คุมตัวแก๊งปาบึ้มศาลอาญา 4 ราย ส่งตำรวจพร้อมแจ้งข้อหาก่อการร้าย ฝากขังศาลทหารวันนี้ ระบุคดีนี้ออกหมายจับไป 14 ราย จับได้แล้ว 12 เหลืออีก 2 ผบ.ตร. ยัน "เอนก ซานฟราน" และ "ใหญ่ พัทยา" นายทุนโอนเงิน "เดียร์" กระจายงาน ยังหลบหนีอยู่ เผยผู้ต้องหาก๊วนนี้ ยอมรับรู้เห็นบึ้มพารากอน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจ 15 มี.ค. คุมได้ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง "นายกฯ" สั่งเข้มด้านความมั่นคง ป้องกันข่าวป่วน 100 จุด
เมื่อเวลา 10.30น. วานนี้ (15 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. นำกำลังคุมตัว นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน หรือ สัน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายวิชัย อยู่สุข และ นายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ผู้ต้องหาในเครือข่ายกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิด คดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา มาให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. สอบสวนเบื้องต้น หลังจากครบกำหนดควบคุมตัว 7 วัน ตามกฎอัยการศึก
โดยตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทำการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหา และพิมพ์มือทำประวัติ โดยมีทนายความ ร่วมสังเกตการณ์การสอบสวน ก่อนแจ้ง 7 ข้อหา ทั้งร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น , มีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแก่การสงคราม ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มี และใช้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ , มียุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมชน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้ว 14 คน ประกอบด้วย 1 . นายมหาหิน ขุนทอง 2. นายยุทธนา เย็นภิญโญ 3. นายณัฏฐ์พัชร์ อ่อนมิ่ง 4. นายธัชพรรณ ปกครอง ซึ่งทหารส่งตัวให้พนักงานสอบสวนฝากขังศาลทหารไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา
5. นายสรรเสริญ 6. นายชาญวิทย์ 7. นายวิชัย 8. นายนรภัทร ซึ่งทหารส่งมอบตัวให้วันที่ 15 มี.ค. 9. นายนเรศ 10. นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี 11. นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี 12. นางวาสนา บุษดี 13. นายมนูญ ชัยชนะ หรือ "เอนก ซานฟราน" และ 14. นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือ "ใหญ่ พัทยา"
โดยขณะนี้ จับกุมได้แล้ว 12 คน ยังเหลือ นายวิระศักดิ์ และ นายมนูญ ที่ยังหลบหนี ยังจับกุมไม่ได้ ซึ่ง นายมนูญ นั้นนอกจากข้อหาก่อการร้ายแล้ว ยังมีความผิดฐานขัดหมายเรียก คสช. และมีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯ ด้วย สำหรับ นายมนูญ อยู่ในต่างประเทศ จะมีการดำเนินการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามกระบวนการต่อไป ในส่วน นายวิระศักดิ์ นั้น ก็มีความผิดฐานขัดหมายเรียก คสช.เช่นกัน ขณะนี้กำลังสืบสวนตามจับกุมอยู่ คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย
** เจอข้อหาหนัก "ก่อการร้าย"
"ในจำนวนนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร แก่ผู้ต้องหา 5 คน คือ นายมนูญ นายนรภัทร นายเจษฎาพงษ์ นางสุภาพร และ นางวาสนา เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า เข้าข่ายความผิดนี้ด้วย โดยผู้ต้องหา 4 คน ที่รับมอบตัวในวันที่ 15มี.ค. จะนำตัวฝากขังต่อศาลทหารในวันที่ 16 มี.ค. นอกจากนี้ในวันที่ 18 มี.ค. ทหารจะส่งมอบผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวอยู่อีก 4 คน คือ นายนเรศ นายเจษฎาพงษ์ นางสุภาพร และนางวาสนา ให้แก่ตำรวจเพิ่มเติมด้วย" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องหาให้การว่า รู้จักกับ นางสุภาพร หรือ เดียร์ โดยได้ร่วมกันประชุมวางแผน และแบ่งหน้าที่กันก่อเหตุ ส่วนรายละเอียดต้องรอให้สอบสวนเสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะทราบว่า แต่ละคนทำอะไรบ้าง เบื้องต้นผู้ต้องหา 4 คน ที่รับมอบตัวในครั้งนี้ บางคนยังให้การภาคเสธ อาจเป็นเพราะไม่เข้าใจว่า การอยู่ร่วมรับรู้วางแผน ก็ถือว่ามีความผิด บางคนไม่เข้าใจข้อกฎหมาย แต่จากการสอบสวนสอบสวนเบื้องต้น 4 คนนี้ ร่วมประชุมมีส่วนร่วมในการก่อเหตุแน่นอน
ทั้งนี้ หากสอบสวนไปจนพบว่า ผู้ต้องหารายอื่นๆ นอกเหนือจาก 5 คน ที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายไปแล้ว เข้าข่ายความผิดก่อการร้ายด้วยก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นรายๆ ตามพฤติการณ์และคำให้การของแต่ละคน ทั้งนี้ จากการสืบสวน และสอบสวนทั้งหมดรู้จักกับ นางเดียร์ ติดต่อหารือกัน ร่วมวางแผนมีการจ่ายเงินจ่ายทองกัน เบื้องต้นพบมีการจ่ายเงินกันตั้งแต่ 10,000 บาท 20,000 บาท และ 50,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ทำ เกิดจากอุดมการณ์ มีค่าจ้าง และความเข้าใจผิดๆ ผู้ต้องหาทั้งหมด มีการสื่อสารกันทุกรูปแบบ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อวางแผนในการก่อเหตุและแบ่งหน้าที่กันทำ สรุปได้ว่า ทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาบางรายนั้น เกี่ยวข้องกับการมีแผนก่อเหตุรุนแรง ในวันที่ 15 มี.ค. หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ถือว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่คำให้การของผู้ต้องบางคน ให้การว่ามีการพูดคุยวางแผน ว่าจะก่อเหตุ มีการพูดว่าเตรียมจะก่อเหตุในหลายพื้นที่ มีการตระเตรียมระเบิด เพื่อก่อเหตุ เพื่อนำไปสู่วัตถุประสงค์ที่เขาคิดว่า ก็อาจเป็นความคิด ความเข้าใจที่ได้รับการบอกกล่าวมาอย่างไม่ถูกต้อง หรือถูกหลอกว่า ให้ทำอย่างนี้แล้วจะได้อย่างนั้น อย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาได้รับข้อมูลมาผิดๆ ตลอดจนได้รับค่าจ้างเพื่อมาก่อเหตุ เบื้องต้นออกหมายจับขบวนการนี้แล้ว 14 คน แต่ยังคงสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก โดยหากพบว่า มีใครร่วมกระทำ ทั้งระดับบงการ หรือปฏิบัติก็จะออกมายจับกุมให้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่มั่นใจ ยังพูดไม่ได้ว่าใครอีกบ้าง จนกว่าจะทราบผลการสืบสวนสอบสวนที่มีหลักฐานโยงไปถึงบุคคลเหล่านั้น ทั้งนี้ ในการสืบสวนหาเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาขบวนการนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องประสานไปยัง ปปง.ด้วย
**"นายกฯ"สั่งเข้มด้านความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางกลับจากญี่ปุ่น ถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 เมื่อเวลา 23.55 น. ( 14 มี.ค.) ภายหลังจากเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 และหารือทวิภาคีกับเลขาธิการสหประชาชาติ ที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีมีกระแสข่าวการก่อเหตุความรุนแรง 100 จุดสำคัญทั่วประเทศ ในวันที่ 15 มี.ค. ว่า จะดูแลให้ ขอประชาชนช่วยกันดูแล อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวแล้ว จึงขอให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำในขณะนี้ อาทิ การเพิ่มความเข้มงวดด้านความมั่นคง เพราะบ้านเมืองยังมีคนพวกนี้อยู่ ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มงวด พอบ้านเมืองจะเสียหาย ตนก็เหนื่อยที่จะต้องมาอธิบายประชาชนที่มีความสุขแล้ว จึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้ภาครัฐด้วย โดยรัฐบาลไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก และเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ และได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ดูแลแล้วเพราะได้รับรายงานมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว
**เปิด 10 จุดเฝ้าระวังในกทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ มีการส่งข้อความผ่านทางไลน์ เตือนให้ระวังจุดหลักๆ สถานที่สำคัญ 100 จุดทั่วประเทศ ที่เกรงว่าจะมีการก่อเหตุร้ายในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการระบุ10 จุดสำคัญ ที่ควรหลีกเลี่ยงเดินทางไป พร้อมระบุว่า ทหารได้เข้าไปดูแลในพื้นที่เหล่านี้แล้ว อาทิ
1. อโศก 2. แยกราชประสงค์ 3. สยาม 4. สีลม 5. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 6. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 7. สวนจตุจักร 8. ห้าแยกลาดพร้าว 9. แจ้งวัฒนะ10. สถานทูตอเมริกา
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ประสานการทำงานร่วมกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอดในการจะทำให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด โดยเฉพาะการเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน แม้ว่าคำให้การผู้ต้องหาอาจยังไม่มีข้อพิสูจน์และน้ำหนักที่ชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ประมาท ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องพร้อมปรับมาตรการการดูแลความปลอดภัย เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่ามาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ทางภาครัฐได้พยายามดำเนินการให้อยู่ใน ขณะนี้นั้นมีความสมบูรณ์เพียงพอที่จะรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า ด้านการข่าวของฝ่ายความมั่นคง ยังไม่พบว่าจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มต่างๆ ที่จะก่อเหตุในวันที่ 15 มี.ค. แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ประมาท โดยปรับมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น ใช้มาตรการลาดตระเวนร่วมระหว่างทหารและตำรวจที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่เพิ่มเติมมากขึ้น
**คุมเข้ม 15 มี.ค. มั่นใจไม่มีเหตุร้าย
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึง กรณีที่มีการระบุว่า จะมีเหตุรุนแรงในวันที่ 15 มี.ค. ว่า เรื่องนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และฝ่ายความมั่นคง มีมาตรการเข้มข้นมานานแล้ว ก่อนเหตุระเบิดพารากอน เสียอีก และเข้มข้นขึ้นหลังมีเหตุระเบิด แต่บอกรายละเอียดไม่ได้ว่าทำอะไรบ้าง ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ กรณีมีการส่งข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย แจ้งเตือน ขู่จะมีระเบิดที่นั่น ที่นี่ ขอบอกว่า ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจว่าคุมได้ ขอย้ำว่า มั่นใจว่าจะมีไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น
"ยอมรับว่า มีคำให้การของผู้ต้องหาบางราย ระบุว่าจะมีการสร้างสถานการณ์รุนแรง ฟังมาเจ้าหน้าที่ก็มีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ แต่ต้องยอมรับว่า คนจ้องทำ กับคนเฝ้าระวัง อาจมีช่องเผลอเรอได้ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง มีการทำงานเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ ขอให้พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวมั่นใจได้ วอนไปยังผู้ที่จะก่อเหตุให้คิดดีๆ บ้านเมืองกำลังอยู่ในความสงบ กำลังเดินหน้า " ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากการสืบสวนสอบสวนกลุ่มที่ถูกจับกุมมีส่วนรู้เห็นกับที่ระเบิดพารากอน หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ฟังจากคำให้การของผู้ต้องหาบางคน บอกว่าเกี่ยวข้อง และอยู่ในขบวนการเดียวกัน เพียงแต่ว่าแบ่งหน้าที่กันทำ อาจจะเป็นคนละชุดกัน แต่ว่าจากคำให้การของผู้ต้องหาได้รับฟังคำบอกเล่ามาว่า เป็นกลุ่มเดียวกัน และมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่า พนักงานสอบสวนได้เอาภาพวงจรปิดเหตุระเบิดพารากอน ให้ผู้ต้องหาดูว่ารู้จักกันหรือเปล่า พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนต้องทำ และให้ดู ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากผู้ต้องหาที่สอบสวนมา เพราะบางคนอาจจะไม่รู้จักกันเลยก็ได้ ก็ปกปิดตัวเอง คนละทีม
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวบรรยายแผนผังเครือข่ายผู้ก่อเหตุ ว่า สรุปจากเหตุการณ์ที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มาซักถามในรอบแรก ซึ่งจากการซักถามแล้วให้การเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถขยายเครือข่ายผู้ที่ร่วมประชุม และวางแผนในการกระทำครั้งนี้ทั้งหมด 8 คน นอกจากนี้แล้วยังเชื่อมโยงไปยังกลุ่มของนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ โยงไปถึงบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ ก็คือนายมนูญ ชัยชนะ หรือ อเนก ซานฟาน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่ให้เงินสนับสนุนและโอนเงินมาให้กับนางสุภาพร และผ่านไปทางนางวาสนา บุษดี ส่งต่อเข้ามาให้กับผู้ที่กระทำความผิด เอาอาวุธและเงินไปมอบให้กับผู้ที่ลงมือกระทำความผิด โดยมีอีกส่วนจัดหาระเบิดอาวุธไว้ให้
"ลักษณะการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นกลุ่มก้อน มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมา เรียกกลุ่มองค์กรภาคีเพื่อสิทธิมนุษยชน และร่วมกระทำความผิด ปกปิดวิธีดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง และทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความหวาดกลัว โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในเรื่องของความผิดฐานก่อการร้าย อันนี้คือ ประเด็นที่ 1 ประเด็นที่ 2 มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาปกปิดวิธีดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ก็เป็นความผิดฐานอั้งยี่ " ผบก.น. 6 กล่าว และว่า ตอนนี้ก็เริ่มดำเนินการสืบสวนต่อ จะมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลออกไปยังกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และนายทุนที่อยู่ต่างประเทศ ที่เข้ามาดำเนินการ และบางคนยังหนีหมายศาล ในเรื่องของคดีตาม มาตรา 112 อีกหลายคน ส่วนคนที่หลบหนีคือ นายมนูญ ขณะนี้อยู่เมืองนอก มีเรื่องของหมิ่นฯ ขัดหมายเรียก และโดนในเรื่องของการให้เงินสนับสนุนในการก่อการร้าย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทหารและตำรวจต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี" พล.ต.ต.ชยพล กล่าว
**"บิ๊กป้อม"ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสการป่วนระเบิด 100 จุดทั่วประเทศ ตามคำให้การของผู้ต้องหา ปาระเบิดศาลอาญาที่ประชาชนมีความกังวลความปลอดภัย ว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย เพราะฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ได้ร่วมกันดูแลอย่างเต็มที่ ประกอบกับได้มีการข่าวติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลาเช่นกัน อีกทั้งตนขอให้ประชาชน ช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลหากพบความผิดปกติ หรือต้องสงสัยใดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเฝ้าระวัง
"ส่วนการติดตามผู้บ่งการปาระเบิดศาลอาญารัชดา ที่ยังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ผมคิดว่าต้องใช้เวลาในการติดตามตัวแต่จะประสานพูดคุยกับประเทศที่หลบหนีให้มีความเข้าใจว่าผู้ต้องหาคนนั้นกระทำผิดใดบ้างเพื่อประสานขอให้ติดตามตัวต่อไปส่วนการเฝ้าระวังการหลบหนีตามแนวชายแดนก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มอยู่ทุกจุดเช่นกัน ส่วนความคืบหน้าต่างๆต้องให้ตำรวจผู้ทำคดีเป็นผู้ให้ข้อมูล" พล.อ.ประวิตร กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ทางรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง คงมีแผนรับมืออยู่แล้ว ซึ่งต้องเฝ้าระวัง และไม่ประมาท รวมถึงประชาชน ก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่วันนี้ แต่รวมถึงวันอื่นๆ ด้วย
ส่วนกรณีที่ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ระบุว่า กลุ่มก่อความไม่สงบ มีเครือข่ายอยู่ในต่างประเทศนั้น ตนเชื่อว่า เป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้ว รัฐบาลต้องหาแนวทางว่า จะทำอย่างไร ในการประสานกับต่างประเทศ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้กลุ่มดังกล่าวใช้ประเทศนั้นๆ เคลื่อนไหวสร้างปัญหาให้ประเทศไทย.