับอนุบาลและเมื่อถึงระดับบัณฑิตศึกษาจะต้องเป็นงานวิจัยที่มีแบบแผนวิชาการลงลึกรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น และทรงมีแนวพระราโชบายในการพัฒนาให้ครบทุกด้านทั้งสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม ไม่ใช่พัฒนาเฉพาะความรู้ในตำราเท่านั้น และทรงย้ำว่าการศึกษาต้องเชื่อมโยงกับชีวิต โดยมีทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ ซึ่งพระองค์ทรงปฎิบัติจริงทุกเรื่อง
"ทรงรับสั่งว่า หากมีแต่ทฤษฎี ไม่ปฎิบัติ ก็จะทำไม่เป็น ก็จะเป็นวิชาการที่เพ้อฝัน หากปฎิบัติ แต่ทฤษฎีไม่เข้มแข็ง ก็จะเป็นคนที่มีความคิดคับแคบ อีกทั้งการศึกษาต้องเติมเต็มตามศักยภาพแต่ละบุคคล และเป็นประโยชน์แก่ทุกคน โดยสถานศึกษาสามารถเป็นศูนย์กลางการพัฒนาชุมชนและสังคม ครู อาจารย์ ต้องสวมหัวใจการเป็นนักพัฒนาด้วย รวมถึงพระองค์ยังทรงใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการเรียนรู้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่ห่างไกล ผู้พิการ ผู้ป่วย ผู้ต้องขัง และสามเณร"
สำหรับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย พระองค์ทรงรับสั่งว่าไม่ใช่เพียงเรียนรู้ลึก แต่ต้องรู้กว้าง เพื่อเชื่อมโยงวิชาการต่างๆ ได้ และที่สำคัญต้องมีจริยธรรม วิชาการ และวิชาชีพ
อย่างไรก็ตาม พระองค์ ทรงพัฒนาบัณฑิตศึกษาในทุกด้าน โดยทรงส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษได้เรียนบัณฑิตศึกษา เพื่อเป็นนักวิชาการ นักวิจัย นักพัฒนา ทรงพัฒนานักวิจัยและการวิจัยระดับแนวหน้า ทรงบุกเบิกสาขาวิชาใหม่ๆ และสหวิทยาการ ทรงสร้างเครือข่ายนักวิจัยที่มีทั้งรุ่นอาวุโสและรุ่นใหม่ ทั้งภายในและต่างประเทศ และทรงส่งเสริมกิจกรรมทางวิชาการ ทรงติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการอยู่เสมอ
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลาการเปรียญ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ 60 พรรษา 2 เม.ย.2558ทาง มส. ได้มีมติเห็นชอบให้วัดทั่วประเทศและทั่วโลก จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน ในเวลา 17.00 น. วันที่ 2 เม.ย.2558 โดยพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของวัดสระเกศฯ ได้จัดพิธีสาธยายพระไตรปิฎก เฉลิมพระเกียรติตลอดปี 2558 โดยวัดจะอัญเชิญธรรมเจดีย์ พระคัมภีร์พระพุทธศาสนาโบราณ ที่ค้นพบบริเวณหุบเขาบามิยัน ประเทศอัพกานิสถาน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ได้รับมาจากประเทศนอร์เวย์ จากศาลาหน้าทางขึ้นภูเขาทอง มาประดิษฐานในพิธีดังกล่าวในวันที่ 1 เม.ย.2558 ณ บริเวณศาลาการเปรียญด้วย
พระพรหมสิทธิ กล่าวต่อไปว่า ธรรมเจดีย์ พระคัมภีร์พุทธศาสนโบราณ กับอักษรที่เขียนสลักบนผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนภูเขาทองวัดสระเกศฯ นั้น เป็นอักษร “พรหมมี” ซึ่งเป็นตัวอักษรก่อนพุทธกาล แสดงให้เห็นว่า พระคัมภีร์กับพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน คือ กว่า 2,000 ปี โดยประเทศไทย ถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประเทศนอร์เวย์ มอบพระคัมภีร์พุทธศาสนโบราณส่วนหนึ่งมาประดิษฐานเป็นการถาวรที่วัดสระเกศฯ เพื่อให้ประชาชนสักการะอย่างใกล้ชิด
"เนื่องในโอกาสมหามงคลดังกล่าว จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาร่วมสาธยายพระไตรปิฎก ในการน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสืบต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งร่วมกันแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน"
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย กล่าวว่า วัดสระเกศฯ และองค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ได้ร่วมกันจัดพิธีดังกล่าวขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเป็นการส่งเสริมหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสู่พุทธศาสนิกชน ได้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และมาร่วมสาธยายพระไตรปิฎก ในการทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลนี้