ประชาคม สธ.แต่งดำแห่ให้กำลังใจ “หมอณรงค์” ชูป้ายไล่ “รัชตะ-สมศักดิ์” พ้นกระทรวง แฉโดนสกัดร่วมแสดงพลังเพียบ ด้านเจ้าตัวพ้อถูกหมิ่นศักดิ์ศรี เชื่อแตะกองทุน สปสช. ทำเก้าอี้ปลิว วอนอย่าขัดแย้ง ไม่อยากให้ประเทศสะดุด ก่อนเข้ารายงานตัวทำเนียบ ยันไม่ลาออก ขอสู้ต่อไป “หมอรัชตะ” วอนหยุดเคลื่อน "หมอพิษณุ" ที่ปรึกษารัฐมนตรีลาออกประท้วง “วิษณุ" แจงแค่สั่งมาช่วยราชการ ตำแหน่งเดิมยังอยู่ “ไก่อู” อ้างสมัครใจขอย้ายเอง
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (12 มี.ค.) บริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีกลุ่มประชาคมสาธารณสุขกว่า 500 คน ประกอบด้วยเครือข่ายวิชาชีพด้านสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ และเภสัชกร ต่างสวมเสื้อประจำวิชาชีพของตัวเอง และสวมชุดดำเดินทางมาให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ถูกสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวทำให้สังคมเข้าใจว่ากระทรวงเกิดความขัดแย้ง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้ไปช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานด้านการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพแห่งชาติ ในระหว่างรอผลการสอบสวน ซึ่งเครือข่ายวิชาชีพฯ มองว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้บริหารระดับสูงมีเพียง นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. ที่มาร่วมให้กำลังใจ ส่วนอธิบดีกรมต่างๆ ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากพบว่า มีการสกัดไม่ให้ข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วม และเจ้าหน้าที่ยังห้ามไม่ให้นำปี๊บเข้ามาในบริเวณกระทรวง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกนำมาใช้คลุมหัวเป็นสัญลักษณ์เหมือนเมื่อครั้งที่ประชาคม ม.มหิดล คัดค้าน นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ในการควบตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข และอธิการบดี ม.มหิดล
อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำป้ายมาแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่า “คนดี ข้าราชการที่ดีต้องมีที่ยืน” และ “ถ้าประเทศไม่มีธรรมาภิบาล ข้าราชการและประชาชนจะอยู่อย่างไร” “ตรวจสอบกองทุนแสนล้านบาทกลัวเจออะไร ต้องย้ายปลัด สธ.” และ “คงไว้อาลัย แด่อำนาจการเมืองที่รังแกข้าราชการประจำ” จากนั้นทางกลุ่มได้ส่งตัวแทนนำถุงดำมาดัดแปลงคลุมหัวแทนปี๊บ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าคำสั่งดังกล่าวถือเป็นความอัปยศ และได้มีการตะโกนขับไล่ นพ.รัชตะ และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข ด้วย
** ปราศรัยซัด รมว.-รมช.สธ.เละ
นพ.ฐาปนวงศ์ อุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า ที่ออกมาให้กำลังใจนพ.ณรงค์ เพราะเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจาก นพ.ณรงค์ ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการบริหารจัดการงบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้มีการตรวจสอบธรรมาภิบาล แต่กลับมีคำสั่งให้สอบสวนผู้ที่เรียกร้องแทน
“หมอณรงค์ไปตีท้ายครัวเงินกว่าแสนล้านบาทของ สปสช. หรือไม่ และหากจะต้องสั่งย้ายก็ต้องสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อความเป็นธรรม ถ้าประเทศไทยไม่มีธรรมาภิบาล ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร” นพ.ฐาปนวงศ์กล่าว
นพ.ประจวบ มงคลศิริ ผู้อำนวยการ รพ.พิจิตร กล่าวเสริมว่า อยากให้นายกฯ มาเก็บซากศพของ รมว.และ รมช.สาธารณสุข ไปด้วย เพราะเขาได้ตายไปจากชาวสาธารณสุขแล้ว เนื่องจากตอนแรกที่เข้ามาพวกเราคิดว่า จะมาช่วยแก้ปัญหาระบบสาธารณสุข แต่กลับมาสร้างความแตกแยก เพราะมีประโยชน์ทับซ้อนกับตระกูล ส.
** “หมอณรงค์” เบรกกองเชียร์อย่าป่วน
จนเมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. นพ.ณรงค์ ได้เดินทางลงมาจากห้องทำงานเพื่อเปิดใจต่อหน้าข้าราชการ พร้อมรับมอบดอกไม้ พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังคงเป็นปลัด สธ. เช่นเดิม โดยจะเดินทางไปรายงานตัวที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะตนเป็นข้าราชการ มีผู้บังคับบัญชา มีเกียรติยศศักดิ์ศรี ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ ที่ห่วง คือ อย่าให้ใครใช้โอกาสนี้มาบิดเบือนว่าเรามาต่อต้านรัฐบาล เพราะเราไม่เคยคิดเช่นนั้น แต่ที่มา คือ เพื่อมาบอกว่า กระทรวงเป็นอย่างไร ขอให้นายกฯ ช่วยดูระบบสาธารณสุขบ้างว่าอยู่กันอย่างไร แต่เชื่อว่านายกฯ กำลังดูอยู่ แต่ข้อมูลยังมีไม่มาก
“ไม่อยากให้ใครปลุกระดมว่า ม็อบหมอไล่รัฐบาล เราต้องช่วยให้รัฐบาลเดินไปให้ได้ อย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งนายกฯ เองก็เสียสละ แบกความเสี่ยงมากมายเมื่อตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง คิดว่าทุกคนในประเทศเห็นด้วย ผมกังวลว่าจะมีคนที่ไม่เคยต่อสู้อะไรเลยมาชุบมือเปิบมาทำลายนายกฯ เราต้องให้โอกาสกับนายกฯ ในการทำงานแก้ไขประเทศ” นพ.ณรงค์กล่าว
** เชื่อเตะกล่องหัวใจบางคนทำถูกเด้ง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หลายคนมองว่าที่ตนถูกย้ายในครั้งนี้ เพราะไม่ทำตามนโยบายรัฐบาลนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเราเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอด 2 ปี ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ในทางกลับกันรัฐมนตรีเองกลับไม่เคยกล้าพูดในเรื่องเขตสุขภาพเลย และตนยังเสนอเรื่องพัฒนาการสมวัยของเด็กอายุ 0-5 ปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่โดยรัฐบาล ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกปฏิเสธ โดยเพิ่งได้รับการยอมรับเมื่อสัปดาห์ก่อน ถามว่าใครกันแน่ที่ไม่ทำตามนโยบายรัฐบาล
"สิ่งที่เราชาวสาธารณสุขเห็นตรงกัน คือ ต้องเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพ การปฏิรูปการเงินการคลัง และธรรมาภิบาล ซึ่งหลายคนบอกว่า ผมโดนถูกย้าย เพราะเสนอปฏิรูประบบการเงินการคลัง แตะโดนกล่องหัวใจของคนบางกลุ่ม ขอร้องว่า อย่าโยนให้เป็นความขัดแย้งส่วนบุคคล แต่เป็นเพราะหลักการที่ไม่เหมือนกัน” นพ.ณรงค์ กล่าว
** ย้ำต้องรื้อระบบบัตรทอง
นพ.ณรงค์กล่าวต่อว่า เรื่องบัตรทอง ตนเสนอว่าควรมีการแก้ไข เพราะเงินบัตรทองถือเป็นภาษีของประชาชน ที่ควรนำมาบริการประชาชน แต่กลับมีการโอนเงินสิ้นปีงบประมาณพันกว่าล้านบาทให้โรงพยาบาลแล้วโอนกลับ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือก่อน อยากขอให้ข้าราชการทุกคนตามดูต่อเช่นกันทุกพื้นที่ว่าเงินมาถึงเราอย่างไร เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่
“จากนี้ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว ข้าราชการประจำ และของปลัดกระทรวงกลับคืนมา ซึ่งอดีตปลัด สธ.หลายท่านโทรมาบอกว่า ห้ามลาออกเด็ดขาด ต้องอยู่เพื่อกอบกู้ศักดิ์ของปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของข้าราชการสูงสุดที่ไม่ควรถูกกระทำย่ำยีเช่นนี้ และคนที่จะมาเป็นปลัดกระทรวงต่อจากนี้ ขอให้เข้ามาด้วยเหตุผลว่ามาทำงานจริงๆ อย่ามาเพราะแค่อยากมา อย่ามายืนเอามือกุมเป้าเฉยๆ” นพ.ณรงค์ ระบุ
** “หมอรัชตะ” วอนอย่าเคลื่อนไหว
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นพ.รัชตะ ในช่วงเช้า ได้เดินทางไปยังที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เพื่อร่วมงานมอบนโยบายพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลให้มีคุณภาพ ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ของกรมควบคุมโรค ก่อนที่จะเดินทางมายังกรมอนามัย เพื่อเป็นประธานในงานครบรอบวันสถาปนากรมอนามัยครบ 63 ปี และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติคนดีศรีอนามัยดีเด่น
โดยช่วงหนึ่ง นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวระหว่างการเปิดงานว่า ขอให้กำลังใจ นพ.รัชตะ และยืนยันว่าจะทำความดีต่อไป ไม่ทำให้ รมว.สธ.ผิดหวัง
ด้าน นพ.รัชตะ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่มวลชนว่า การย้าย นพ.ณรงค์ เป็นคำสั่งของนายกฯ ที่มุ่งหวังให้กระทรวงเดินหน้า รีบทำงานสนองนโยบายของรัฐบาลให้เต็มที่ เพราะเวลาของรัฐบาลไม่ได้มีมาก ก็ต้องช่วยกันทำงาน ส่วนผู้ที่ออกมาให้กำลังใจกันนั้น อยากให้ยุติการเคลื่อนไหว มาช่วยกันทำงาน มองไปข้างหน้า ยังมีภารกิจสำคัญ ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลหรือไม่ นพ.รัชตะ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีการขับเคลื่อนของกระทรวง โดยเฉพาะการสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มันมีภาพของความไม่สมานฉันท์ ความไม่มีเอกภาพเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ต้องมีการสอบข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถาม นพ.ณรงค์ยืนยันว่าที่ผ่านมาปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องเขตสุขภาพ แต่กลับถูกย้ายด้วยเหตุผลดังกล่าว ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า เขตสุขภาพก็ดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องไม่สนองนโยบายเหตุผลเพราะอะไร ก็ขอให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
** “ปลัด สธ.” เข้ารายงานตัวที่ทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ณรงค์ พร้อมด้วยผู้ติดตามซึ่งเป็นเลขานุการจากกระทรวงสาธารณสุข 6 คน ได้เดินทางมารายงานตัวต่อ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จากนั้นเวลา 13.45 น. ภายหลังการรายงานตัว นพ.ณรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มารายงานตัว และพูดคุยเรื่องงาน ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าจะต้องช่วยงานอะไร แต่ตนเป็นข้าราชการเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งตนก็มารายงานตามหน้าที่ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมาเริ่มทำงานวันไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพบกับ นพ.ณรงค์แล้ว นายสุวพันธุ์ และ พล.อ.วิลาศ ได้เข้าพบเพื่อรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทันที
** อาฟเตอร์ช๊อค “กุนซือ รมต.สธ.” ไขก๊อก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นพ.พิษณุ ขันติพงษ์ อดีต ผอ.รพ.น่าน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pisanu Kantipong โดยระบุว่าได้ทำหนังสือ ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษารมช.สธ. โดยคิดว่าน่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปรู้สึกผิดหวังกับโอกาสที่จะปฏิรูป สธ. ทั้งที่เป็นช่วงเวลาปลอดนักการเมือง จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งย้ายปลัด สธ. ทั้งที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นคนดีของแผ่นดินที่กล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อคุณธรรม ตนจึงขออนุญาตแจ้งกับทุกท่านว่า ตนได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็นทีมที่ปรึกษา รมต.สาธารณาสุข แล้ว
** แจง “หมอณรงค์” ยังเป็นปลัดอยู่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการให้ นพ.ณรงค์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า การใช้คำว่า เด้ง หรือ ย้ายฟ้าผ่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะนี้ไม่มีคำสั่งย้าย เพียงแต่เรียกตัวมาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น โดยยังคงตำแหน่งปลัด สธ.ไว้ และไม่สามารถแต่งตั้งใครมาดำรงตำแหน่งแทนได้ โดยนายกฯ ใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชกาแผ่น มาตรา 11 (4) ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการสังกัดกระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ซึ่งในอดีตก็เคยใช้มาแล้วกับการกรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาช่วยราชการ แล้วก็ได้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ส่วนจะได้กลับไปกระทรวงเมื่อใดนั้น ไม่แน่ใจว่าจะย้ายกลับก่อนสอบเสร็จ หรือสอบเสร็จถึงย้ายกลับ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเข้าไปดูปัญหาที่แท้จริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่มี น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน คณะกรรมการชุดนี้จะรายงานว่า จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่าเป็นเพราะเงินกระทรวงนี้มีจำนวนมากใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเลยว่ามีปัญหาอะไรกัน
** ชู “หมอณรงค์” มีสปิริตสุภาพบุรุษ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในข้อเท็จจริงทั้ง นพ.รัชตะ และ นพ.ณรงค์ เป็นคนดีทั้งคู่ เพียงแต่แนวคิดในการทำงานยังไม่ลงตัว ทำให้ขับเคลื่อนงานของรัฐบาล ซึ่งมีเวลาไม่นาน ทำได้ไม่เต็มที่ และไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้นโยบายไว้ว่า ให้ทางกระทรวงสาธารณสุขไปหาจุดลงตัวในการทำงานโดยการไปพูดคุย ปรับวิธีการทำงาน ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 7 เดือน ก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ และ นพ.ณรงค์ ก็ได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยพูดไว้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพูดกับนายกฯ ด้วยตนเองว่า หากเห็นว่าการทำงานยังไม่สามารถหาจุดลงตัวได้ ก็ยินดีให้โยกตัว นพ.ณรงค์เองออกมาจากจุดความขัดแย้ง จะได้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ถือว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพชนของ นพ.ณรงค์ ที่เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง และเข้าใจบทบาท ภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลเป็นอย่างดี วันนี้ต้องขอบคุณ นพ.ณรงค์ ที่ทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลาย
** “ไก่อู” หวังสถานการณ์คลี่คลาย
ส่วนกรณีที่มีที่ปรึกษา รมต.สธ.ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ถือเป็นแนวความคิดของแต่และคน แต่หลักการคือ ต้องรับนโยบายของรัฐบาลเพื่อไปขับเคลื่อนงานต่อไปได้ทุกอย่างน่าจะจบ อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่ได้ตั้งคนนอกเข้าไป แต่มอบหมายให้รองปลัด สธ.ไปปฏิบัติหน้าที่แทน และเท่าที่ฟัง นพ.ณรงค์เองก็ให้กำลังใจการทำงานของรัฐบาล จึงเชื่อว่ากระแสกดดันต่างๆ น่าจะหมดไป
“ไม่คิดว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จะทำให้เกิดปัญหา เพราะถ้าคิดว่า นพ.ณรงค์ เองก็เป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหว ประเทศก็คงเดินต่อไม่ได้ เราต้องเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง เสียสละ จึงขอวิงวอนไปยังกลุ่มที่สนับสนุน นพ.ณรงค์ ให้เข้าใจสถานการณ์ ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
** “หมอยอร์น” ชี้กลั่นแกล้งชัดๆ
นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 กล่าวว่า หลักการในการย้ายข้าราชการไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หมายความว่าต้องเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง หากข้าราชการคนนั้นยังอยู่ที่กระทรวง อาจจะเป็นการขัดขวางการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ แต่ถ้าเป็นเพียงการกระทำผิดวินัยเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องย้าย ดังนั้น การย้ายปลัดเช่นนี้ต้องชี้แจงให้ได้ว่าผิดอะไรกันแน่ เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่า รมว.สธ. และ รมช.สธ. มีผลงานอะไรบ้าง ในขณะที่ ปลัด สธ.ถือเป็นคนเดียวที่มีทิศทางการทำงาน พูดตลอดเรื่องการปฏิรูป และเอาจริงเอาจัง ไม่ได้ทำงานฉาบฉวย เรื่องนี้ชัดเจนว่าเป็นการกลั่นแกล้งข้าราชการ เพราะที่ผ่านมา รมว.สธ. ไม่ใช่คนที่กล้าหาญในการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหา ทำตัวลอยๆ จนทำให้ปัญหาบานปลาย
“ถ้าบอกว่าปลัดไม่ทำตามคำสั่ง ก็ยกตัวอย่างมา ที่เห็นมีแต่ตั้งคณะกรรมการสอบ รพ.ขาดทุน ทั้งๆที่ ปลัด สธ.เรียกร้องให้ตรวจสอบระบบว่า ทำไมทำให้ รพ.ขาดทุน หรือกรณีตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงข้อมูลของกระทรวงกับ สปสช. ที่ควรจะเป็นคนนอกเลย แต่กลับตั้ง คุณอัมมาร สยามวาลา ซึ่งเคยเป็นประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังและเป็นผู้วางผลักเกณฑ์การจ่ายเงินที่เป็นปัญหามาสอบ ก็เหมือนกับการตั้งคนที่วางระบบมาตรวจสอบตัวเองการ การที่ปลัด สธ.คัดค้านก็ถูกต้องแล้ว” นพ.ยอร์นกล่าว
** “หมอเจตน์” เชื่อแค่พักปัญหาชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีความเห็นจากบุคลากรในวงการสาธารณสุขมีออกมาอย่างหลากหลายทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาทิ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ปัญหาของ สธ. อยู่ที่ระบบโครงสร้างตั้งแต่เริ่มเกิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งทำให้ สปสช.คุมเงิน ส่วน สธ.คุมคนและของ โครงสร้างที่เงินอยู่ทาง คนอยู่ทาง จึงสร้างปัญหา ซึ่งปัญหาของ สธ.นั้น คือ เงินไม่พอเป็นหลัก แต่ถึงเงินจะพอแล้วระบบยังเป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้เกิดปัญหาอยู่ดี ซึ่งขณะนี้ความขัดแย้งอาจดูลดลง แต่ปัญหายังอยู่ เงินที่ไม่พอ สธ.ทำได้เพียงรัดเข็มขัด ประหยัด ทำงานแบบเขตสุขภาพที่หมุนเวียนคนและทรัพยากร แต่ก็ทำให้บุคลากรทำงานหนัก เกิดความเครียด ซึ่งที่ผ่านมา สปสช.เองก็มีปัญหาเงินค้างท่อ เรื่องการโอนงบประมาณไปมา ซึ่งการบริหารนี้ต้องแก้ให้ตรงจุด
“การย้ายปลัด สธ.ครั้งนี้ ไม่ตอบโจทย์ และแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่ง นพ.ณรงค์ เป็นคนแข็ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมอ่อนให้รัฐมนตรี แม้ว่าจะย้ายออกไปแต่รากเหง้าของปัญหายังอยู่ ต่อจากนี้ รัฐมนตรีก็จะทำงานลำบาก เพราะถูกจับจ้อง หากทำงานไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่มีผลงาน ก็เท่ากับไม่มีความสามารถ การย้ายครั้งนี้จึงเป็นการพักปัญหาเท่านั้น หากอยากแก้ปัญหาก็ต้องตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อดูนโยบายให้มีความสัมพันธ์กัน” นพ.เจตน์ กล่าว
** เครือข่าย สธ.ออกแถลงการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชมรมฯมีใจความสำคัญถึงความไม่เห็นด้วยกับการย้าย นพ.ณรงค์ โดยตั้งคำถามไปถึงนายกฯ และ รมว.สธ.หลายประเด็น อาทิ การระบุว่า นพ.ณรงค์ไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายอะไร เพราะที่ผ่านมา นพ.ณรงค์เดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอด ตามนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลก็มีการขยายผลในหลายภาคแล้ว นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนบุคคล โดยขอให้นายกฯรับฟังข้อมูลรอบด้านจากทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุขด้วย
**ต่างจังหวัดร่วมสวมชุดดำค้าน
สำหรับความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด พบว่า ที่สำนักงานสาธารณสุขจ.สตูล และโรงพยาบาลสตูล พร้อมกับสาธารณสุขทุกตำบลในจังหวัดสตูล รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัดตรัง หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และพนักงานได้มีการแต่งชุดดำเพื่อต่อต้านการโยกย้ายด้วย ยกเว้นบุคลากรทางด้านสาธารณสุขใน จ.อุดรธานี ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่งชุดดำคัดค้าน
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (12 มี.ค.) บริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีกลุ่มประชาคมสาธารณสุขกว่า 500 คน ประกอบด้วยเครือข่ายวิชาชีพด้านสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ และเภสัชกร ต่างสวมเสื้อประจำวิชาชีพของตัวเอง และสวมชุดดำเดินทางมาให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ถูกสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวทำให้สังคมเข้าใจว่ากระทรวงเกิดความขัดแย้ง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้ไปช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานด้านการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพแห่งชาติ ในระหว่างรอผลการสอบสวน ซึ่งเครือข่ายวิชาชีพฯ มองว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้บริหารระดับสูงมีเพียง นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. ที่มาร่วมให้กำลังใจ ส่วนอธิบดีกรมต่างๆ ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากพบว่า มีการสกัดไม่ให้ข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วม และเจ้าหน้าที่ยังห้ามไม่ให้นำปี๊บเข้ามาในบริเวณกระทรวง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกนำมาใช้คลุมหัวเป็นสัญลักษณ์เหมือนเมื่อครั้งที่ประชาคม ม.มหิดล คัดค้าน นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ในการควบตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข และอธิการบดี ม.มหิดล
อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำป้ายมาแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่า “คนดี ข้าราชการที่ดีต้องมีที่ยืน” และ “ถ้าประเทศไม่มีธรรมาภิบาล ข้าราชการและประชาชนจะอยู่อย่างไร” “ตรวจสอบกองทุนแสนล้านบาทกลัวเจออะไร ต้องย้ายปลัด สธ.” และ “คงไว้อาลัย แด่อำนาจการเมืองที่รังแกข้าราชการประจำ” จากนั้นทางกลุ่มได้ส่งตัวแทนนำถุงดำมาดัดแปลงคลุมหัวแทนปี๊บ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าคำสั่งดังกล่าวถือเป็นความอัปยศ และได้มีการตะโกนขับไล่ นพ.รัชตะ และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข ด้วย
** ปราศรัยซัด รมว.-รมช.สธ.เละ
นพ.ฐาปนวงศ์ อุไรวรรณ จักษุแพทย์ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า ที่ออกมาให้กำลังใจนพ.ณรงค์ เพราะเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจาก นพ.ณรงค์ ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการบริหารจัดการงบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้มีการตรวจสอบธรรมาภิบาล แต่กลับมีคำสั่งให้สอบสวนผู้ที่เรียกร้องแทน
“หมอณรงค์ไปตีท้ายครัวเงินกว่าแสนล้านบาทของ สปสช. หรือไม่ และหากจะต้องสั่งย้ายก็ต้องสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อความเป็นธรรม ถ้าประเทศไทยไม่มีธรรมาภิบาล ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร” นพ.ฐาปนวงศ์กล่าว
นพ.ประจวบ มงคลศิริ ผู้อำนวยการ รพ.พิจิตร กล่าวเสริมว่า อยากให้นายกฯ มาเก็บซากศพของ รมว.และ รมช.สาธารณสุข ไปด้วย เพราะเขาได้ตายไปจากชาวสาธารณสุขแล้ว เนื่องจากตอนแรกที่เข้ามาพวกเราคิดว่า จะมาช่วยแก้ปัญหาระบบสาธารณสุข แต่กลับมาสร้างความแตกแยก เพราะมีประโยชน์ทับซ้อนกับตระกูล ส.
** “หมอณรงค์” เบรกกองเชียร์อย่าป่วน
จนเมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. นพ.ณรงค์ ได้เดินทางลงมาจากห้องทำงานเพื่อเปิดใจต่อหน้าข้าราชการ พร้อมรับมอบดอกไม้ พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังคงเป็นปลัด สธ. เช่นเดิม โดยจะเดินทางไปรายงานตัวที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะตนเป็นข้าราชการ มีผู้บังคับบัญชา มีเกียรติยศศักดิ์ศรี ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ ที่ห่วง คือ อย่าให้ใครใช้โอกาสนี้มาบิดเบือนว่าเรามาต่อต้านรัฐบาล เพราะเราไม่เคยคิดเช่นนั้น แต่ที่มา คือ เพื่อมาบอกว่า กระทรวงเป็นอย่างไร ขอให้นายกฯ ช่วยดูระบบสาธารณสุขบ้างว่าอยู่กันอย่างไร แต่เชื่อว่านายกฯ กำลังดูอยู่ แต่ข้อมูลยังมีไม่มาก
“ไม่อยากให้ใครปลุกระดมว่า ม็อบหมอไล่รัฐบาล เราต้องช่วยให้รัฐบาลเดินไปให้ได้ อย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งนายกฯ เองก็เสียสละ แบกความเสี่ยงมากมายเมื่อตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง คิดว่าทุกคนในประเทศเห็นด้วย ผมกังวลว่าจะมีคนที่ไม่เคยต่อสู้อะไรเลยมาชุบมือเปิบมาทำลายนายกฯ เราต้องให้โอกาสกับนายกฯ ในการทำงานแก้ไขประเทศ” นพ.ณรงค์กล่าว
** เชื่อเตะกล่องหัวใจบางคนทำถูกเด้ง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หลายคนมองว่าที่ตนถูกย้ายในครั้งนี้ เพราะไม่ทำตามนโยบายรัฐบาลนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเราเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอด 2 ปี ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ในทางกลับกันรัฐมนตรีเองกลับไม่เคยกล้าพูดในเรื่องเขตสุขภาพเลย และตนยังเสนอเรื่องพัฒนาการสมวัยของเด็กอายุ 0-5 ปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่โดยรัฐบาล ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูกปฏิเสธ โดยเพิ่งได้รับการยอมรับเมื่อสัปดาห์ก่อน ถามว่าใครกันแน่ที่ไม่ทำตามนโยบายรัฐบาล
"สิ่งที่เราชาวสาธารณสุขเห็นตรงกัน คือ ต้องเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพ การปฏิรูปการเงินการคลัง และธรรมาภิบาล ซึ่งหลายคนบอกว่า ผมโดนถูกย้าย เพราะเสนอปฏิรูประบบการเงินการคลัง แตะโดนกล่องหัวใจของคนบางกลุ่ม ขอร้องว่า อย่าโยนให้เป็นความขัดแย้งส่วนบุคคล แต่เป็นเพราะหลักการที่ไม่เหมือนกัน” นพ.ณรงค์ กล่าว
** ย้ำต้องรื้อระบบบัตรทอง
นพ.ณรงค์กล่าวต่อว่า เรื่องบัตรทอง ตนเสนอว่าควรมีการแก้ไข เพราะเงินบัตรทองถือเป็นภาษีของประชาชน ที่ควรนำมาบริการประชาชน แต่กลับมีการโอนเงินสิ้นปีงบประมาณพันกว่าล้านบาทให้โรงพยาบาลแล้วโอนกลับ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือก่อน อยากขอให้ข้าราชการทุกคนตามดูต่อเช่นกันทุกพื้นที่ว่าเงินมาถึงเราอย่างไร เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่
“จากนี้ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว ข้าราชการประจำ และของปลัดกระทรวงกลับคืนมา ซึ่งอดีตปลัด สธ.หลายท่านโทรมาบอกว่า ห้ามลาออกเด็ดขาด ต้องอยู่เพื่อกอบกู้ศักดิ์ของปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของข้าราชการสูงสุดที่ไม่ควรถูกกระทำย่ำยีเช่นนี้ และคนที่จะมาเป็นปลัดกระทรวงต่อจากนี้ ขอให้เข้ามาด้วยเหตุผลว่ามาทำงานจริงๆ อย่ามาเพราะแค่อยากมา อย่ามายืนเอามือกุมเป้าเฉยๆ” นพ.ณรงค์ ระบุ
** “หมอรัชตะ” วอนอย่าเคลื่อนไหว
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นพ.รัชตะ ในช่วงเช้า ได้เดินทางไปยังที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เพื่อร่วมงานมอบนโยบายพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลให้มีคุณภาพ ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ของกรมควบคุมโรค ก่อนที่จะเดินทางมายังกรมอนามัย เพื่อเป็นประธานในงานครบรอบวันสถาปนากรมอนามัยครบ 63 ปี และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติคนดีศรีอนามัยดีเด่น
โดยช่วงหนึ่ง นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวระหว่างการเปิดงานว่า ขอให้กำลังใจ นพ.รัชตะ และยืนยันว่าจะทำความดีต่อไป ไม่ทำให้ รมว.สธ.ผิดหวัง
ด้าน นพ.รัชตะ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่มวลชนว่า การย้าย นพ.ณรงค์ เป็นคำสั่งของนายกฯ ที่มุ่งหวังให้กระทรวงเดินหน้า รีบทำงานสนองนโยบายของรัฐบาลให้เต็มที่ เพราะเวลาของรัฐบาลไม่ได้มีมาก ก็ต้องช่วยกันทำงาน ส่วนผู้ที่ออกมาให้กำลังใจกันนั้น อยากให้ยุติการเคลื่อนไหว มาช่วยกันทำงาน มองไปข้างหน้า ยังมีภารกิจสำคัญ ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลหรือไม่ นพ.รัชตะ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีการขับเคลื่อนของกระทรวง โดยเฉพาะการสนองนโยบายอย่างเต็มที่ มันมีภาพของความไม่สมานฉันท์ ความไม่มีเอกภาพเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ต้องมีการสอบข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถาม นพ.ณรงค์ยืนยันว่าที่ผ่านมาปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องเขตสุขภาพ แต่กลับถูกย้ายด้วยเหตุผลดังกล่าว ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า เขตสุขภาพก็ดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องไม่สนองนโยบายเหตุผลเพราะอะไร ก็ขอให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
** “ปลัด สธ.” เข้ารายงานตัวที่ทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ณรงค์ พร้อมด้วยผู้ติดตามซึ่งเป็นเลขานุการจากกระทรวงสาธารณสุข 6 คน ได้เดินทางมารายงานตัวต่อ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จากนั้นเวลา 13.45 น. ภายหลังการรายงานตัว นพ.ณรงค์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มารายงานตัว และพูดคุยเรื่องงาน ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าจะต้องช่วยงานอะไร แต่ตนเป็นข้าราชการเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งตนก็มารายงานตามหน้าที่ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมาเริ่มทำงานวันไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพบกับ นพ.ณรงค์แล้ว นายสุวพันธุ์ และ พล.อ.วิลาศ ได้เข้าพบเพื่อรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทันที
** อาฟเตอร์ช๊อค “กุนซือ รมต.สธ.” ไขก๊อก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นพ.พิษณุ ขันติพงษ์ อดีต ผอ.รพ.น่าน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pisanu Kantipong โดยระบุว่าได้ทำหนังสือ ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษารมช.สธ. โดยคิดว่าน่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปรู้สึกผิดหวังกับโอกาสที่จะปฏิรูป สธ. ทั้งที่เป็นช่วงเวลาปลอดนักการเมือง จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งย้ายปลัด สธ. ทั้งที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นคนดีของแผ่นดินที่กล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อคุณธรรม ตนจึงขออนุญาตแจ้งกับทุกท่านว่า ตนได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็นทีมที่ปรึกษา รมต.สาธารณาสุข แล้ว
** แจง “หมอณรงค์” ยังเป็นปลัดอยู่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการให้ นพ.ณรงค์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า การใช้คำว่า เด้ง หรือ ย้ายฟ้าผ่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะนี้ไม่มีคำสั่งย้าย เพียงแต่เรียกตัวมาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น โดยยังคงตำแหน่งปลัด สธ.ไว้ และไม่สามารถแต่งตั้งใครมาดำรงตำแหน่งแทนได้ โดยนายกฯ ใช้อำนาจตามระเบียบบริหารราชกาแผ่น มาตรา 11 (4) ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการสังกัดกระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ซึ่งในอดีตก็เคยใช้มาแล้วกับการกรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาช่วยราชการ แล้วก็ได้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ส่วนจะได้กลับไปกระทรวงเมื่อใดนั้น ไม่แน่ใจว่าจะย้ายกลับก่อนสอบเสร็จ หรือสอบเสร็จถึงย้ายกลับ
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเข้าไปดูปัญหาที่แท้จริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่มี น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน คณะกรรมการชุดนี้จะรายงานว่า จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่าเป็นเพราะเงินกระทรวงนี้มีจำนวนมากใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเลยว่ามีปัญหาอะไรกัน
** ชู “หมอณรงค์” มีสปิริตสุภาพบุรุษ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในข้อเท็จจริงทั้ง นพ.รัชตะ และ นพ.ณรงค์ เป็นคนดีทั้งคู่ เพียงแต่แนวคิดในการทำงานยังไม่ลงตัว ทำให้ขับเคลื่อนงานของรัฐบาล ซึ่งมีเวลาไม่นาน ทำได้ไม่เต็มที่ และไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้นโยบายไว้ว่า ให้ทางกระทรวงสาธารณสุขไปหาจุดลงตัวในการทำงานโดยการไปพูดคุย ปรับวิธีการทำงาน ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 7 เดือน ก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ และ นพ.ณรงค์ ก็ได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยพูดไว้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพูดกับนายกฯ ด้วยตนเองว่า หากเห็นว่าการทำงานยังไม่สามารถหาจุดลงตัวได้ ก็ยินดีให้โยกตัว นพ.ณรงค์เองออกมาจากจุดความขัดแย้ง จะได้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ถือว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพชนของ นพ.ณรงค์ ที่เข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง และเข้าใจบทบาท ภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลเป็นอย่างดี วันนี้ต้องขอบคุณ นพ.ณรงค์ ที่ทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลาย
** “ไก่อู” หวังสถานการณ์คลี่คลาย
ส่วนกรณีที่มีที่ปรึกษา รมต.สธ.ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ถือเป็นแนวความคิดของแต่และคน แต่หลักการคือ ต้องรับนโยบายของรัฐบาลเพื่อไปขับเคลื่อนงานต่อไปได้ทุกอย่างน่าจะจบ อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่ได้ตั้งคนนอกเข้าไป แต่มอบหมายให้รองปลัด สธ.ไปปฏิบัติหน้าที่แทน และเท่าที่ฟัง นพ.ณรงค์เองก็ให้กำลังใจการทำงานของรัฐบาล จึงเชื่อว่ากระแสกดดันต่างๆ น่าจะหมดไป
“ไม่คิดว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จะทำให้เกิดปัญหา เพราะถ้าคิดว่า นพ.ณรงค์ เองก็เป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหว ประเทศก็คงเดินต่อไม่ได้ เราต้องเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง เสียสละ จึงขอวิงวอนไปยังกลุ่มที่สนับสนุน นพ.ณรงค์ ให้เข้าใจสถานการณ์ ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
** “หมอยอร์น” ชี้กลั่นแกล้งชัดๆ
นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 กล่าวว่า หลักการในการย้ายข้าราชการไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หมายความว่าต้องเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง หากข้าราชการคนนั้นยังอยู่ที่กระทรวง อาจจะเป็นการขัดขวางการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ แต่ถ้าเป็นเพียงการกระทำผิดวินัยเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องย้าย ดังนั้น การย้ายปลัดเช่นนี้ต้องชี้แจงให้ได้ว่าผิดอะไรกันแน่ เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่า รมว.สธ. และ รมช.สธ. มีผลงานอะไรบ้าง ในขณะที่ ปลัด สธ.ถือเป็นคนเดียวที่มีทิศทางการทำงาน พูดตลอดเรื่องการปฏิรูป และเอาจริงเอาจัง ไม่ได้ทำงานฉาบฉวย เรื่องนี้ชัดเจนว่าเป็นการกลั่นแกล้งข้าราชการ เพราะที่ผ่านมา รมว.สธ. ไม่ใช่คนที่กล้าหาญในการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหา ทำตัวลอยๆ จนทำให้ปัญหาบานปลาย
“ถ้าบอกว่าปลัดไม่ทำตามคำสั่ง ก็ยกตัวอย่างมา ที่เห็นมีแต่ตั้งคณะกรรมการสอบ รพ.ขาดทุน ทั้งๆที่ ปลัด สธ.เรียกร้องให้ตรวจสอบระบบว่า ทำไมทำให้ รพ.ขาดทุน หรือกรณีตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงข้อมูลของกระทรวงกับ สปสช. ที่ควรจะเป็นคนนอกเลย แต่กลับตั้ง คุณอัมมาร สยามวาลา ซึ่งเคยเป็นประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลังและเป็นผู้วางผลักเกณฑ์การจ่ายเงินที่เป็นปัญหามาสอบ ก็เหมือนกับการตั้งคนที่วางระบบมาตรวจสอบตัวเองการ การที่ปลัด สธ.คัดค้านก็ถูกต้องแล้ว” นพ.ยอร์นกล่าว
** “หมอเจตน์” เชื่อแค่พักปัญหาชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีความเห็นจากบุคลากรในวงการสาธารณสุขมีออกมาอย่างหลากหลายทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาทิ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ปัญหาของ สธ. อยู่ที่ระบบโครงสร้างตั้งแต่เริ่มเกิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งทำให้ สปสช.คุมเงิน ส่วน สธ.คุมคนและของ โครงสร้างที่เงินอยู่ทาง คนอยู่ทาง จึงสร้างปัญหา ซึ่งปัญหาของ สธ.นั้น คือ เงินไม่พอเป็นหลัก แต่ถึงเงินจะพอแล้วระบบยังเป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้เกิดปัญหาอยู่ดี ซึ่งขณะนี้ความขัดแย้งอาจดูลดลง แต่ปัญหายังอยู่ เงินที่ไม่พอ สธ.ทำได้เพียงรัดเข็มขัด ประหยัด ทำงานแบบเขตสุขภาพที่หมุนเวียนคนและทรัพยากร แต่ก็ทำให้บุคลากรทำงานหนัก เกิดความเครียด ซึ่งที่ผ่านมา สปสช.เองก็มีปัญหาเงินค้างท่อ เรื่องการโอนงบประมาณไปมา ซึ่งการบริหารนี้ต้องแก้ให้ตรงจุด
“การย้ายปลัด สธ.ครั้งนี้ ไม่ตอบโจทย์ และแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่ง นพ.ณรงค์ เป็นคนแข็ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมอ่อนให้รัฐมนตรี แม้ว่าจะย้ายออกไปแต่รากเหง้าของปัญหายังอยู่ ต่อจากนี้ รัฐมนตรีก็จะทำงานลำบาก เพราะถูกจับจ้อง หากทำงานไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่มีผลงาน ก็เท่ากับไม่มีความสามารถ การย้ายครั้งนี้จึงเป็นการพักปัญหาเท่านั้น หากอยากแก้ปัญหาก็ต้องตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อดูนโยบายให้มีความสัมพันธ์กัน” นพ.เจตน์ กล่าว
** เครือข่าย สธ.ออกแถลงการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชมรมฯมีใจความสำคัญถึงความไม่เห็นด้วยกับการย้าย นพ.ณรงค์ โดยตั้งคำถามไปถึงนายกฯ และ รมว.สธ.หลายประเด็น อาทิ การระบุว่า นพ.ณรงค์ไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีคือนโยบายอะไร เพราะที่ผ่านมา นพ.ณรงค์เดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพมาตลอด ตามนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องธรรมาภิบาลก็มีการขยายผลในหลายภาคแล้ว นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากอุปสรรคของระบบการเงินการคลัง ไม่ใช่ความขัดแย้งส่วนบุคคล โดยขอให้นายกฯรับฟังข้อมูลรอบด้านจากทุกวิชาชีพในกระทรวงสาธารณสุขด้วย
**ต่างจังหวัดร่วมสวมชุดดำค้าน
สำหรับความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด พบว่า ที่สำนักงานสาธารณสุขจ.สตูล และโรงพยาบาลสตูล พร้อมกับสาธารณสุขทุกตำบลในจังหวัดสตูล รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัดตรัง หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และพนักงานได้มีการแต่งชุดดำเพื่อต่อต้านการโยกย้ายด้วย ยกเว้นบุคลากรทางด้านสาธารณสุขใน จ.อุดรธานี ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่งชุดดำคัดค้าน