คุมตัวแก๊งบึ้มปาศาลอาญา 4 ราย ส่งตำรวจพร้อมแจ้งข้อหา ฝากขังศาลทหารพรุ่งนี้ ระบุคดีนี้ออกหมายจับไป 14 ราย จับได้แล้ว 12 เหลืออีก 2 ทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผบ.ตร .ยัน “อเนก ซานฟราน” และ “ใหญ่ พัทยา” นายทุน โอนเงิน “เดียร์” กระจายงานยังหลบหนีอยู่ เผยผู้ต้องหาก๊วนนี้รับรู้เห็นบึ้มพารากอน
วันนี้ (15 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. นำกำลังคุมตัวนายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน หรือ สัน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายวิชัย อยู่สุข และ นายนรภัทร เหลือผล หรือ บาส ผู้ต้องหาในเครือข่ายกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มาให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. สอบสวนเบื้องต้น หลังจากครบกำหนดควบคุมตัว 7 วันตามกฎอัยการศึก โดยตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา และพิมพ์มือทำประวัติ โดยมีทนายความร่วมสังเกตการณ์การสอบสวนด้วย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้ว 14 คน ประกอบด้วย 1. นายมหาหิน ขุนทอง 2. นายยุทธนา เย็นภิญโญ 3. นายณัฏฐ์พัชร์ อ่อนมิ่ง 4. นายธัชพรรณ ปกครอง ซึ่งทหารส่งตัวให้พนักงานสอบสวนฝากขังศาลทหารไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา 5. นายสรรเสริญ 6. นายชาญวิทย์ 7. นายวิชัย 8. นายนรภัทร ซึ่งทหารส่งมอบตัวให้วันนี้ 9. นายนเรศ 10. นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ อายุ 44 ปี 11. นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี 12. นางวาสนา บุษดี 13. นายมนูญ ชัยชนะ หรือ “อเนก ซานฟราน” และ 14. นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือ “ใหญ่ พัทยา” โดยขณะนี้ จับกุมได้แล้ว 12 คน ยังเหลือ นายวิระศักดิ์ และ นายมนูญ ที่ยังหลบหนี ยังจับกุมไม่ได้ ซึ่ง นายมนูญ นั้นนอกจากข้อหาก่อการร้ายแล้ว ยังมีความผิดฐานขัดหมายเรียก คสช. และมีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯ ด้วย สำหรับ นายมนูญ อยู่ในต่างประเทศ จะมีการดำเนินการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามกระบวนการต่อไป ในส่วน นายวิระศักดิ์ นั้น ก็มีความผิดฐานขัดหมายเรียก คสช. เช่นกัน ขณะนี้กำลังสืบสวนตามจับกุมอยู่ คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย
“ในจำนวนนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาก่อการร้ายอั้งยี่ ซ่องโจร แก่ผู้ต้องหา 5 คน คือ นายมนูญ นายนรภัทร นายเจษฎาพงษ์ นางสุภาพร และ นางวาสนา เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าเข้าข่ายความผิดนี้ด้วย โดยผู้ต้องหา 4 คนที่รับมอบตัวในวันนี้ จะนำตัวฝากขังต่อศาลทหารในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) นอกจากนี้ ในวันที่ 18 มี.ค. ทหารจะส่งมอบผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวอยู่อีก 4 คน คือ นายนเรศ นายเจษฎาพงษ์ นางสุภาพร และ นางวาสนา ให้แก่ตำรวจเพิ่มเติมด้วย” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องหาให้การว่ารู้จักกับ นางสุภาพร หรือ เดียร์ โดยได้ร่วมกันประชุมวางแผนและแบ่งหน้าที่กันก่อเหตุ ส่วนรายละเอียดต้องรอให้สอบสวนเสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะทราบว่าแต่ละคนทำอะไรบ้าง เบื้องต้นผู้ต้องหา 4 คน ที่รับมอบตัวในวันนี้ บางคนยังให้การภาคเสธ อาจเป็นเพราะไม่เข้าใจว่าการอยู่ร่วมรับรู้วางแผนก็ถือว่ามีความผิด บางคนไม่เข้าใจข้อกฎหมาย แต่จากการสอบสวนสอบสวนเบื้องต้น 4 คนนี้ ร่วมประชุมมีส่วนร่วมในการก่อเหตุแน่นอน ทั้งนี้ หากสอบสวนไปจนพบว่าผู้ต้องหารายอื่นๆ นอกเหนือจาก 5 คน ที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายไปแล้วเข้าข่ายความผิดก่อการร้ายด้วยก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นรายๆ ตามพฤติการณ์และคำให้การของแต่ละคน ทั้งนี้ จากการสืบสวนและสอบสวนทั้งหมดรู้จักกับนางเดียร์ ติดต่อหารือกัน ร่วมวางแผนมีการจ่ายเงินจ่ายทองกัน เบื้องต้นพบมีการจ่ายเงินกันตั้งแต่ 10,000 บาท 20,000 บาท และ 50,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ทำ เกิดจากอุดมการณ์ มีค่าจ้าง และความเข้าใจผิดๆ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีการสื่อสารกันทุกรูปแบบ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อวางแผนในการก่อเหตุและแบ่งหน้าที่กันทำ สรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาบางรายนั้น เกี่ยวข้องกับการมีแผนก่อเหตุรุนแรงในวันที่ 15 มี.ค. หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ถือว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่คำให้การของผู้ต้องบางคน ให้การว่ามีการพูดคุยวางแผน ว่าจะก่อเหตุ มีการพูดว่าเตรียมจะก่อเหตุในหลายพื้นที่ มีการตระเตรียมระเบิด เพื่อก่อเหตุ เพื่อนำไปสู่วัตถุประสงค์ที่เขาคิดว่า ก็อาจเป็นความคิด ความเข้าใจที่ได้รับการบอกกล่าวมาอย่างไม่ถูกต้อง หรือถูกหลอกว่าให้ทำอย่างนี้แล้วจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาได้รับข้อมูลมาผิดๆ ตลอดจนได้รับค่าจ้างเพื่อมาก่อเหตุ เบื้องต้นออกหมายจับขบวนการนี้แล้ว 14 คน แต่ยังคงสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก โดยหากพบว่ามีใครร่วมกระทำ ทั้งระดับบงการ หรือปฏิบัติก็จะออกมายจับกุมให้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่มั่นใจ ยังพูดไม่ได้ว่าใครอีกบ้างจนกว่าจะทราบผลการสืบสวนสอบสวนที่มีหลักฐานโยงไปถึงบุคคลเหล่านั้น ทั้งนี้ ในการสืบสวนหาเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาขบวนการนี้นั้นพนักงานสอบสวนจะต้องประสานไปยัง ปปง. ด้วย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงที่มีการระบุว่าจะมีเหตุรุนแรงในวันนี้ (15 มีนาคม) ว่า เรื่องนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และฝ่ายความมั่นคง มีมาตรการเข้มข้นมานานแล้ว ก่อนเหตุระเบิดพารากอนเสียอีก และเข้มข้นขึ้นหลังมีเหตุระเบิดแต่บอกรายละเอียดไม่ได้ว่าทำอะไรบ้าง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ กรณีมีการส่งข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย แจ้งเตือน ขู่จะมีระเบิดที่นั่นที่นี่ ขอบอกว่าทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจว่าคุมได้ ขอย้ำว่ามั่นใจว่าจะมีไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น
“ยอมรับว่ามีคำให้การของผู้ต้องหาบางราย ระบุว่า จะมีการสร้างสถานการณ์รุนแรง ฟังมาเจ้าหน้าที่ก็มีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ แต่ต้องยอมรับว่าคนจ้องทำ กับคนเฝ้าระวัง อาจมีช่องเผอเรอได้ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการทำงานเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ ขอให้พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวมั่นใจได้ วอนไปยังผู้ที่จะก่อเหตุให้คิดดีๆ บ้านเมืองกำลังอยู่ในความสงบ กำลังเดินหน้า” ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่าหลังจากการสืบสวนสอบสวนกลุ่มที่ถูกจับกุมมีส่วนรู้เห็นกับที่ระเบิดพารากอนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ฟังจากคำให้การของผู้ต้องหาบางคนบอกว่าเกี่ยวข้องและอยู่ในขบวนการเดียวกัน เพียงแต่ว่าแบ่งหน้าที่กันทำ อาจจะเป็นคนละชุดกัน แต่ว่าจากคำให้การของผู้ต้องหาได้รับฟังคำบอกเล่ามาว่าเป็นกลุ่มเดียวกันและมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่าพนักงานสอบสวนได้เอาภาพวงจรปิดเหตุระเบิดพารากอนให้ผู้ต้องหาดูว่ารู้จักกันหรือเปล่า พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนต้องทำและให้ดู ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากผู้ต้องหาที่สอบสวนมา เพราะบางคนอาจจะไม่รู้จักกันเลยก็ได้ ก็ปกปิดตัวเองคนละทีม
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวบรรยายแผนผังเครือข่ายผู้ก่อเหตุ ว่า สรุปจากเหตุการณ์ที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มาซักถามในรอบแรก ซึ่งจากการซักถามแล้วให้การเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถขยายเครือข่ายผู้ที่ร่วมประชุมและวางแผนในการกระทำครั้งนี้ทั้งหมด 8 คน นอกจากนี้แล้ว ยังเชื่อมโยงไปยังกลุ่มของ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ โยงไปถึงบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ ก็คือ นายมนูญ ชัยชนะ หรือ อเนก ซานฟาน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มนายทุนที่ให้เงินสนับสนุนและโอนเงินมาให้กับนางสุภาพร และผ่านไปทางนางวาสนา บุษดี ส่งต่อเข้ามาให้กับผู้ที่กระทำความผิด เอาอาวุธและเงินไปมอบให้กับผู้ที่ลงมือกระทำความผิด โดยมีอีกส่วนจัดหาระเบิดอาวุธไว้ให้
“ลักษณะการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นกลุ่มก้อนมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมา เรียกกลุ่มองค์กรภาคีเพื่อสิทธิมนุษยชน และร่วมกระทำความผิดปกปิดวิธีดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง และทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความหวาดกลัว โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในเรื่องของความผิดฐานก่อการร้าย อันนี้คือประเด็นที่ 1 ประเด็นที่ 2 มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาปกปิดวิธีดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองก็เป็นความผิดฐานอั้งยี่"ผบก.น.6 กล่าวและว่า ตอนนี้ก็เริ่มดำเนินการสืบสวนต่อ จะมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลออกไปยังกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และนายทุนที่อยู่ต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินการ และบางคนยังหนีหมายศาล ในเรื่องของคดีตามมาตรา 112 อีกหลายคน ส่วนคนที่หลบหนีคือ นายมนูญ ขณะนี้อยู่เมืองนอก มีเรื่องของหมิ่นฯ ขัดหมายเรียก และโดนในเรื่องของการให้เงินสนับสนุนในการก่อการร้าย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทหารและตำรวจต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว