ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับถึงวันนี้ (21 มี.ค.58) ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ 20 แล้ว สำหรับการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันลอบฆ่า พระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ “พระหมอ” เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ภายใต้การบัญชาการของ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร. ) เองตั้งแต่หลังเกิดเหตุ แต่ในทางคดีดูเหมือนจะคืบหน้าน้อยมาก
เพราะจนถึงขณะนี้ของกลาง ทั้งอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงตัวมือปืน ซึ่งเป็นพยานวัตถุและกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การสาวถึงตัวผู้บงการสั่งฆ่ายังควานหาไม่เจอ
รู้เพียงแค่ว่า มือปืนรับจ้างรายนี้เป็นมือปืนในท้องที่จังหวัดอุดรธานีหรือพื้นที่ใกล้เคียง มีการวางแผนล่วงหน้ามาอย่างดี ทำให้หลังลั่นไกปลิดชีพพระหมอแล้วซิ่งหนีหลบหลีกหนีไปในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองคาดไม่ถึง
พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร. เองก็ยอมรับว่าการแกะรอยหาเบาะแสติดตามมือปืนรายนี้ค่อนข้างยาก ส่วนหนึ่งเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากพยานฝ่ายญาติของพระหมอ โดยเฉพาะพระพ่อของพระหมอ ซึ่งต้องการอโหสิกรรมให้กับกลุ่มคนร้าย มองเป็นเรื่องของการชดใช้เวรกรรม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพยายามสืบข้อมูลหาเบาะแสจากพยานแวดล้อมบุคคลอื่นที่เคลื่อนไหวเกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ
ผลจากการเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายใน 3 จุดใน ต.นาอาน ต.กุดป่อง และ ต.นาดินดำ จ.เลย สามารถตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนได้จำนวนหลายรายการ
โดยเฉพาะเครื่องกระสุนปืนเอ็ม 16 บรรจุในซองกระสุนปืนแบบยาว จำนวน 21 นัด เครื่องกระสุนปืนเอ็ม 16 บรรจุในซองกระสุนปืนสั้น จำนวน 16 นัด ที่ยึดได้ในบ้านนางณัชชา พรมจันทร์นั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้แนวทางการสืบสวนหาคนร้ายกลุ่มนี้ชัดเจนมาก จนสามารถจับกุมนายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาอาน อ.เมือง จ.เลย สามีนางณัชชา ซึ่งยอมรับว่าปืนและเครื่องกระสุนทั้งหมดเขาเป็นเจ้าของอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ภายหลังสอบปากคำนายวิเวทย์ ทำให้ข้อมูลที่จะใช้ติดตามคลี่คลายคดีนี้ชัดเจนขึ้น โดยนายวิเวทย์ยอมรับว่าเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนฆ่าพระหมอ และได้ให้การซัดทอดถึงนักธุรกิจใหญ่เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอุดรธานีเป็นผู้บงการ โดยเรื่องนี้มีการวางแผนกันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปี 57 มีการส่งคนสืบข้อมูลเฝ้าติดตามพระหมออย่างใกล้ชิด ไหว้วานปลัดอำเภอวังสามหมอเช็คประวัติพระหมอ ขณะเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไชยวาน ก่อนที่จะลาออกมาบวช
นายวิเวทย์เองก็ยอมรับว่าสนิทสนมคุ้นเคยกับนักธุรกิจเจ้าของโรงพยาบาลดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นนายเวรหน้าห้องผู้ว่าฯจ.เลย ซึ่งนักธุรกิจรายนี้ไปทำธุรกิจการค้ากับศูนย์อพยพแม้ว อ.เชียงคาน มีเหตุให้ต้องติดต่อประสานงานกับผู้ว่าฯหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่เนืองๆ นักธุรกิจรายนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณกับเขามาก
สำหรับเหตุจูงใจในการสั่งฆ่าพระหมอนั้น พล.ต.ท.ปัญญา ยืนยันว่าได้ตัดประเด็นอื่นๆไปหมดเหลือเพียงประเด็นเดียวคือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสีกาคนหนึ่งที่ไปปฏิบัติธรรมใกล้ชิดกับพระหมอ แม้จะถูกตามตัวให้กลับบ้าน สีกาคนนี้ก็ไม่ยอมกลับต้องการศึกษาปฏิบัติธรรมต่อ ซึ่งสีกาคนดังกล่าวเป็นแพทย์เฉพาะทาง และเป็นภรรยาคนหนึ่งของผู้จ้างวานฆ่าที่เป็นนักธุรกิจใหญ่
ข้อมูลที่น่าสนใจทำให้ภาพกระบวนการวางแผนฆ่าพระหมอก่อนมือปืนลงมือลั่นไกชัดเจนยิ่งขึ้น กรณีนายสถิต อาษาชัย ปลัดอาวุโสอำเภอวังสามหมอ หนึ่งในพยานบุคคลที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญดังกล่าวยอมรับว่าตัวเขาเองรู้จักมักคุ้นกับนายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนาอานจริง
ทั้งนี้ เพราะเมื่อครั้งที่รับราชการเป็นนักการข่าวสังกัดกระทรวงมหาดไทยอยู่ จ.เลย ขณะนั้นนายวิเวทย์ เป็นนักการข่าวรุ่นพี่ ในราวเดือนสิงหาคม 2557 นายวิเวทย์ ได้โทรศัพท์มาหาบอกว่ามีคนต้องการทราบข้อมูลนายบัณฑิต สงวนแก้ว หรือพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต ว่าทำไมอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลไชยวาน อยู่ๆทำไมถึงลาออกไปบวช
หลังจากนั้นตนจึงไหว้วานให้นายสังคม บุญรอด ปลัดหัวหน้าฝ่ายทะเบียนราษฎร์ อ.ไชยวาน ซึ่งเป็นปลัดอำเภอเช่นกันช่วยทำการตรวจสอบประวัติให้ ภายหลังได้ข้อมูลมาแล้ว ตนก็ได้เขียนรายละเอียด แล้วส่งทางไปรษณีย์ไปให้ผู้ที่ต้องการข้อมูลดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งนายวิเวทย์ ก็เป็นผู้ให้ชื่อและที่อยู่มา ตนเองก็ไม่เคยรู้จักบุคคลดังกล่าวเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองส่งทางแฟกซ์หรือไม่ แต่ที่แน่ใจคือส่งทางไปรษณีย์แน่นอน จำวันที่ไม่ได้ จำได้ว่าระหว่างเดือนสิงหาคม ต่อเดือนกันยายน 2557
ขณะที่นายสังคมเล่าเพิ่มเติมว่าหลังจากได้ข้อมูลแล้วก็บอกให้นายสถิต ทราบทางโทรศัพท์ ไม่เคยปรินท์ข้อมูลของพระอาจารย์บัณฑิต ออกมา ส่วนที่ตนมีชื่อไปปรากฏอยู่ในระบบของสำนักบริหารทะเบียนราษฎร์ได้นั้น เนื่องจากตนต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนเสียบเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ชื่อของตนก็จะปรากฏทันที ที่ตนทำการตรวจสอบทะเบียนราษฎร์นั้น เพราะเคยทำงานร่วมกับนายสถิต และเป็นปลัดเช่นกัน จึงให้ความช่วยเหลือไปโดยไม่คิดว่า จะมาเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้ ตนขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายวิเวทย์ พระอาจารย์บัณฑิต และคนที่ขอให้นายสถิตตรวจสอบประวัติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแม้แต่ พล.ต.ท.ปัญญา จะระบุรู้ตัวบุคคลผู้สั่งการลอบฆ่า พระหมอว่าเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงพยาบาลในเมืองอุดรฯ แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ด้วยเหตุหลักฐานวัตถุ ปืนที่ใช้ยิง ตัวมือปืนหรือพยานบุคคลแวดล้อมที่จะมัดตัวผู้จ้างวานถึงขั้นการออกหมายจับนั้นยังหาไม่เจอ ทั้งที่ระดมชุดสอบสวนมือดีจากทั้งตำรวจภูธรภาค , ภูธรจังหวัดอุดรธานี , สภ.เมืองอุดรฯ , กองปราบปรามมาร่วมติดตามคลี่คลายคดีก็ตาม
แหล่งข่าววงใน ให้ความเห็นว่า การคลี่คลายคดียิงพระหมอ ที่รู้กันดีทั่วเมืองว่าคนบงการเป็นนักธุรกิจใหญ่ในเมืองอุดรฯนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ตำรวจจะสามารถหาพยานหลักฐานมัดตัว จนถึงขั้นออกหมายจับผู้สั่งการมาลงโทษตามกฎหมายได้ นักธุรกิจรายนี้ถือเป็นผู้มากบารมีในพื้นที่ นักธุรกิจ ข้าราชการ รวมถึงข้าราชการใหญ่ในสำนักงานอัยการ ต่างให้ความเกรงอกเกรงใจกันมาก เพราะอุปนิสัยส่วนตัวเป็นคนใจป้ำ ใจบุญถึงขั้นเจ้าบุญทุ่มเลยทีเดียว
นักธุรกิจใหญ่รายนี้ เป็นที่รับรู้กันว่า เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับคนในทุกวงการของเมืองอุดรฯ ไม่ว่าหน่วยงานรัฐ มูลนิธิใด หรือวัดไหน จัดงานต่างๆ เขามักจะเข้าไปมีส่วนร่วมช่วยเหลือด้วยตัวเอง และช่วยบริจาคแบบจัดหนัก หรือแม้แต่หน่วยงานตำรวจในอุดรฯเอง นักธุรกิจรายนี้ก็เจือจุนสนับสนุนชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นประจำต่อเนื่องทุกปี
“แม้แต่ห้องประชุมที่ชุดคลี่คลายคดีฆ่าพระหมอที่ใช้ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินช่วยเหลือจากเขาทั้งนั้น แล้วคิดหรือว่าความเคลื่อนไหวที่ตำรวจนั่งถกติดตามคดี จะไม่แพร่งพรายถึงตัวเขา เขาก็ตั้งรับได้สบาย ไม่แปลกที่จนถึงตอนนี้แม้แต่ของกลางรถยนต์ ปืนที่ใช้ก่อเหตุหรือแม้แต่ตัวมือปืนถึงยังควานหาไม่เจอ”แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกต
ที่สำคัญนักธุรกิจใหญ่รายนี้ มีสายสัมพันธ์หรือ คอนเนกชัน ที่แนบแน่นกับผู้ใหญ่ในเมืองอุดรฯ แทบจะทุกวงการ ทั้งนักการเมือง อัยการ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นชาวอุดรฯ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันไม่ธรรมดา
บทบาทของพล.ต.อ.ประชา ที่คร่ำหวอดในวงการสีกากีมานาน ซ้ำโยงถึงเส้นสายนักการเมืองใหญ่ที่เคยครองอำนาจรัฐบาลมานาน มีหรือที่จะทำให้นักธุรกิจใหญ่รายนี้จะยอมจำนนง่ายๆ และล่าสุด พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนงานพิเศษ สตช. โผล่เข้ามาร่วมคลี่คลายคดีในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ รู้กันอยู่ว่านายตำรวจใหญ่รายนี้รับใช้พรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผยมาโดยตลอด
ประเด็นข้อครหาที่ซุบซิบกันทั่วเมืองว่า ท้ายสุดคดีนี้น่าจะลงเอยแบบ ...ไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะหลักฐานวัตถุสำคัญหรือตัวมือปืน กุญแจใหญ่ที่จะสาวไปถึงผู้บงการยังไม่มีวี่แววว่าจะหาเจอ... พล.ต.ท.ปัญญายืนยันว่ากระแสข่าวเหล่านี้ไม่มีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ประชาชนจับตาดูอยู่ ตำรวจต้องเดินหน้าพยายามทำคดีนี้ให้สำเร็จ ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนกฎหมาย
มาถึงบรรทัดนี้...ไม่อยากคาดเดาถึงบทสรุปของคดีสะเทือนขวัญ!ที่โจรใจบาป ฆ่าได้แม้แต่พระภิกษุสงฆ์ คงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า ท้ายสุดแล้วกฎหมายบ้านเมืองจะเที่ยงตรง ยุติธรรมมากกว่าน้ำเงินของนักธุรกิจมากบารมีที่สร้างบุญคุณไว้ทั่วเมืองอุดรฯ