ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังกันมาก ข้อมูลจากสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ คาดว่ามีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มปีละประมาณ 10,000 คน แนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีผู้ที่เป็นไตวายระยะสุดท้าย 200,000 คน ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน รวมทั้งโรคนิ่วในไต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะทำให้เส้นเลือดฝอยในไต และเนื้อไตเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ จึงเป็นเสมือนเพชฌฆาตเงียบทำลายคุณภาพชีวิต ต้องอาศัยการล้างไตช่วยระบายของเสียออกทางหน้าท้องวันละ 3 - 4 ครั้ง หรือฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งไปตลอดชีวิต การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือ การผ่าตัดปลูกถ่ายเปลี่ยนไต โดยใช้ไตบริจาคจากญาติ 1 ข้าง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง หรือผู้บริจาคที่เสียชีวิตจากสมองตาย ซึ่งแต่ละปี มีผู้บริจาคน้อยมาก ข้อมูลศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ล่าสุดปี 2557 มีผู้ป่วยรอรับไตจากผู้บริจาค 4,203 คน ขณะที่มีผู้ป่วยสมองตายบริจาคอวัยวะเพียง 188 รายเท่านั้น
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ปีนี้ สธ.ได้จัดทำโครงการปลูกถ่ายไตถวายเป็นพระราชกุศล 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อปลูกถ่ายไตแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำนวน 600 รายฟรี โดยให้โรงพยาบาลในสังกัดที่เป็นศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ 38 แห่งทั่วประเทศ รณรงค์ขอรับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตาย เป้าหมายไม่น้อยกว่า 300 ราย โดยขณะนี้ รพ.ในสังกัด 9 แห่ง คือ รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.สุราษฎร์ธานี รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รพ.ขอนแก่น รพ.อุดรธานี รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก รพ.ชลบุรี และรพ.ราชวิถี สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับการผ่าตัดใกล้บ้านยิ่งขึ้น
"นอกจากนี้ ได้เพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยไตวายฟรีอีก 2 เรื่อง คือ 1. เพิ่มการคัดกรองชะลอความเสื่อมของไตในกลุ่มเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตั้งเป้าหมายไม่น้อยกว่า 150,000 ราย หากพบเริ่มผิดปกติจะเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาในคลินิกโรคไตวายเรื้อรัง ที่มีในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่กระจายอยู่ในทุกจังหวัด โดยให้กรมการแพทย์พัฒนาคลินิกไตวายเรื้อรังต้นแบบ นำร่องในเขตสุขภาพที่ 5 และ 6 และร่วมกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และ 2.ขยายการจัดบริการล้างไตทางช่องท้องในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 81 แห่งเพิ่มจากเดิมที่มี 40 แห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้รับการดูแลชะลอความเสื่อมไตใกล้บ้าน" รมว.สาธารณสุข กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ในการป้องกันโรคไตวาย ขอแนะนำให้ลดอาหารรสชาติเค็ม หรือการเติมเครื่องปรุงเพิ่ม เพราะจะทำให้ได้รับเกลือโซเดียมสูงกว่าที่ร่างกายต้องการ ไตต้องทำงานหนัก เพี่อขับเกลือส่วนเกินออกจากร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักอย่าปล่อยตัวให้อ้วน และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาภาวะผิดปกติ โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งจะมีการตรวจปัสสาวะ ดูการทำงานของไตด้วย ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงแล้ว ขอให้พบแพทย์ตรวจรักษาตามนัด รับประทานยา และปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันป้องกันไตเสื่อม และควรสังเกตตัวเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นฟองมาก ปัสสาวะบ่อย หรือมีเศษกรวดทรายปนออกมา หรือมีอาการบวมที่หน้าตอนตื่นนอน ปวดหลัง อาจเป็นอาการเริ่มแรกของโรคไต หรือ นิ่วในไต ให้รีบไปพบแพทย์ตรวจรักษา เพื่อไม่ให้อาการเรื้อรังจนกลายเป็นไตวายตามมา
**มท.สร้างห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาใน วันที่ 2 เมษายน 2558 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติ สร้าง
ห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนจังหวัดละ 1 แห่ง จำนวน 76 แห่งทั่วประเทศ ไว้เพื่อเป็นแหล่งองค์ความรู้ และคลังปัญญา ให้แก่นักเรียน เยาวชน ในการเสริมสร้างการรักการอ่าน และเพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลได้รับประโยชน์ด้านการศึกษาจากห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติฯ ถวาย เป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ ในวันที่ 2 เม.ย.
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการกำหนดรูปแบบและสถานที่ก่อสร้างให้มีลักษณะเป็นแบบมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง โดยได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาประดับไว้ที่ โครงการห้องสมุดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ประจำห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติฯ ของโรงเรียนทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง โครงการดังกล่าวจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมกันทุกแห่งทั่วประเทศภายในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์ เฉลิมพระเกียรติฯ จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ แหล่งข้อมูลคลังปัญญา การสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และประชาชนในถิ่นทุรกันดารและผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพ ด้านการศึกษาและสังคมที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ปีนี้ สธ.ได้จัดทำโครงการปลูกถ่ายไตถวายเป็นพระราชกุศล 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อปลูกถ่ายไตแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำนวน 600 รายฟรี โดยให้โรงพยาบาลในสังกัดที่เป็นศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ 38 แห่งทั่วประเทศ รณรงค์ขอรับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตาย เป้าหมายไม่น้อยกว่า 300 ราย โดยขณะนี้ รพ.ในสังกัด 9 แห่ง คือ รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.สุราษฎร์ธานี รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รพ.ขอนแก่น รพ.อุดรธานี รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก รพ.ชลบุรี และรพ.ราชวิถี สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับการผ่าตัดใกล้บ้านยิ่งขึ้น
"นอกจากนี้ ได้เพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยไตวายฟรีอีก 2 เรื่อง คือ 1. เพิ่มการคัดกรองชะลอความเสื่อมของไตในกลุ่มเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตั้งเป้าหมายไม่น้อยกว่า 150,000 ราย หากพบเริ่มผิดปกติจะเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาในคลินิกโรคไตวายเรื้อรัง ที่มีในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่กระจายอยู่ในทุกจังหวัด โดยให้กรมการแพทย์พัฒนาคลินิกไตวายเรื้อรังต้นแบบ นำร่องในเขตสุขภาพที่ 5 และ 6 และร่วมกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และ 2.ขยายการจัดบริการล้างไตทางช่องท้องในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 81 แห่งเพิ่มจากเดิมที่มี 40 แห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้รับการดูแลชะลอความเสื่อมไตใกล้บ้าน" รมว.สาธารณสุข กล่าว
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ในการป้องกันโรคไตวาย ขอแนะนำให้ลดอาหารรสชาติเค็ม หรือการเติมเครื่องปรุงเพิ่ม เพราะจะทำให้ได้รับเกลือโซเดียมสูงกว่าที่ร่างกายต้องการ ไตต้องทำงานหนัก เพี่อขับเกลือส่วนเกินออกจากร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักอย่าปล่อยตัวให้อ้วน และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาภาวะผิดปกติ โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งจะมีการตรวจปัสสาวะ ดูการทำงานของไตด้วย ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงแล้ว ขอให้พบแพทย์ตรวจรักษาตามนัด รับประทานยา และปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันป้องกันไตเสื่อม และควรสังเกตตัวเอง หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นฟองมาก ปัสสาวะบ่อย หรือมีเศษกรวดทรายปนออกมา หรือมีอาการบวมที่หน้าตอนตื่นนอน ปวดหลัง อาจเป็นอาการเริ่มแรกของโรคไต หรือ นิ่วในไต ให้รีบไปพบแพทย์ตรวจรักษา เพื่อไม่ให้อาการเรื้อรังจนกลายเป็นไตวายตามมา
**มท.สร้างห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาใน วันที่ 2 เมษายน 2558 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติ สร้าง
ห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนจังหวัดละ 1 แห่ง จำนวน 76 แห่งทั่วประเทศ ไว้เพื่อเป็นแหล่งองค์ความรู้ และคลังปัญญา ให้แก่นักเรียน เยาวชน ในการเสริมสร้างการรักการอ่าน และเพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลได้รับประโยชน์ด้านการศึกษาจากห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติฯ ถวาย เป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ ในวันที่ 2 เม.ย.
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการกำหนดรูปแบบและสถานที่ก่อสร้างให้มีลักษณะเป็นแบบมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง โดยได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาประดับไว้ที่ โครงการห้องสมุดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ประจำห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติฯ ของโรงเรียนทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง โครงการดังกล่าวจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมกันทุกแห่งทั่วประเทศภายในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์ เฉลิมพระเกียรติฯ จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ แหล่งข้อมูลคลังปัญญา การสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และประชาชนในถิ่นทุรกันดารและผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพ ด้านการศึกษาและสังคมที่ดียิ่งขึ้นต่อไป