“โฟร์โมสต์” ชูกลยุทธ์แบรนด์สตอรีทั่วเอเชีย สร้างแกร่งอย่างยั่งยืน ล่าสุดในไทยอัดงบการตลาดเพิ่มจากปีก่อนอีก 30% เจาะกลุ่มครอบครัว หวังเพิ่มอัตราการดื่มนมได้อีก 5-10% ในครัวเรือน คาดส่งรายได้ทั้งปีขยับอีก 8% เชื่อนมยูเอชทีสำหรับเด็กเติบโตสุด 16% ส่วนนมซูเปอร์พรีเมียมเข็นขึ้นยาก เหตุราคาสูง มั่นใจทั้งปีตลาดนมรวม 30,000 ล้านบาท ยังโตได้ 2-3%
นายมาร์โก เบอร์ทัคกา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนม ภายใต้แบรนด์ โฟร์โมสต์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโฟร์โมสต์มุ่งเน้นการทำตลาดด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเห็นคุณประโยชน์จากนม และใช้ดารานักแสดงเป็นพรีเซ็นเตอร์เจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ล่าสุดจากการที่ปัจจุบันบริษัทแม่ของโฟร์โมสต์ได้มาตั้งออฟฟิศที่สิงคโปร์ ซึ่งพบว่าการทำตลาดที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จดีแล้วในเอเชีย จึงได้มองหากลยุทธ์ใหม่ส่งผลให้หันกลับมาสู่ความเป็นเบสิกของแบรนด์
ล่าสุดพร้อมนำกลยุทธ์สตอรีแบรนด์ ของฟรีสแลนด์ คัมพิน่า ซึ่งมีความเป็นมาอย่างยาวนานกว่า 144 ปี จากกลุ่มเกษตรกรจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้า ถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของบริษัท ที่จะช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และให้ผู้บริโภคมั่นใจถึงคุณภาพสินค้า เชื่อว่าจะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะส่งผลทางอ้อมให้ผู้บริโภคหันมาดื่มนมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้พร้อมกันทั่วอาเซียน ผ่านทางแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาใหม่ที่จะออกอากาศพร้อมกันไปทั่วอาเซียน ภายใต้แนวคิด “Your Milk is our Milk : นมที่คุณชื่นชอบ คือนมที่มีมาตรฐานการผลิตเดียวกันกับที่เราผลิตและดื่มมากกว่า 144 ปี” เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของนมโฟร์โมสต์ว่าเป็น “นมคุณภาพดีมาตรฐานการผลิตระดับโลกที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว”
ล่าสุด ในส่วนของประเทศไทยยังพร้อมใช้งบเพิ่มขึ้นอีก 30% เทียบกับปีก่อน สำหรับการทำตลาดในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์แบรนด์สตอรี โดยปีนี้จะเน้นเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้น จากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่น และใช้พรีเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อดิจิตอลมาร์เกตติ้ง รวมถึงกิจกรรมในร้านค้า และการพัฒนาช่องทางขายในร้านค้าทั่วไปให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะส่งผลให้มีการบริโภคนมมากขึ้นอีก 5-10% ในแต่ละครัวเรือน จากเดิมอยู่ที่ 20 ลิตรต่อครัวเรือนต่อปี
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ยังพร้อมใช้งบลงทุนอีกหลายร้อยล้านบาท สำหรับการนำเข้า เครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาพัฒนาและผลิตนมให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นด้วย คาดว่าจะได้เห็นการลงทุนใหม่ครั้งนี้ในช่วงกลางปีไปจนถึงปลายปีนี้ มั่นใจว่าจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีก 1.5-2% จากที่มีส่วนแบ่งอยู่ 35-36% ในตลาดรวมลิควิดมิลค์มูลค่า 30,000 ล้านบาทในปีก่อน หรือทั้งปีนี้มั่นใจว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้น 8%
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาพรวมตลาดลิควิดมิลค์ปีนี้น่าจะโตได้ 2% เป็นการเติบโตที่มาจากกลุ่มนมยูเอชทีสำหรับเด็กมูลค่า 10,000 ล้านบาทที่ปีนี้มองว่าจะโตได้ถึง 6-7% ซึ่งในเซกเมนต์ดังกล่าวโฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาด มีแชร์กว่า 50% ส่วนกลุ่มนมพาสเจอไรซ์ มูลค่า4,000 ล้านบาท ปีนี้อาจจะทรงตัวเนื่องจากราคาแพง ผู้บริโภคหันมาซื้อนมยูเอชทีแทน รวมถึงกลุ่มนมระดับพรีเมียมไปจนถึงซูเปอร์พรีเมียม ซึ่งน่าจะมีมูลค่าเพียง 1% ของตลาดรวมลิควิดมิลค์ ปีนี้น่าจะเติบโตได้ยาก จากราคาที่สูง และผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์คุ้มค่าคุ้มราคากว่า