เมื่อวันที่ 12 มีนาคม เวลา10.30 น.พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด (ผช.ผบ.ตร.)พร้อม พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 (รอง ผบช.ภ.4 )และ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องสงสัยเชื่อมโยงคดีฆ่าพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา โดยไม่ได้นำผู้ต้องสงสัยมาแถลงข่าว มีเพียงอาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภาค 4 ที่นำชุดสืบสวน ภาค4 กว่า 50 นาย ลงพื้นที่จุดเป้าหมาย 3 จุด เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลนาอาน อ.เมือง จ.เลย พร้อมหมายศาล พบของกลางประกอบด้วยกระสุนปืนลูกซองเบอร์12 จำนวน 24 นัด กระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 36 นัด ปืนซิกวาวออร์ 1 กระบอก รุ่น P223 และ กล่องเม็กซีนปืน เอ็ม6 อีก 2 เม็ก กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 157 นัด และ อาวุธปืนไร เฟอร์น .22 ติดลำกล้อง 1 กระบอก พร้อม สมุดบันทึก 1 เล่มโดยทั้งหมดเป็นของ นายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลนาอานที่ฝากไว้ในบ้านทั้ง 3 หลัง
ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบว่าอดีตนายเทศมนตรีดังกล่าว เป็นผู้ที่เฝ้าติดตามดูพฤติการณ์พระผู้ตาย รวมถึงเข้ามาใกล้ชิดที่วัด จากพยานหลักฐานหลายอย่าง มีการเชื่อมโยงกับผู้บงการ น่าจะเป็นกลุ่มผู้ร่วมขบวนการสังหาร มีการติดต่อสนิทสนมกันกับกลุ่มผู้บงการ โดยในการให้ปากคำในส่วนที่เกี่ยวกับคดีเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ให้การปฏิเสธคดีฆ่าพระ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ท.ปัญญากล่าวด้วยว่า จากนี้ตำรวจจะติดตามพยานหลักฐานอื่นๆเพื่อให้คดีเดินหน้า คดีนี้จะดำเนินการทุกคน ไม่มีละเว้นและเจ้าของอาวุธปืนนี้น่าจะรู้จักกับผู้จ้างวานมานาน
ซึ่งจากนี้จะติดตามรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และมือปืนเพื่อที่จะได้ทราบถึงผู้จ้างวาน สำหรับมือปืนทราบว่า ยังกบดานในพื้นที่ อ.บ้านผือ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจสายสืบที่ถูกไล่ออกจากราชการ เคยถูกจับดำเนินคดีฆ่าแล้วเผาเศรษฐีเงินกู้ ที่ อ.บ้านผือ เมื่อปีที่แล้ว และขณะนี้ ตำรวจจะนำกำลังปูพรมทั้ง 15 อำเภอในจังหวัด รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงเพื่อตามจับมือปืน และรถยนต์ต้องสงสัย โดยตำรวจทำงานทั้งด้านการสืบและการสอบควบคู่กันไป เมื่อถึงชั้นศาลก็จะต้องต่อสู้คดี จึงต้องใช้วัตถุพยานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมสืบสวนคดีดังกล่าวได้ประชุมอย่างเคร่งเครียดอีกรอบ เพื่อกระชับในพยานหลักฐาน จนเสร็จสิ้นเวลา 12.00 น.จากนั้นทีมสืบสวนได้ออกจากห้องประชุม เพื่อไปตรวจค้น พร้อมเดินหน้าตรวจเช็กกล้องวงจรปิดของรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ รถยนต์ของผู้ต้องสงสัยว่า เข้า-ออกไปหาใครบ้าง ช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ เพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มมือปืน กลุ่มผู้จ้างวาน ไปถึงกลุ่มผู้บงการ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำหลักฐานมาประกอบกันเพื่อขับเคลื่อนในรูปคดีเพื่อเข้าสู่ผู้บงการและคาดว่าจะมีข่าวดีจากทีมจับกุมในเร็วๆนี้
เนื่องจากชุดของพ.ต.อ.ยรรยงค์ เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พร้อมกำลังชุดสืบสวนภาค 4 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 ต.นาดินดำ อ.เมือง จ.เลย พบน.ส.ณัชชา พรมและค้นพบเครื่องกระสุนปืนเอ็ม16อาวุธสงครามซองกระสุ่นปืนจำนวนมาก โดยของกลางทั้งหมดพบในตู้เสื้อผ้าในบ้านพักเกิดเหตุ
ล่าสุด พ.ต.อ.ณัฐกฤต คำวิเศษชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาดินดำ กล่าวว่า จากการสอบถาม น.ส.ณัชชา เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่าของกลางที่พบเป็นของนายวิเวทย์ วิไชโย สามีของตน จากนั้นได้เชิญตัวนายวิเวทย์มาสอบถามเกี่ยวกับของกลางซึ่งก็ได้ให้การยอมรับว่าเป็นของตนโดยนำมาเก็บไว้ที่บ้านพักเกิดเหตุจึงแจ้งข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย โดยนายวิเวทย์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากนั้นได้นำตัว นายวิเวทย์ ผู้ต้องหาฝากขังศาลทหาร ที่มณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายศรีพัชรินทร์ตามประกาศ คสช.ฉบับที่50/2557 เรื่องการมีเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภาค 4 ที่นำชุดสืบสวน ภาค4 กว่า 50 นาย ลงพื้นที่จุดเป้าหมาย 3 จุด เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลนาอาน อ.เมือง จ.เลย พร้อมหมายศาล พบของกลางประกอบด้วยกระสุนปืนลูกซองเบอร์12 จำนวน 24 นัด กระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 36 นัด ปืนซิกวาวออร์ 1 กระบอก รุ่น P223 และ กล่องเม็กซีนปืน เอ็ม6 อีก 2 เม็ก กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 157 นัด และ อาวุธปืนไร เฟอร์น .22 ติดลำกล้อง 1 กระบอก พร้อม สมุดบันทึก 1 เล่มโดยทั้งหมดเป็นของ นายวิเวทย์ วิไชโย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลนาอานที่ฝากไว้ในบ้านทั้ง 3 หลัง
ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบว่าอดีตนายเทศมนตรีดังกล่าว เป็นผู้ที่เฝ้าติดตามดูพฤติการณ์พระผู้ตาย รวมถึงเข้ามาใกล้ชิดที่วัด จากพยานหลักฐานหลายอย่าง มีการเชื่อมโยงกับผู้บงการ น่าจะเป็นกลุ่มผู้ร่วมขบวนการสังหาร มีการติดต่อสนิทสนมกันกับกลุ่มผู้บงการ โดยในการให้ปากคำในส่วนที่เกี่ยวกับคดีเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ให้การปฏิเสธคดีฆ่าพระ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ท.ปัญญากล่าวด้วยว่า จากนี้ตำรวจจะติดตามพยานหลักฐานอื่นๆเพื่อให้คดีเดินหน้า คดีนี้จะดำเนินการทุกคน ไม่มีละเว้นและเจ้าของอาวุธปืนนี้น่าจะรู้จักกับผู้จ้างวานมานาน
ซึ่งจากนี้จะติดตามรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และมือปืนเพื่อที่จะได้ทราบถึงผู้จ้างวาน สำหรับมือปืนทราบว่า ยังกบดานในพื้นที่ อ.บ้านผือ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจสายสืบที่ถูกไล่ออกจากราชการ เคยถูกจับดำเนินคดีฆ่าแล้วเผาเศรษฐีเงินกู้ ที่ อ.บ้านผือ เมื่อปีที่แล้ว และขณะนี้ ตำรวจจะนำกำลังปูพรมทั้ง 15 อำเภอในจังหวัด รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงเพื่อตามจับมือปืน และรถยนต์ต้องสงสัย โดยตำรวจทำงานทั้งด้านการสืบและการสอบควบคู่กันไป เมื่อถึงชั้นศาลก็จะต้องต่อสู้คดี จึงต้องใช้วัตถุพยานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมสืบสวนคดีดังกล่าวได้ประชุมอย่างเคร่งเครียดอีกรอบ เพื่อกระชับในพยานหลักฐาน จนเสร็จสิ้นเวลา 12.00 น.จากนั้นทีมสืบสวนได้ออกจากห้องประชุม เพื่อไปตรวจค้น พร้อมเดินหน้าตรวจเช็กกล้องวงจรปิดของรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ รถยนต์ของผู้ต้องสงสัยว่า เข้า-ออกไปหาใครบ้าง ช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ เพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มมือปืน กลุ่มผู้จ้างวาน ไปถึงกลุ่มผู้บงการ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำหลักฐานมาประกอบกันเพื่อขับเคลื่อนในรูปคดีเพื่อเข้าสู่ผู้บงการและคาดว่าจะมีข่าวดีจากทีมจับกุมในเร็วๆนี้
เนื่องจากชุดของพ.ต.อ.ยรรยงค์ เวชโอสถ รอง ผบก.สส.ภ.4 พร้อมกำลังชุดสืบสวนภาค 4 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 ต.นาดินดำ อ.เมือง จ.เลย พบน.ส.ณัชชา พรมและค้นพบเครื่องกระสุนปืนเอ็ม16อาวุธสงครามซองกระสุ่นปืนจำนวนมาก โดยของกลางทั้งหมดพบในตู้เสื้อผ้าในบ้านพักเกิดเหตุ
ล่าสุด พ.ต.อ.ณัฐกฤต คำวิเศษชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาดินดำ กล่าวว่า จากการสอบถาม น.ส.ณัชชา เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่าของกลางที่พบเป็นของนายวิเวทย์ วิไชโย สามีของตน จากนั้นได้เชิญตัวนายวิเวทย์มาสอบถามเกี่ยวกับของกลางซึ่งก็ได้ให้การยอมรับว่าเป็นของตนโดยนำมาเก็บไว้ที่บ้านพักเกิดเหตุจึงแจ้งข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย โดยนายวิเวทย์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากนั้นได้นำตัว นายวิเวทย์ ผู้ต้องหาฝากขังศาลทหาร ที่มณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายศรีพัชรินทร์ตามประกาศ คสช.ฉบับที่50/2557 เรื่องการมีเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม
