xs
xsm
sm
md
lg

"ฉัตรชัย"ไล่ออก3บิ๊กพาณิชย์ เอี่ยวโกงจีทูจีเก๊ จีนตกลงซื้อข้าว2ล้านตัน-ยาง2แสนตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


”ฉัตรชัย” เผย อ.ก.พ.กระทรวงพาณิชย์ มีมติ “ไล่ออก” 3 ข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขายข้าวจีทูจีเก๊ หลังจากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เผยจะมีผลทันที หลังปลัดลงนามคำสั่ง ยกเว้น "มนัส" อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศที่เกษียณไปแล้ว ยันเสียใจ เหตุไม่เคยไล่ใครออกจากราชการ ระบุทั้ง 2 รายมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ส่วนการขายข้าว 2 ล้านตัน และยางพารา 2 แสนตัน ให้จีนได้ข้อสรุปแล้ว เตรียมบินเซ็นสัญญา 8 พ.ค.นี้

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ วานนี้ (12 มี.ค.) ว่า ได้ทำการพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ 3 คน คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของรัฐบาลก่อน โดยมีมติไล่ออกข้าราชการทั้ง 3 คนออกจากราชการ แต่นายมนัสได้เกษียณอายุราชการนานแล้ว มติดังกล่าวจึงไม่มีผลใดๆ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาตามหนังสือชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ที่ป.ป.ช.ส่งมาให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณา ซึ่งระบุว่า ข้าราชการทั้ง 3 คนมีส่วนร่วมกระทำความผิด โดยช่วยเหลือและมุ่งหมายให้ 2 บริษัทของจีนเข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ โดยที่ทั้ง 2 บริษัทไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติ

อย่างไรก็ตาม อ.ก.พ.กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจในการพิจารณาโทษเป็นอย่างอื่น นอกจากไล่ออก เพราะตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2536 และระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2551 ที่ระบุว่า หากข้าราชการมีความผิดวินัยร้ายแรงต้องไล่ออกสถานเดียว

"ที่ประชุมอ.ก.พ.กระทรวงพาณิชย์ เครียดมาก ที่ผลสรุปออกมาเป็นแบบนี้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะต้องพิจารณาตามมติ ครม. ปี 2536 และระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2551 ในชีวิตราชการ ผมไม่เคยพิจารณาโทษใครจนถึงขั้นไล่ออกจากราชการ รู้สึกเสียใจมาก หลังจากนี้ ข้าราชการทั้ง 3 คนต้องไปสู้คดีอาญาต่อไป หรืออาจจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย"พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

***มีผลทันทีเมื่อปลัดพาณิชย์ลงนามคำสั่ง

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับมติไล่ออกดังกล่าว จะมีผลทันทีเมื่อปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในคำสั่งไล่ออก 2 ข้าราชการ โดยการถูกไล่ออก จะทำให้ข้าราชการทั้ง 2 คน ไม่มีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จบำนาญใดๆ ทั้งสิ้น แต่ระหว่างนี้ ผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการทั้ง 2 ราย สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับทราบคำสั่ง โดยให้ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.)

"อยากฝากเตือนข้าราชการที่ต้องทำงานกับนักการเมืองว่าตามหลักการแล้ว หากเห็นว่าคำสั่งของฝ่ายการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือทำให้เกิดการทุจริต ก็ต้องหลีกเลี่ยง ไม่ทำตาม แต่ในทางปฏิบัติ ข้าราชการบางส่วนไม่กล้าขัดคำสั่ง หรืออาจจะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว รางวัล หรือการเลื่อนขั้น จึงอาจกระทำความผิดได้"

สำหรับกรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดกรณีการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลก่อน รวม 21 ราย ประกอบด้วย นักการเมือง 3 ราย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาธิการ รมว.พาณิชย์, ข้าราชการ 3 ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และเอกชน 15 ราย

***บินจีน8พ.ค.เซ็นสัญญาขายข้าว-ยางพารา

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย-จีนอีกครั้ง โดยได้ข้อสรุปว่า ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ตนจะนำคณะไปลงนามสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตร 2 รายการ ได้แก่ ไทยขายข้าวให้จีนปริมาณรวม 2 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเก่า 1 ล้านตัน ข้าวใหม่ 1 ล้านตัน กำหนดส่งมอบภายในปี 2559 ในราคาตลาด ณ ท่าเรือกรุงเทพ
(FOB) และไทยขายยางพาราคาให้จีน ปริมาณ 2 แสนตัน ราคาFOB บวกราคามิตรภาพ ซึ่งจะสรุปอีกครั้งว่า ควรเป็นราคาเท่าใดที่จะบวกเพิ่มขึ้นไป

ทั้งนี้ จีนได้ตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากไทยตลอดช่วงเวลาที่การสร้างทางรถไฟจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะหารือรายละเอียดอีกครั้ง

"ยืนยันว่าการขายข้าวจีทูจีให้จีนในครั้งนี้ มีการกำหนดเงื่อนไขที่ยอมรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเรื่องราคาที่เป็นไปตามราคาตลาด การขนสินค้าที่จีนจะเป็นฝ่ายจัดหาเรือมารับ ส่วนในด้านคุณภาพจะมีการตั้งคณะผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อมาดูแล และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น"

***จีนขอไทยส่งข้าวที่เคยซื้อไว้อีก3แสนตัน

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนสัญญาซื้อข้าวจีทูจีเดิมของรัฐบาลก่อนปริมาณ 1 ล้านตัน ที่ส่งมอบไปได้เพียง 3 แสนตันนั้น จีนได้ขอให้ไทยส่งมอบเพิ่มอีกภายในเดือนก.ค.นี้ อีก 3 แสนตัน เป็นข้าวขาว 5% ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเหนียว ปีการผลิตล่าสุด ในราคาตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวในประเทศมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น เพราะมีความต้องการจากต่างประเทศมารออยู่แล้ว

***เร่งตั้งคณะทำงาน2ฝ่ายทำตามสัญญา

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จะต้องเร่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฎิบัติตามสัญญาของไทยและจีนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จากนั้นจะประสานไปยังสมาคมผู้ส่งออกข้าวเพื่อให้เอกชนเข้ามาร่วมปรับปรุงสภาพข้าวและส่งมอบให้จีนตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา โดยในเบื้องต้นจะต้องส่งมอบข้าวฤดูกาลใหม่ให้จีนตามความต้องการก่อน ส่วนข้าวเก่าในสต็อกรัฐบาลที่ระบุในสัญญาจะเป็นการส่งมอบในลำดับต่อไป

สำหรับการประมูลข้าวครั้งล่าสุด เบื้องต้นจะระบายได้ 7 แสนตันจากปริมาณรวม 1 ล้านตันที่เปิดระบาย ขณะนี้กำลังสรุปรายละเอียด และข้อกฎหมายที่ต่อเนื่องมาจากการประมูลครั้งก่อน คือ 1/2558 ที่มีบางโกดังได้นำมาประมูลใหม่ ให้ชัดเจนก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติ ส่วนการเปิดระบายข้าวครั้ง 3/2558 ต้องรอดูสถานการณ์ตลาดอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น