ผบ.ตร. รับตัว 4 ผู้ต้องหาปาบึ้มศาลอาญาจากทหาร เผยรวบได้แล้ว 10 ทหารยังคุมตัวอยู่ 6 ราย คาดออกหมายจับได้อีก ชี้เป็นกลุ่มเดียวกันก่อบึ้มพารากอน เหตุจูงใจการเมือง ไม่ขอพูดฝีมือเสื้อแดงหรือไม่ หวั่นขัดแย้ง แต่เชื่อหวังผลชักยูเอ็นเข้าบ้าน เผย “นางเดียร์” บงการบึ้มตั้งแต่ปี 53 มีภาพหลักฐานกลุ่มผู้ต้องหาถ่ายภาพคู่ “ชัยสิทธิ์”
วันนี้ (13 มี.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวน และ พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) นำกำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีขว้างระเบิดใส่บริเวณศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ นายมหาหิน ขุนทอง ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ นายยุทธนา เย็นภิญโญ ผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และปาระเบิด น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ อ่อนมิ่ง และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ซึ่งรู้เห็นการปาระเบิด มาให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สอบปากคำ และให้พนักงานสอบสวนทำการแจ้งข้อกล่าวหา สอบสวน และเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดยใช้เวลาสอบสวนกว่า 2 ชั่วโมง โดย ผบ.ตร. ได้นำยาทาแผลสดมาทำแผลให้นายมหาหินที่มีบาดแผลจากการถูกกุญแจมือบาดด้วย ก่อน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ทีมสืบสวนสอบสวนคดีนี้ นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุประกอบสำนวนการสอบสวน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวก่อนรับตัวผู้ต้องหาว่า จะนำข้อมูลจากการสอบสวนของฝ่ายทหาร ที่สอบสวนในชั้นหนึ่งแล้ว มาเป็นฐานข้อมูลเพื่อตั้งคำถามกับผู้ต้องหาในการสอบสวนของตำรวจ ทั้งนี้ ข้อมูลใดที่ได้จากฝ่ายทหารหากเป็นประโยชน์ก็จะใส่ในสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตาม สำหรับ น.ส.สุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ที่เพิ่งจับกุมได้นั้นยังอยู่ในการควบคุมของฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึก ยังไม่ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนจะไม่เปิดเผยรายละเอียดการสืบสวนสอบสวนคดีนี้หากกระทบต่อรูปคดี
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นการจัดฉาก ผบ.ตร. กล่าวว่า การตั้งข้อสังเกตใดๆ เป็นสิทธิ ที่ผ่านมาหลายคนใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย แสดงความคิดเห็นทางคดี แนวทางการสืบสวน แนะนำตำรวจให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผิดบ้างถูกบ้าง แต่ทั้งนี้ตำรวจยืนยันว่าจะทำตามพยานหลักฐาน สิ่งที่ปรากฏ ยึดกฎหมาย
“เราจะไม่ทำอะไรที่มันผิดๆ หลายๆ ครั้งเมื่อผลคดีถึงที่สุด ก็จะประจักษ์เองว่าจัดฉากหรือไม่ กรณีนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกจับกุมตอนแรก นำตัวมาแถลงข่าวให้สื่อซึ่งเป็นคนกลางได้ซักถามผู้ต้องหาเอง การเปิดโอกาสให้สื่อซักถามนั่นเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของเจ้าหน้าที่แล้ว ให้โอกาสผู้ต้องหาได้พูดกับสื่อต่อสาธารณชน และการพูดของผู้ต้องหาก็เป็นไปโดยความสมัครใจ ความจริงที่เขาจะพูด เพราะสิ่งเรานี้ปรากฏออกไปใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้ เขาคงไม่พูดอะไรที่ทำให้เขาเสียหาย หรือเสียเปรียบในทางคดี ผมเชื่อว่าผู้ต้องหามีวุฒิภาวะพอ รู้ว่าตัวเองควร หรือไม่ควรพูดอะไร หากสิ่งที่ใดที่ทำให้ตัวเองรับข้อหา ต้องถูกดำเนินคดี ผมเชื่อว่าเป็นความจริง ถ้าพูดแล้วตัวเองกระทบคงไม่พูดหรอก สำหรับผู้ที่แสดงความคิดเห็นก็ต้องรับฟัง แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่ก็รับฟัง” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่ามีการซัดทอดถึง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. นั้นการสืบสวนไปถึงหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าซัดทอด เท่าที่ตนได้ยินได้ฟังไม่ใช่การซัดทอดเพียงแต่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนไปค้นเอกสารในบ้านผู้ต้องหา และพบนามบัตรของท่าน
“อย่างที่เคยบอกว่าท่านจะให้นามบัตร รู้จัก สนิทสนมกับใครเป็นสิทธิของท่าน แต่ที่สำคัญตอนนี้จากการสืบสวนสอบสวนยังไม่มีพยานหลักฐานประจักษ์ว่าท่านเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือ หรืออยู่เบื้องหลังการกระทำผิด เราจะพูดได้ก็ต่อเมื่อมีพยานหลักฐาน นำไปสู่การอนุมัติขอหมายจับเท่านั้น ยังไม่มีพยานหลักฐานชี้ว่าท่านอยู่เบื้องหลังหรือเกี่ยวข้อง เพียงแต่ผู้ต้องหาพูดถึงท่าน หรือเจอนามบัตรของท่าน ซึ่งในทางคดีไม่มีน้ำหนักเพียงพอจะไปดำเนินคดี ดำเนินการอะไรกับท่านเหล่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีการให้การ ก็ต้องมีการสอบถามใส่ในสำนวนการสอบสวน ต้องถามให้ปรากฏชัดว่ารู้จักกันได้อย่างไร มากน้อยแค่ไหน เกี่ยวข้องหรือไม่ ได้นามบัตรมาอย่างไร หากผู้ต้องหากอกว่ารู้จักท่านเคยไปกินข้าวกับท่าน ได้นามบัตรท่านมาก็เท่านั้นเอง” ผบ.ตร. กล่าว
ต่อมาหลังจากสอบสวนผู้ต้องหา พล.ต.อ.สมยศ นำคณะแถลงข่าว โดยได้นำภาพแผนผังเครือข่ายผู้ร่วมกระทำผิดคดีปาระเบิดศาลอาญา รัชดา แสดงต่อสื่อมวลชนด้วย โดย ผบ.ตร. แถลงว่า วันนี้ทหารนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย มาส่งมอบให้กับตำรวจ เพื่อทำการสอบปากคำ พิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทุกคนทราบ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหา 3 คน คือ นายมหาหิน นายยุทธนา และ น.ส.ณัฏฐพัชร์ ให้การรับสารภาพ ส่วน น.ส.ธัชพรรณ ปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น แต่อย่างไรก็ดี จากข้อมูลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า น.ส.ธัชพรรณ เป็นภรรยาของนายยุทธนา และได้เข้าไปอยู่ในห้องประชุมวางแผนการก่อเหตุด้วย ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาเช่นเดียวกันทั้ง 3 คนไว้ก่อน ส่วนการสอบสวนจะออกมาอย่างไรจะให้ความเป็นธรรม
“จากนี้เป็นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนในการดำเนินกรตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนนี้ ขณะที่ยังมีผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของเจาหน้าที่ทหารอีก 6 คน โดยจะส่งมอบตัวให้กับพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 มี.ค. นี้ เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามกำหนดเวลาควบคุมตัวผู้ต้องหา 7 วันตามกฎอัยการศึก และจะได้นำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นคาดว่าในวันอาทิตย์นี้จะได้ตัวมาประมาณ 3 คน เพราะระยะเวลาในการจับกุมผู้ต้องหาแต่ละรายไม่เท่ากัน” ผบ.ตร. กล่าวและว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่เหลือ และจะได้นำมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อสืบสวนขยายผลต่อไป หากผู้ต้องหาซัดทอดไปถึงบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป โดยจะยึดหลักความถูกต้อง พยานหลักฐานเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีอย่างแน่นอน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานและการให้การซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับกลุ่มแรก สามารถนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับได้เพิ่มอีก 6 คน คือ นายณเรศ อินทรโสภา อายุ 32 ปี เจ้าของสำนักงานหมูปิ้งนมสด จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมวางแผนก่อเหตุ นายสรรเสริญ หรือสัน ศรีอุ่นเรือน อายุ 63 ปี ผู้ร่วมประชุมวางแผนและวิทยากร นายวิชัย อยู่สุข หรือ ตั้ม มีนบุรี อายุ 49 ปี ผู้ร่วมประชุมวางแผน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล อายุ 61 ปี ผู้ร่วมประชุมวางแผนและวิทยากร นายวิระศักดิ์ โตวังจร อายุ 42 ปี หรือ บิ๊ก หรือ ใหญ่ พัทยา ผู้ร่วมประชุมวางแผนและผู้จัดหาระเบิด และนางเดียร์ ผู้ว่าจ้างให้ปาระเบิด
เมื่อถามว่า จากข้อมูลการสืบสวนของตำรวจนั้น นางเดียร์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายทางการเมืองตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในทางการสืบสวนนั้นใช่ และต้องรอรายละเอียดการสอบสวนเพิ่มเติมก่อน แต่จากการสืบสวนพบว่าใช่โดยเฉพาะเหตุที่ใช้ระเบิดชนิดอาร์จีดีไฟว์ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่รับตัววันนี้ไม่พบประวัติเกี่ยวข้อง หรือเคยก่อเหตุแต่อย่างใด ส่วนจะมีบุคคลที่สั่งการนางเดียร์อีกทอดหนึ่งหรือไม่นั้น ต้องรอการสอบสวนนางเดียร์ หลังจากที่ทหารส่งมอบตัวมาให้ก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่อยากระบุว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดอย่างไร ต้องรอการสอบสวนจากผู้ต้องหาให้ละเอียดชัดเจนเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถามว่า ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม และหน้าห้างสยามพารากอน หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สรุปว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีความคิดหรือแนวอุดมการณ์หรือมีทัศนคติไปในแนวทางเดียวกัน และรู้จักกัน แต่การลงมือกระทำความผิดอาจจะแยกกันกระทำความผิด เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนอย่างละเอียดก่อน
เมื่อถามถึงกรณีผู้ต้องหาซัดทอดถึงบุคคลอื่น ผบ.ตร. ระบุว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการสืบสวนของพนักงานสอบสวนที่จะต้องหาข้อมูลทั้งการสอบสวนและการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมายืนยันคำให้การของผู้ต้องหาเพื่อให้ละเอียดครบถ้วน เจ้าหน้าที่ไม่ได้เชื่อว่าคำให้การของผู้ต้องหานั้นเป็นความจริงทั้งหมด
เมื่อถามว่าเหตุใดผู้ต้องหาถึงต้องก่อเหตุที่ศาลอาญาฯ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมากระทั่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังตามสถานที่เสี่ยงต่างๆ อย่างเข้มข้น เช่น ป.ป.ช. ดีเอสไอ และศาล เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้หรือไม่ว่าผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช. ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่อยากพูดแบบนั้นเนื่องจากอาจจะเกิดความขัดแย้งในสังคมได้ เพียงแต่คนร้ายกลุ่มนี้อาจจะเกิดการหลงผิดแล้วก่อเหตุรุนแรง เพื่อต้องการให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจได้รับข้อมูลมาแบบผิดๆ จึงลงมือก่อเหตุลงไป แต่ขณะนี้ทางรัฐบาล และ คสช. พยายามที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งเพื่อลดความแตกแยกในสังคม ดังนั้น ขณะนี้หากกลุ่มคนที่มีความคิดขัดแย้งแตกต่างและเตรียมสร้างความรุนแรงวุ่นวาย ก็ขอให้รอรัฐบาลได้ทำงานก่อนเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าความแตกแยกจะหมดไป และยืนยันตำรวจทำตามหน้าที่ กลไกบ้านเมืองไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล กล่าวบรรยายแผนผังเครือข่ายผู้ก่อเหตุ ที่มีเชื่อเรียกว่า กลุ่มองค์กรภาคีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชน ว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนร่วมกันว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้มีการวางแผน จุดเริ่มตั้งแต่ห้างสยามพารากอน พอเกิดเหตุที่พารากอนเจ้าหน้าที่ทหารมีการสั่งการโดย คสช. สั่งการมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันวางแผนป้องกันเหตุทุกจุด ไม่ใช่เฉพาะที่ศาลอาญาแต่ทำทุกจุดทั่วกรุงเทพฯ ปัจจุบันนี้ก็ยังทำต่อ จากจุดศาลอาญา ถ.รัชดา การข่าวค่อนข้างแน่ชัดว่าจะมีการก่อเหตุ ก็มีการวางกำลังกันทั้งทหารตำรวจแบ่งหน้าที่กันทำ
“ในวันที่เกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์และได้มีการวางแผนกัน 2 คนร้ายเอาระเบิดมาขว้างและก็หนี ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารซุ่มอยู่ก็เข้าไปทำการจับกุม ได้เกิดการปะทะกันเล็กน้อย คนร้าย 2 คนที่จับมาก็คือนายมหาหิน กับนายยุทธนา หลบหนีเข้าไปในพื้นที่ข้างเคียง และเจ้าหน้าที่ทหารก็ตามเข้าไปจับกุมตัวได้ จากการสอบสวนขยายผลแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับตำรวจช่วยกันซักถามคนร้าย 2 คน ก็ให้การซัดทอดพาดพิงถึงกลุ่มบุคคลที่มาก่อเหตุร่วมกันวางแผน โดยมีเครือข่ายที่มีการจ้างวาน มีการโอนเงินเข้ามา และสุดท้ายเอาระเบิดอาร์จีดี 5 มามอบให้กับฝ่ายผู้ต้องหาเพื่อก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกลุ่มแรก 5 คน ประกอบด้วยนายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ อ่อนมิ่ง น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง และ นายวีระศักดิ์ โตวังจร” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนและขยายผลอีก ก็มีการออกหมายจับกลุ่มที่ 2 อีก 4 คนโดยหมายจับศาลทหารกรุงเทพฯ คือ นายณเรศ อินทรโสภา นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายวิชัย อยู่สุข และ นายชาญวิทย์ จริยานุกูล ขณะนี้ถูกควบคุมตัวของฝ่ายทหารยังไม่ได้ส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบสวน เช่นเดียวกับนางเดียร์ ที่เป็นผู้จ้างวานปาระเบิด ซึ่งยังอยู่ในการควบคุมของทหาร ทั้งนี้ กลุ่มนี้ก็มีการขยายผลต่อไปอีก ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานงานระหว่าง ตำรวจกับฝ่ายทหาร มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และเร็วๆ นี้ จะมีการออกหมายจับ นายบาส และนายวิทย์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมประชุมวางแผนเพิ่มเติม ทั้งนี้ อาจมีคนอื่นอีก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นคนที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างนางเดียร์กับกลุ่มนายนเรศ
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างทำการสอบสวน พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้นำภาพถ่ายขนาดเท่ากระดาษ เอ4 ซึ่งเป็นภาพที่ น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ และ นายยุทธนา ถ่ายคู่กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนดูเพื่อยืนยันการรู้จักกันด้วย โดยในภาพ น.ส.ณัฏฐ์พัชร์ สวมหมวกแก๊ปสีดำมีตราแผ่นดินหน้าหมวก ปีกหน้ามีช่อชัยพฤกษ์ ซึ่งลักษณะเหมือนหมวกแก๊ปของตำรวจ ขณะที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ สวมเสื้อยืดแบบโปโลสีส้มแถบลายขวางสีน้ำเงิน ส่วน นายยุทธนา สวมแจ๊กเก็ตสีกากีอ่อน โดยถ่ายในสถานที่หรูหรา คล้ายบ้านพัก จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำภาพดังกล่าวให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดูอีกครั้งพร้อมบันทึกในสำนวนการสอบสวน
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 รายนั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหารสามารถจับกุมตัว นายชาญวิทย์ จริยานุกูล อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาคดีปาระเบิด บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มีเพียง นายวีรศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา อายุ 42 ปี ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ด้านพนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับเพิ่มเติมภายในวันนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ อาทิ นายบาส (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) และ นายวิทย์ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งทั้งคู่ได้ร่วมประชุมวางแผนก่อนที่จะมีเหตุระเบิด ส่วน นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปีนั้น ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับต่างให้การว่านางเดียร์คือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เพื่อหวังให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ภายในประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เพื่อตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐาน การสนทนาทางไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา เพราะได้รับแจ้งเบาะแสว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะมีการเตี้ยมก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ที่จะถึงนี้ จากการตรวจสอบไลน์ของผู้ต้องหาพบว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. กลุ่มผู้ต้องหามีการแสดงคิดเห็นพิมพ์ข้อความส่งทางไลน์ เสนอจุดที่ลงมือวางระเบิดในวันดังกล่าว โดยมีชื่อวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อยู่ในเป้าหมายด้วย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ควบคุมตัวผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญาจำนวน 4 ราย คือ นายมหาหิน ขุนทอง น.ส.ณัฏร์พัชร์ หรือ นัท อ่อนมิ่ง นายยุทธนา เย็นภิญโญ และ น.ส.ธัชพรรณ หรือ ไข่มุก ปกครอง อายุ 20 ปี มาสอบสวนเพิ่มเติมที่ห้องสอบสวนความมั่นคง บช.น. โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง