ตำรวจนำตัว 4 ผู้ต้องหาปาบึ้มใส่ศาลอาญา ฝากขังศาลทหาร 12 วัน ด้านตุลาการพิเคราะห์มีเหตุให้อนุญาติ ก่อนให้ราชทัณฑ์พาไปเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น.เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้นำตัวนายสรรเสริญ หรือสัน ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายวิชัย อยู่สุข และนายนรภัทร หรือบาส เหลือผล มายื่นคำร้องขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ เพื่อฝากขังผู้ต้องหาชุดที่สองที่เป็นเครือข่ายกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีขว้างระเบิดสังหารอาร์จีดี-5 ล็อต 57 เข้าใส่ลานจอดรถของศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กทม. เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2558 ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-27 มี.ค. 2558 ในข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น, มีและใช้กระสุนปืนสงคราม,มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์, มียุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในครอบครองไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 50/2557 ทั้งนี้ ในส่วนของนายนรภัทรได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจรเพิ่มเติมด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ทหารทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยด้านหน้าอาคารเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
ทั้งนี้ นายชาญวิทย์กล่าวก่อนเข้ารับฟังการพิจารณาคำร้องของศาลทหารกรุงเทพฯ ว่า ยอมรับว่าได้มีการประชุมจริงที่จ.ขอนแก่น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการวางแผนปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยเป็นเพียงการประชุมหารือทางการเมือง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน โดยที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือในการตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมยืนยัน ไม่รู้จักนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือนางเดียร์ และนายมนูญ ชัยชนะ หรือ อเนก ซานฟราน แต่ยอมรับว่าเคยติดตามข้อมูลข่าวสารของอเนก ซานฟรานผ่านโซเชียลมีเดีย
จากนั้นเวลา 12.30 น. คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาอ่านคำร้องที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เป็นระยะเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 16-27 มี.ค. 2558 เนื่องจากเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่ายังคงต้องสืบพยานเพิ่มเติม และตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญากร โดยคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอจึงอนุญาตให้ฝากขังตามที่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ได้นำตัวทั้งหมดไปฝากขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที
