ASTVผู้จัดการรายวัน - “โฟร์โมสต์” ชูกลยุทธ์แบรนด์สตอรี่ทั่วเอเชีย ล่าสุดในไทยอัดงบการตลาดเพิ่ม 30% เจาะกลุ่มครอบครัว หวังเพิ่มอัตราการดื่มนมได้อีก 5-10%ในครัวเรือน คาดส่งรายได้ทั้งปีขยับอีก 8%
นายมาร์โก เบอร์ทัคกา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนม ภายใต้แบรนด์ โฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโฟร์โมสต์มุ่งเน้นการทำตลาดด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภค เห็นคุณประโยชน์จากนม และใช้ดารานักแสดงเป็นพรีเซนเตอร์ เจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ล่าสุดจากการที่ปัจจุบัน บริษัทแม่ของทางโฟร์โมสต์ ได้มาตั้งออฟฟิศที่สิงคโปร์ ซึ่งพบว่าการทำตลาดที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จดีแล้วในเอเชีย จึงได้มองหากลยุทธ์ใหม่ ส่งผลให้หันกลับมาสู่ความเป็นเบสิกของแบรนด์
ล่าสุดพร้อมนำกลยุทธ์สตอรี่แบรนด์ ของฟรีสแลนด์ คัมพิน่า ซึ่งมีความเป็นมามาอย่างยาวนานกว่า 144 ปี จากกลุ่มเกษตรกรจากประเทศเนเธอแลนด์ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า ถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของบริษัท ที่จะช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงคุณภาพสินค้า เชื่อว่าจะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะส่งผลทางอ้อมให้ผู้บริโภคหันมาดื่มนมมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ดังกล่าวจะใช้พร้อมกันทั่วอาเซียน ผ่านทางแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาใหม่ที่จะออกอากาศพร้อมกันไปทั่วอาเซียน ภายใต้แนวคิด “Your Milk is our Milk : นมที่คุณชื่นชอบ คือนมที่มีมาตรฐานการผลิตเดียวกันกับที่เราผลิตและดื่มมากกว่า 144 ปี”
ส่วนประเทศไทย จะใช้งบเพิ่มอีก 30%เทียบกับปีก่อน ทำตลาด ภายใต้กลยุทธ์แบรนด์สตอรี่ ปีนี้จะเน้นกลุ่มครอบครัวมากขึ้น จากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และใช้พรีเซนเตอร์ และใช้ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมในร้านค้า และพัฒนาช่องทางขายในร้านค้าทั่วไปให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะส่งผลให้มีการบริโภคนมมากขึ้นอีก 5-10% ในแต่ละครัวเรือน จากเดิมอยู่ที่ 20 ลิตร ต่อครัวเรือนต่อปี
ปีนี้ยังลงทุนอีกหลายร้อยล้านบาทนำเข้า เครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาและผลิตนม ช่วงกลางปีนี้ มั่นใจว่าจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีก 1.5-2% จากที่มีส่วนแบ่งอยู่ 35-36% ในตลาดรวมลิควิดมิ้ลค์มูลค่า30,000 ล้านบาทในปีก่อน หรือทั้งปีนี้มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 8%
ภาพรวมตลาดลิควิดมิ้ลค์ปีนี้น่าจะโตได้ 2% มาจากกลุ่มนมยูเอชทีสำหรับเด็กมูลค่า 10,000 ล้านบาทที่ปีนี้จะโต 6-7% ซึ่งในเซกเม้นท์ดังกล่าว โฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาด มีแชร์กว่า 50% ส่วนกลุ่มนมพาสเจอร์ไลค์ มูลค่า4,000 ล้านบาท ปีนี้อาจจะทรงตัว เนื่องจากราคาแพง ผู้บริโภคหันมาซื้อนมยูเอชทีแทน รวมถึงกลุ่มนมระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงซูเปอร์พรีเมี่ยม ซึ่งน่าจะมีมูลค่าเพียง 1% ของตลาดรวมลิควิดมิ้ลค์ ปีนี้น่าจะเติบโตได้ยาก จากราคาที่สูง
นายมาร์โก เบอร์ทัคกา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนม ภายใต้แบรนด์ โฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโฟร์โมสต์มุ่งเน้นการทำตลาดด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภค เห็นคุณประโยชน์จากนม และใช้ดารานักแสดงเป็นพรีเซนเตอร์ เจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ล่าสุดจากการที่ปัจจุบัน บริษัทแม่ของทางโฟร์โมสต์ ได้มาตั้งออฟฟิศที่สิงคโปร์ ซึ่งพบว่าการทำตลาดที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จดีแล้วในเอเชีย จึงได้มองหากลยุทธ์ใหม่ ส่งผลให้หันกลับมาสู่ความเป็นเบสิกของแบรนด์
ล่าสุดพร้อมนำกลยุทธ์สตอรี่แบรนด์ ของฟรีสแลนด์ คัมพิน่า ซึ่งมีความเป็นมามาอย่างยาวนานกว่า 144 ปี จากกลุ่มเกษตรกรจากประเทศเนเธอแลนด์ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า ถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของบริษัท ที่จะช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงคุณภาพสินค้า เชื่อว่าจะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะส่งผลทางอ้อมให้ผู้บริโภคหันมาดื่มนมมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ดังกล่าวจะใช้พร้อมกันทั่วอาเซียน ผ่านทางแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาใหม่ที่จะออกอากาศพร้อมกันไปทั่วอาเซียน ภายใต้แนวคิด “Your Milk is our Milk : นมที่คุณชื่นชอบ คือนมที่มีมาตรฐานการผลิตเดียวกันกับที่เราผลิตและดื่มมากกว่า 144 ปี”
ส่วนประเทศไทย จะใช้งบเพิ่มอีก 30%เทียบกับปีก่อน ทำตลาด ภายใต้กลยุทธ์แบรนด์สตอรี่ ปีนี้จะเน้นกลุ่มครอบครัวมากขึ้น จากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และใช้พรีเซนเตอร์ และใช้ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมในร้านค้า และพัฒนาช่องทางขายในร้านค้าทั่วไปให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะส่งผลให้มีการบริโภคนมมากขึ้นอีก 5-10% ในแต่ละครัวเรือน จากเดิมอยู่ที่ 20 ลิตร ต่อครัวเรือนต่อปี
ปีนี้ยังลงทุนอีกหลายร้อยล้านบาทนำเข้า เครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาและผลิตนม ช่วงกลางปีนี้ มั่นใจว่าจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีก 1.5-2% จากที่มีส่วนแบ่งอยู่ 35-36% ในตลาดรวมลิควิดมิ้ลค์มูลค่า30,000 ล้านบาทในปีก่อน หรือทั้งปีนี้มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 8%
ภาพรวมตลาดลิควิดมิ้ลค์ปีนี้น่าจะโตได้ 2% มาจากกลุ่มนมยูเอชทีสำหรับเด็กมูลค่า 10,000 ล้านบาทที่ปีนี้จะโต 6-7% ซึ่งในเซกเม้นท์ดังกล่าว โฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาด มีแชร์กว่า 50% ส่วนกลุ่มนมพาสเจอร์ไลค์ มูลค่า4,000 ล้านบาท ปีนี้อาจจะทรงตัว เนื่องจากราคาแพง ผู้บริโภคหันมาซื้อนมยูเอชทีแทน รวมถึงกลุ่มนมระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงซูเปอร์พรีเมี่ยม ซึ่งน่าจะมีมูลค่าเพียง 1% ของตลาดรวมลิควิดมิ้ลค์ ปีนี้น่าจะเติบโตได้ยาก จากราคาที่สูง