ASTV – ผู้จัดการรายวัน - "เกศรา" เผยหุ้นได้รับผลดีจาก กนง. หั่นดอกเบี้ย มองภาพ ศก. ปีนี้ น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ตลท.เผยทั้งใน SET และ mai 385 แห่ง จ่ายเงินปันผลปี 2557 ล่าสุดรวม 358,124 ล้านบาท และมีอัตราจ่ายเงินปันผล 54% สูงกว่าปีก่อน โดยหมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคาร อาหารและเครื่องดื่ม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวถึงผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมว่า ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน เพราะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า เฟดคงใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ที่จะประชุมกันใหม่ในการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ย โดยเฟดจะต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อม ทั้งภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจโลก ในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย เพราะหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกระทบต่อราคาสินค้าสหรัฐให้แพงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังได้ผลบวกจากการที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่า เศรษฐกิจปีนี้จะโตกว่าปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน
นางเกศราย้ำว่า ตลท.ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อดูแลหุ้นร้อนแต่อย่างใด หลังจากได้ใช้มาตรการ Alert มาแล้ว ตั้งแต่ต้นปี เพื่อเตือนนักลงทุน โดยจะขอรอดูประสิทธิผลของมาตรการนี้อีกระยะหนึ่ง
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับผลประชุมเฟดที่ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย และยังเชื่อว่า จะยังไม่ปรับขึ้นก่อนเดือนกันยายน ซึ่งทำให้นักลงทุนระยะสั้นคลายความกังวล ส่วนนักลงทุนสถาบันที่เป็นนักลงทุนระยะยาว ก็ยังไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังเหมือนเดิม
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท. เปิดเผยว่า ณ วันที่ 13 มีนาคม 2558 มี บจ. ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2557 แล้ว 385 แห่ง รวม 358,124 ล้านบาท แบ่งเป็น บจ. ใน SET จำนวน 318 แห่ง จ่ายเงินปันผลรวม 355,204 ล้านบาท บจ. ใน mai จำนวน 67 แห่ง จ่ายเงินปันผลรวม 2,920 ล้านบาท โดยภาพรวมอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 3% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ระดับ 54% สูงกว่าปีที่แล้วที่อัตรา 48% ทั้งนี้ ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
“ถึงแม้มูลค่าการจ่ายเงินปันผลปี 2557 จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจากผลการดำเนินงานที่ลดลง แต่ บจ. ที่จ่ายเงินปันผลมีจำนวนสูงขึ้นและมีอัตราการจ่ายในระดับที่ดีขึ้น นอกจากนี้การจ่ายหุ้นปันผลของ บจ.จากผลประกอบการรอบล่าสุดยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยมี par value 11,093 ล้านบาท ที่ระดับหมื่นล้านเป็นครั้งแรกจาก 53 บริษัท ซึ่งภาพรวมการจ่ายปันผลทั้งหมดในปีนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ บจ. ในการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนและยังสามารถบริหารกระแสเงินสดสำหรับการลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นหนึ่งช่องทางในการเพิ่มมูลค่าทางกิจการให้สูงขึ้น” นายชนิตรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ 1.บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC 2. บมจ. ปตท. หรือ PTT 3. บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB 4. บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP และ 5.บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC โดยทั้ง 5 บริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผลคิดเป็น 34% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน SET
ขณะที่หมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสูงที่สุดจากปีก่อน 5 อันดับแรก ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคาร อาหารและเครื่องดื่ม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ บจ. ที่อยู่ใน SETHD มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 162,582 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ระดับ 50% และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 3.5%
สำหรับ บจ. ใน mai ที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บมจ. สหการประมูล (AUCT) บมจ. ไพลอน (PYLON) บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) คิดเป็น 30% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน mai และกลุ่มอุตสาหกรรมที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยี
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวถึงผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมว่า ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน เพราะมีความชัดเจนมากขึ้นว่า เฟดคงใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ที่จะประชุมกันใหม่ในการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ย โดยเฟดจะต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อม ทั้งภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจโลก ในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ย เพราะหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกระทบต่อราคาสินค้าสหรัฐให้แพงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังได้ผลบวกจากการที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่า เศรษฐกิจปีนี้จะโตกว่าปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน
นางเกศราย้ำว่า ตลท.ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อดูแลหุ้นร้อนแต่อย่างใด หลังจากได้ใช้มาตรการ Alert มาแล้ว ตั้งแต่ต้นปี เพื่อเตือนนักลงทุน โดยจะขอรอดูประสิทธิผลของมาตรการนี้อีกระยะหนึ่ง
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับผลประชุมเฟดที่ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย และยังเชื่อว่า จะยังไม่ปรับขึ้นก่อนเดือนกันยายน ซึ่งทำให้นักลงทุนระยะสั้นคลายความกังวล ส่วนนักลงทุนสถาบันที่เป็นนักลงทุนระยะยาว ก็ยังไม่เปลี่ยนนโยบายการลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังเหมือนเดิม
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท. เปิดเผยว่า ณ วันที่ 13 มีนาคม 2558 มี บจ. ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2557 แล้ว 385 แห่ง รวม 358,124 ล้านบาท แบ่งเป็น บจ. ใน SET จำนวน 318 แห่ง จ่ายเงินปันผลรวม 355,204 ล้านบาท บจ. ใน mai จำนวน 67 แห่ง จ่ายเงินปันผลรวม 2,920 ล้านบาท โดยภาพรวมอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 3% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ระดับ 54% สูงกว่าปีที่แล้วที่อัตรา 48% ทั้งนี้ ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
“ถึงแม้มูลค่าการจ่ายเงินปันผลปี 2557 จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจากผลการดำเนินงานที่ลดลง แต่ บจ. ที่จ่ายเงินปันผลมีจำนวนสูงขึ้นและมีอัตราการจ่ายในระดับที่ดีขึ้น นอกจากนี้การจ่ายหุ้นปันผลของ บจ.จากผลประกอบการรอบล่าสุดยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยมี par value 11,093 ล้านบาท ที่ระดับหมื่นล้านเป็นครั้งแรกจาก 53 บริษัท ซึ่งภาพรวมการจ่ายปันผลทั้งหมดในปีนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ บจ. ในการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนและยังสามารถบริหารกระแสเงินสดสำหรับการลงทุนทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นหนึ่งช่องทางในการเพิ่มมูลค่าทางกิจการให้สูงขึ้น” นายชนิตรกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ 1.บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC 2. บมจ. ปตท. หรือ PTT 3. บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB 4. บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP และ 5.บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ DTAC โดยทั้ง 5 บริษัทมีอัตราการจ่ายเงินปันผลคิดเป็น 34% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน SET
ขณะที่หมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสูงที่สุดจากปีก่อน 5 อันดับแรก ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธนาคาร อาหารและเครื่องดื่ม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ บจ. ที่อยู่ใน SETHD มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 162,582 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ระดับ 50% และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เท่ากับ 3.5%
สำหรับ บจ. ใน mai ที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บมจ. สหการประมูล (AUCT) บมจ. ไพลอน (PYLON) บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) คิดเป็น 30% ของมูลค่าการจ่ายเงินปันผลใน mai และกลุ่มอุตสาหกรรมที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยี