ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -จากเด็กกำพร้า เกิดบนผืนแผ่นดินไทยแต่ไร้สัญชาติ อาศัยอยู่กับยาย อายุได้ 7 ขวบไฟล์บังคับต้องเป็นพ่อค้ากำปั้นหาเลี้ยงชีพ ตระเวนกรำศึกไต่เต้าจากหลักร้อยจนเป็นยอดมวยค่าตัวเรือนแสน แต่ชีวิตก็ดรามา หลงทางจนต้องเข้าไปอยู่ในคุก ก่อนจะพลิกชะตาตัวเองในมุมมืดสู่มุมสว่างใช้คุกฝึกปรือฝีมือเชิงสากลกลายเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไล่ล่าความสำเร็จ วันนี้ชีวิตเปลี่ยนอีกชั่วข้ามคืนในฐานะแชมป์ขวัญใจคนไทยคนใหม่ ผู้สยบ “ซู ซิ หมิง” ซุปตาร์จีน
แชมป์เปี้ยนขวัญใจคนใหม่
ค่ำคืนของวันเสาร์ที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เชื่อว่า น่าจะเป็นอีกวันในหน้าประวัติศาสตร์วงการมวยไทย เมื่อ “อำนาจ เกษตรพัฒนา” กำปั้นวัยเก๋าที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปป้องกันเข็มขัดแชมป์ของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) สยบ ซู ชิหมิง ซูเปอร์สตาร์แห่งเมืองจีน แบบชนะคะแนนเอกฉันท์ คืนรอยยิ้มให้กับคนไทยทั้งชาติ
ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว ชื่อของ อำนาจ กลับมาอยู่ในความสนใจของสื่อรวมถึงคอมวยที่ติดตามคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาตลอด หลังมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะขึ้นสังเวียนที่ เดอะ เวเนเชียน เขตปกครองพิเศษมาเก๊า เพื่อป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทกับ ซู ชิหมิง
แทบไม่ต้องบอกว่า ซู ชิ หมิง เป็นใคร? เพราะ ชื่อนี้แฟนมวยชาวไทยไม่มีวันลืมเพราะทุกคนย่อมจำได้แน่นอนกับการชกที่ “ลอนดอนเกมส์” หลังฝากรอยแค้น ปาดคว้าเหรียญทองรุ่น ไลท์ ฟลายเวท ไปจากคอของ แก้ว พงษ์ประยูร ชนิดค้านสายตาคนดูทั้งโลกในสนามและจอทีวี
ก่อนขึ้นชกก็มีการคาดเดาต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ว่างานนี้ อำนาจ หรือ “เพชร” เข็มขัดกระเด็นแน่นอน เพราะ นอกจากต้องตะบันหน้ากับ “อาหมิง” เด็กสร้างของ บ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ชื่อก้องแห่งค่าย ท็อปแรงก์ โดยมี เฟรดดี โรช เทรนเนอร์ชื่อดังที่ปลุกปั้น แมนนี ปาเกียว ซูเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวฟิลิปปินส์และ เอเชีย แจ้งเกิดไล่อัดคู่ชกระดับโลกมาแล้วมากมาย ไหนจะเรื่องผู้ตัดสินที่น่ากังขาเหลือเกินว่าจะเข้าข้างเจ้าบ้านหรือไม่ แถมยังได้เปรียบที่ยังไปชกในถิ่นของเขาอีกต่างหาก ทำให้คาดกันว่า อำนาจ จะเป็นอีกหนึ่งสะพานสู่ดวงดาวของคู่ต่อสู้ชาวจีน เพราะ ตั้งแต่ขึ้นชกอาชีพมา 6 ไฟต์ ยังไม่แพ้ใคร
ประกอบกับด้วยวัย 35ที่กำลังเข้าสู่ปั้นปลายของชีวิตนักมวยของอำนาจ มองเส้นทางที่จะก้าวไปสู่สังเวียนระดับโลกเทียบกับนักมวยชื่อดังของจีนแล้ว ย่อมไม่มีใครคาดหวังกับนักชกชาวไทย หากสู้แพ้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แพ้สังขารตัวเอง และ คงแขวนนวมไปโดยปริยาย ตรงข้ามกับ ซู ชิ หมิง ที่ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติที่จะปั้นดาวโรจน์ได้อีกยาวนาน
แม้แต่ตัวของอำนาจเอง ก่อนขึ้นชกก็ได้เปรยในเรื่องของการแขวนนวมซึ่งสะท้อนหน้าเสื่อที่แข็งของซู ซิ หมิงได้เป็นอย่างดี
ทว่า เอาเข้าจริงๆ อำนาจ ไม่ใช่หมูในอวยของซู ชิ หมิง เพราะที่ผ่านมาชกอาชีพมา 14 ครั้ง ก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน แถมดูแลร่างกายตัวเองดีมากในวัย 38 ปี กล้ามเนื้อยังเป็นมัดๆ และ มีระเบียบวินัยกับตัวเอง
จนในที่สุดการชกที่มาเก๊า ก็จบลงโดยที่ “ไอ้หนุ่มไวไฟ” อำนาจ เป็นฝ่ายชนะแบบเอกฉันท์ 116-111 คะแนน จากกรรมการให้คะแนนทั้ง 3 คน เก็บเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท กลับบ้านไปฝากคนไทยได้ตามสัญญา
ผลของชัยชนะบนสังเวียนที่ เดอะ เวเนเชียน ไม่เพียงทำให้ชื่อของ “เพชร” ขึ้นหน้า 1 บนหนังสือพิมพ์และ สื่อทีวีทุกช่องทุกยี่ห้อ และ กลายเป็นนักชกที่มีรายได้สูงสุดไปแล้วชั่วโมงนี้ จากเงินค่าตัว 4 ล้านบาท ที่ “จิมมี่” เอกรัฐ ไชยโชติช่วง โปรโมเตอร์เกียรติกรีรินทร์ โปรโมชั่น และผู้จัดการส่วนตัวควักให้ และ ไม่นับบรรดาสปอนเซอร์ต่างๆที่มีอยู่แล้วและเตรียมถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยอานุภาพของชัยชนะ ยังจะส่งผลนักมวยวัย 38 อย่างอำนาจ เกษตรพัฒนา อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนชีวิตขนานใหญ่ เดิมที่เคยคิดว่า จะชกป้องกันแชมป์อีกไม่นานคงต้องคิดใหม่ ทำใหม่
จากนี้ไปชื่อของเขาสามารถขายได้ ไม่ว่าจะเป็นสังเวียนค้ากำปั้นระดับโลกที่ใดก็ต้องการ เมื่อล้ม ซู ชิ หมิง ได้ ไม่เฉพาะแต่คนไทย คนจีนหลายพันล้านคนก็ต้องจดจำเขาได้ ในตลาดมวยโลก อำนาจจะกลายเป็นนักมวยแม่เหล็กที่เดินไปตามรอยของยอดนักชกอย่าง แมนนี่ ปาเกียวได้ไม่ลำบาก โดยแผนการต่อจากนี้ที่เจ้าตัวเปิดใจ หลังเดินทางกลับมา คือ ป้องกันแชมป์และต่อยอดความฝันไปชกไฟต์ใหญ่ที่ สหรัฐอเมริกา
ชีวิตดั่งละคร
เรื่องล้มซู ชิ หมิงครั้งนี้ว่าดราม่าแล้ว หากใครรู้จักประวัติเขาก็จะต้องบอกว่า เรื่องราวชีวิตของ อำนาจ เกษตรพัฒนา หรือ อำนาจ รื่นเริง ชื่อเดิมที่ทุกคนรู้จักกันดี ดราม่ามากกว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร
อำนาจ หรือ เพชร เกิดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เกิดมาก็กำพร้าพ่อ-แม่ อาศัยอยู่กับยายโดยที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป เพราะไม่มีหลักฐานรับรองการเกิดว่าเป็นคนไทยจนเมื่ออายุครบ 16 ปีจึงได้ถือสัญชาติไทย
ดังนั้นเอง เด็กชายอำนาจอายุแค่ 7 ขวบก็เริ่มชกมวย เข้าสู่วงการค้ากำปั้น และ เริ่มตระเวนเลี้ยงชีพบนเส้นทางผืนผ้าใบ ย้ายค่ายอยู่หลายค่าย ใช้ชื่ออยู่หลายชื่อ เช่น เพชร ต.บางแสน เพชร ป.บูรพา จากค่าตัวไม่กี่ร้อยบาก กรำศึกมาหลายเวที จนสร้างชื่อขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งได้แชมป์รุ่นฟลายเวท เวทีลุมพินี ค่าตัวสูงสุดขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 1 แสนเศษ
ทว่า เส้นทางนักมวยของ อำนาจ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เกือบจะดับวูบไปเพราะ ถูกตัดขาดจากหัวหน้าคณะค่ายมวย ไม่สามารถขึ้นชกมวยหาเลี้ยงตัวเองเหมือนเดิม และด้วยความยากจนบีบค้นจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางโจร วิ่งราวกระชากสร้อยชาวบ้าน แม้จะยอมรับผิดเดินเข้าไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อำนาจก็ไม่อาจชดเชยความผิดที่ก่อขึ้นได้ ก่อนจะถูกตีตราเป็นนักโทษและต้องไปใช้ชีวิตหลังลูกกรงที่กรมราชทัณฑ์เป็นเวลา 5 ปี
อย่างไรก็ตาม ถึงถูกจองจำ อำนาจก็ไม่ได้ย่อท้อในโชคชะตา ความหลงใหลในกีฬามวยจึงกลับตัวกลับใจมุมานะฝึกซ้อมมวยในเชิงสากลและลงแข่งภายในเรือนจำจนได้เหรียญทอง 2 ปีซ้อน ก่อนที่จะคว้าเหรียญทองรายการชิงแชมป์ประเทศไทยในปี 2547 ทั้งที่ยังอยู่ในคุก
เวลาผ่านไป 18 เดือน อำนาจ ได้รับการอภัยโทษให้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนผู้คนปกติอีกครั้ง และเริ่มเดินหน้าไล่ล่าความฝันในการชกมวยสากลสมัครเล่น
และแล้วชะตาชีวิตก็เปลี่ยนอีก ความฝันเริ่มเป็นจริง เมื่อเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติตัวจริง สุบรรณ พันโนน บาดเจ็บ อำนาจได้รับคัดเลือกแทนจนไป คว้าเหรียญทอง ซีเกมส์ ที่ นครราชสีมา ปี 2007 กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ปี 2009 และ เหรียญทองแดง เอเชียน เกมส์ ที่ กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2010 และเคยได้โอกาสลุย โอลิมปิก เกมส์ ที่ ปักกิ่ง มาแล้วเมื่อปี 2008 รุ่นไลท์ ฟลายเวท แต่น่าเสียดายไปได้ถึงแค่รอบ 8 คนสุดท้าย โดยแพ้นักชกจาก มองโกเลีย เพราะหากชนะแน่นอนว่าจะได้การันตีเหรียญทองแดงกีฬาห้าห่วงมาคล้องคอ
ในสายตาของเซียนมวย อำนาจ จัดเป็นมวยที่มีพรสวรรค์และทักษะลีลาดี เป็นมวยฝีมือน่าจะเอาดีทางมวยอาชีพได้ ซึ่ง หลังไม่มีชื่อติดทัพไปลุย โอลิมปิก ครั้งที่ 2 ในชีวิตที่เมืองผู้ดี ยอดนักชกจากเมืองชล ก็หันเหมาชกระดับอาชีพ
อำนาจประเดิมสังเวียนเทิร์นโปร เมื่อปี 2555 ด้วยวัย 33 ปี เริ่มจากชนะน็อค ริโน อูครู จาก อินโดนีเซีย เรียกได้ว่าเริ่มต้นอย่างสวยหรูก่อนไล่อัพสกิลเก็บชัยมาเรื่อยจนมีสถิติชนะ 14 ไฟต์ แบ่งเป็นน็อค 5 ครั้ง ชนะคะแนน 9 ครั้ง จนมาได้แชมป์โลกในปี 2557 รุ่นฟลายเวทของ สหพันธ์มวยนานาชาติ(IBF) ด้วยการชิงแชมป์ตำแหน่งว่าง เอาชนะคะแนน ร็อกกี้ ฟูเอนเตส นักมวยฟิลิปปินส์ ที่จังหวัดนครราชสีมา จนในที่สุดได้มีโอกาสพบกับ ซู ชิ หมิง และป้องกันแชมป์ได้ในที่สุด
เพชรจากโคลนตม: โลกทึ่ง!ผมมาจากคุก
เส้นทางชีวิตการต่อสู้ของอำนาจมาถึงตรงนี้ถือได้ว่า เขาเป็นเพชรที่มาจากโคลนตมโดยแท้ จากชีวิตด้านมืดก้าวสู่แสงสว่างสดใส นับเป็นตัวอย่างให้แก่เยาวชนผู้หลงผิดได้ดี ปัจจุบัน อำนาจมีครอบครัวที่อบอุ่น มีพยานรัก เด็กชาย ณัฐพล รื่นเริง หรือ น้องเวิลด์ วัย 6 ขวบ
อำนาจภาคภูมิใจในตัวเองเสมอ ก่อนที่ขึ้นเวทีพิชิต ซู ชิ หมิง ในการให้สัมภาษณ์กับ ท็อปแรงก์ ผู้จัดศึกระหว่างเขากับซู ชิ หมิง อำนาจได้ตอบคำถาม คริสติน่า พอนเซอร์ พิธีกรสาวคนดัง ถึงความมั่นใจและชีวประวัติคร่าวๆของอำนาจ ซึ่งตอนหนึ่งได้ซักถามถึง ชีวิตที่อยู่ในเรือนจำ ซึ่งอำนาจได้กล่าวว่า เป็นเพราะได้ตัดขาดจากหัวหน้าคณะมวยไทยในยุคนั้น ทำให้ไม่สามารถขึ้นชกมวยหาเลี้ยงชีพได้ ด้วยสถานภาพที่ยากจน สุดท้ายจึงคิดสั้น วิ่งราวกระชากสร้อยก่อนจะเข้ามอบตัวกับตำรวจ
ระหว่างในคุกได้ใช้การชกมวยไต่เต้าจนติดทีมชาติไทยและกลายเป็นแชมป์มวยอาชีพเมื่อพ้นโทษในเวลาต่อมา ทำเอาพิธีกรสาวถึงกับอุทานด้วยความทึ่งเมื่อทราบประวัติของอำนาจจากปากคำของเขาเอง
ซู ชิ หมิง ซุปตาร์จีนถึงคราหมอง
ชีวิตของอำนาจ กล่าวได้ว่า ตรงกันข้ามกับฝั่ง ซู ชิหมิง โดยสิ้นเชิง เขาเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างชนิดส่องแสงเจิดจ้า เส้นทางชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นนักมวยจีนคนแรกที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลกมากที่สุด
เขาเข้าแข่งขันในเอเชียนเกมส์ 2006 ได้เหรียญทองโดยเอาชนะ สุบรรณ พันโนน และ มาย้ำแค้นอีกครั้งในเอเชี่ยนเกมส์ 2012 เอาชนะ แก้ว พงษ์ประยูร ของเรา ก่อนที่จะหันเหเข้าสู่มวยอาชีพ ความดังของเราฉุดไม่อยู่ชนิดที่ ผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลี่วูดยังต้องเชิญไปร่วมแสดงเพื่อเรียกแฟน โดยซู ชิ หมิง ได้ร่วมเล่นหนังฟอร์มยักษ์อย่างทรานฟอร์เมอร์ (Transformers: Age of Extinction ) มาแล้ว
ซู ชิ หมิงก่อนชกครั้งนี้ แม้เอ่ยปากบอกเองว่าไม่กังวลกับความพ่ายแพ้ แต่ผลที่เกิดขึ้นก็ทำให้ศรัทธาของแฟนมวยแดนมังกร หรือ บ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ผู้หมายดันนักชกวัย 33 ปี ให้เป็นนักชกระดับแชมป์โลกของเอเชีย สั่นคลอนเหมือนกันเพราะตลอด 12 ยกแทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากทำหน้ากวนประสาทและเต้นฟุตเวิร์คไปมาสลับกับออกหมัดบ้างแต่ก็ไม่ได้จะแจ้ง จนน่ากังขา เหลือเกินว่าดีกรีความสำเร็จทั้งเหรียญทองระดับสมัครเล่นกับชัยชนะในการชกอาชีพนั้นสมราคากับฝีมือที่คนทั้งโลกเห็นหรือไม่ ยิ่งบวกกับตอนได้เหรียญทองแบบค้านสายตาที่ ลอนดอนเกมส์ ทำให้ อารัม คิดไม่ตกเหมือนกันว่าจะปั้นต่อดีไหม
ว่าไปแล้ว ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของนักชกแดนมังกรที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จจากชัยชนะบนสังเวียนผืนผ้าใบ ไม่สู้ดีมาตั้งแต่สมัยชกอาชีพ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือข่าวลือที่ว่าเจ้าตัวนั้นเป็นลูกบุญธรรมของ ชิง กั๊วะ วู ประธานสหพันธ์มวยนานาชาติ หรือ ไอบ้า (AIBA) ดังนั้นทำให้การคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกที่บ้านเกิดและอังกฤษ หรือ เอเชียน เกมส์ ที่กวางโจว จึงดูไม่ค่อยสง่าผ่าเผยราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยอุปถัมภ์ค้ำจุนช่วยเหลืออยู่เนืองๆ
หลังกอบโกยเหรียญจนอิ่มตัว อาหมิง เริ่มเบนเป้ามาสู่เส้นทางระดับอาชีพบ้าง ภายใต้การดูแลของ ท็อปแรงค์ โดยที่โต้โผใหญ่อย่าง บ็อบ อารัม ยอมลงทุนครั้งใหญ่ทั้งปั้นทั้งผลักดันนักชกหน้าแฉล้มรายนี้ ก้าวขึ้นไปหยิบแชมป์โลกตามรอย แมนนี ปาเกียว เบอร์ 1 ของค่าย ซึ่งหากทำสำเร็จนั่นจะทำให้ อาหมิง กลายเป็นดาวดังทำเงินระดับมหาศาล แถมยังได้ตีตลาดมวยของจีนซึ่งถือเป็นธงชัยสำคัญที่ “เสี่ยบ็อบ” ยังไม่เคยรุกเข้าไปถึง พร้อมส่ง เฟรดดี โรช มาเป็นติวเตอร์อยู่ข้างเวทีซ้อมและสังเวียนจริง เรียกได้ว่า ซู ชิหมิง มีองค์ประกอบพร้อมทุกอย่างที่จะก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย แต่ก็ถูกอำนาจดับฝันกลางคันเสียก่อน
จากนี้ไปเชื่อว่าแชมป์เหรียญทอง โอลิมปิก 2 สมัย ต้องหมายมั่นขอล้างตากับนักชกไทยอีกแน่ เพียงแต่ระหว่างนี้อาจต้องหันไปเก็บคู่ชกรายอื่นๆก่อนเพราะดูทรงแล้วไม่น่าจะได้เจอกันในเร็ววัน
สำหรับอำนาจ วันนี้เขาได้เปลี่ยนสถานะจากผู้ไม่มีอะไรจะเสียมาเป็นขวัญใจมหาชนแทน ซึ่งในฟากของชาวจีนที่ติดตามการชกต่างยอมรับในฝีไม้ลายมือของอำนจไม่น้อย จึงทำให้เขากล้าที่จะฝันไปไกลได้ในเส้นทางที่ปาเกียวเดินไปสู่ขวัญใจแฟนมวยทั่วโลก
แต่จะอย่างไรก็ตาม คงต้องอยู่ที่ เสี่ยจิมมี่ แล้วว่าจะส่งไปเก็บใครต่อซึ่งดูจากอายุการใช้งานแล้ว หากรักษาสภาพร่างกายดีๆก็มีแววจะชกได้ต่ออีก 2-3 ปี ก่อนแขวนนวมกลับไปใช้ชีวิตครอบครัวปกติ พร้อมกับสลักชื่อตัวเองขึ้นเป็นตำนานแห่งวงการหมัดมวยของสยามประเทศ
ขณะเดียวกัน ชัยชนะของ “เพชร” นับเป็นการส่งสัญญาณสำคัญว่าวงการมวยระดับอาชีพของไทยจากนี้จะกลับมาคึกคักและเป็นที่สนใจของบรรดาค่ายมวยต่างๆในประเทศอีกครั้ง หลังมีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็นกันแล้วแบบเป็นรูปธรรมจับต้องได้ในยุคปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้หันหน้าซ้ายขวาสิ่งที่เห็นคือความซบเซา มวยที่รับชมดูกันอยู่ทางบ้านหรือขอบสังเวียนทุกสัปดาห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดคนดูได้เหมือนแต่ก่อนผิดกับฟุตบอลที่สวนทางขึ้นมา แถมยังมีเรื่องของการพนันขันต่อ, ล้มมวย หรือกระทั่งใช้วิชามารวางยาคู่ต่อสู้ก่อนขึ้นชก จนกลายเป็นภาพที่ไม่น่าเชยชมชนิดผู้ปกครองคงไม่อยากส่งลูกหลานมาเป็นนักมวยเพราะนอกจากเจ็บตัวแล้วชีวิตก็ไม่มีความแน่นอน
จากนี้ไปคงต้องดูกันแล้วว่าความสำเร็จของ อำนาจ จะจุดประกายวงการมวยสากลอาชีพของเมืองไทยได้ไกลแค่ไหน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มาถึงตรงนี้ คนไทยคงจำจด”เพชรจากโคลนตม” ผู้นี้ไปไม่รู้ลืม
ล้อมกรอบ
"เหรินอิงอิง" เมียผู้ขโมยซีน “ซู ชิหมิง - อำนาจ”
ใครที่ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดมวยคู่สำคัญของ อำนาจ และ ซู ชิหมิง เชื่อได้เลยว่านอกจากการต่อสู้บนสังเวียนแล้ว หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีทองที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างเวที คืออีกหนึ่งจุดเด่นที่แฟนมวย (แม้แต่ผู้บรรยายของไทย) ให้ความสนใจ ก่อนจะรู้กันว่าสาวสวยคนนี้คือ เหรินอิงอิง ศรีภรรยาคู่ชีวิตของ “อาหมิง” และเปรียบเสมือนพี่เลี้ยงนอกสังเวียนดูแลทุกข์สุขกันมาตลอด
เหรินอิงอิง เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1984 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ โดยมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงจากการเป็นนางแบบ ก่อนผันตัวมาเป็นพิธีกรและผู้ประกาศข่าวเศรษฐกิจของช่อง CCTV สถานีโทรทัศน์ชั้นนำของจีน
การพบกันของนักข่าวสาวและ ซู ชิหมิง สมัยที่ยังไม่ได้โด่งดังคับฟ้าเหมือนทุกวันนี้ เริ่มขึ้นขณะที่เจ้าตัวกำลังเข้าแคมป์เก็บตัวไปลุย โอลิมปิก ปี 2008 โดยมีการเปิดเผยว่า อาหมิง หลงเสน่ห์ความสวยและน่ารักของฝ่ายหญิงมากถึงขนาดพยายามหาเบอร์โทรมาเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกัน ขณะที่ฝั่งของ เหรินอิงอิง ไม่รู้จักอีกฝ่ายมาก่อนเลย แต่ในที่สุดก็ได้คบหากันเพราะชื่นชอบความเป็นสุภาพบุรุษของ อาหมิง แม้จะมีพื้นฐานชีวิตแตกต่างกันแต่ในที่สุดก็ประคับประคองชีวิตรักผ่านมาได้และตัดสินใจแต่งงานกันหลังคบหากันมา 5 ปีเต็ม
หลังจากนั้นราว 1 ปี ทั้งสองจึงมีลูกคนแรกด้วยกัน ซึ่ง ซู ชิหมิง ก็ได้จัดการรับขวัญลูกด้วยเหรียญทองโอลิมปิกที่อังกฤษที่ได้จากชัยชนะแบบที่หลายคนคิดว่าไม่ควรได้ และกลายเป็นครอบครัวสุขสันต์อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วน เหรินอิงอิง แม้จะกลายเป็นคุณแม่และคู่ชีวิตของนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก แต่ก็ยังปรากฏตัวให้เห็นบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง แถมยังมีตำแหน่งเป็นทูตการท่องเที่ยวของเมืองกุ้ยโจว บ้านเกิดอีกด้วย
เรื่องโดย วัลลภ สวัสดี