วานนี้ (10 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า ในวันนี้ (11มี.ค.) จะมีการประชุม 5 องค์กรตามโรดแมปของ คสช. หรือแม่น้ำ 5 สาย โดยจะมีการหารือในเรื่องการปฏิรูป และการออกกฎหมายของ คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขณะเดียวกัน ในการประชุม ครม.วันเดียวกันนี้ ได้มีการหารือถึงงานด้านความมั่นคง ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ระมัดระวังเรื่องการก่อเหตุรุนแรงอย่างที่ตนเคยบอกไปแล้วว่า ถ้าบ้านเมืองยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างปัจจุบัน ก็คงลำบาก ทำอะไรก็ลำบาก ตนเองไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือนที่ช่วยกัน รวมทั้งประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเหตุและสิ่งผิดปกติต่างๆ
"วันนี้ผมพยายามดู และพิจารณาทุกอย่าง อย่างเรื่องของโพล หรือข่าวในหนังสือพิมพ์ ผมก็ตัดเก็บมาทั้งหมด จากนั้นก็มาหารือในที่ประชุม ครม. ซึ่งมีจำนวนมาก ผมทำทุกอย่าง ผมมีสมุดสั่งงาน 2 เล่ม และเอกสารข้อมูลที่ใช้ในการสั่งงาน ครม. อีก 6 แผ่น และหลังจากนี้ไปก็จะพูดในประเด็นต่างๆ โดยจดรายละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่ลืม อาจจะช้าไปบ้าง แต่พูดเร็วไปก็ไม่ดี พูดเร็วเดี๋ยวก็กลายเป็นเหยื่อ จากนี้ไปจะพูดให้ดี อารมณ์เย็นๆ " นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามามีปัญหาให้แก้จำนวนมาก โดยเฉพาะคดีต่างๆที่ยังคาราคาซัง ทั้งคดีก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 หรือหลังวันที่ 22 พ.ค. 57 วุ่นไปกันหมด เรื่องเงินเรื่องทอง ถ้าไม่มีรัฐบาลคสช.เข้ามาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หลายอย่างคงไม่ได้ผ่านออกมา วันนี้รัฐบาลจึงพยายามจะออกกฎหมาย หรือบางอย่างออกมาก็ขอว่าอย่าตื่นตระหนก เพราะรัฐบาลมีมาตรการ ที่พร้อมดูแลทั้งด้านการเงิน และผู้ได้รับผลกระทบต่างๆ ขอร้องว่า อย่าไปตีกันเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ต้องขอชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้จัดพบปะประชาชน ซึ่งมีประชาชน นิสิต นักศึกษา ได้สอบถามทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎอัยการศึก สิทธิเสรีภาพต่างๆ ซึ่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก็ตอบได้ดี และไม่ได้เข้าข้างตน โดยได้ชี้แจงว่า สถานการณ์ช่วงนี้เป็นอย่างไร เหมือนเป็นการซื้อรถคันใหม่ เคยมีรถคันเก่าที่วิ่งอันตราย ขับช้าบ้าง เร็วบ้าง วันนี้ถือเป็นการซื้อรถใหม่ เบรคดี คนขับก็ดี ก็ต้องลองดูว่า รถคัดนี้จะดีหรือไม่
"และบังเอิญว่ารถคันนี้ ผมเป็นคนขับ ซึ่งผมพยายามลดการขับแบบสวี๊ดสวาดลง ยอมรับว่า ที่ผ่านมาผมอาจจะเร็วไปนิดหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความเข้าใจ จะต้องสร้างความเข้าใจทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำไปในหลายๆ มิติว่า เราทำอะไรไปบ้าง ส่วนการประชุม แม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 11 มี.ค. ก็จะสรุปให้ฟังว่า การทุจริตมีอะไรบ้าง และเราได้ทำอะไรไปบ้าง ขอร้องว่าอย่างเร่งรัดกันเลย ให้โอกาสแก้ไขและต่อสู้คดีกันไป แต่อะไรที่เป็นกติกา ก็ต้องเป็นกติกา ถ้ายอมรับในความผิดที่ชัดเจน ก็ต้องทำให้ได้ การสร้างความเข้มแข็งขององค์กรทั้งส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น ต้องปรับใหม่ทั้งหมด ในเรื่องระเบียบการบริหารจัดการที่ผ่านมา ถ้าการเมืองไปแทรกแซงมากเกินไป ซึ่งมันไม่ใช่ ความจริงแล้วมีหน้าที่แค่การกำกับดูแล ไม่ให้มีการทุจริต และขับเคลื่อนคนตอบแทนความดีความชอบ มีธรรมาภิบาล ทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ แต่การเมืองด้วยการเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องมีคะแนนเสียงเป็นหลัก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า จากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัด พบปะประชาชน แนวคิดเรื่องหมู่บ้านเสื้อแดงต่างๆ ยังคงมีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มันก็หายไปหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงที่อยู่ในสมอง เพราะมีบางคนที่ถูกซึมลึกเข้าไป ซึ่งมี 2 อย่าง คือ ถูกล้างสมองไปเลย กับสิ่งตอบแทนต่างๆ แต่ต้องยอมรับว่า ก็เริ่มลดลง เวลาไปไหนผมก็จะถามผู้คนตลอดว่า เป็นอย่างไร ซึ่งบางพื้นที่เป็นกลุ่มแดงเก่า ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ มันแยกคนไม่ได้ ก็เป็นคนไทยด้วยกัน ก็กลับมาเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่ได้เป็นพวกใคร แล้วก็สนับสนุนรัฐบาลที่ดี ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าผมดี แต่ก็ต้องหารัฐบาลที่ดีมาให้ได้ในวันหน้า แล้วทุกฝ่ายก็สนับสนุนในการแก้ไขปัญหา ก็มีการเริ่มต้นไว้ให้ แม้จะมีความขัดแย้งอยู่บ้าง สื่อไม่เข้าใจ ผมเองก็หงุดหงิดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันถึงกับมาตี หรือฆ่ากัน แบบที่ต่างชาติเป็น ของประเทศไทยตั้งแต่ วันที่ 22 พ.ค.จนมาถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีปัญหากันเลย และขอร้องให้ช่วยกันหน่อยเถอะ ที่ข่าวต่างประเทศนำไปเสนอว่า เรานำคน 3-4 พันคนมากักขัง ยืนยันว่าไม่มี " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยอย่างไรในการทำความเข้าใจในพื้นที่ต่างๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเขาเดินอยู่แล้ว คสช.เองก็ลงพื้นที่ไปสร้างความเข้าใจในทุกหมู่บ้าน แต่สื่อก็ไปเขียนว่า ทหารไปเอาปืนจ่อหัว ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
"จะมีไปทำไม ได้อะไรขึ้นมา ผมอยากจะรู้ จะเป็นสีอะไรผมไม่รู้หรอก มันจะได้อะไรขึ้นมา รัฐบาลจะต้องดูแลทุกสี คนที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็พร้อมดูแลทั้งหมด แต่ใครที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินว่าถูกหรือผิด ถ้าจบคดีแล้วไม่มีความผิดก็เป็นสีสะอาดเท่านั้นเอง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนในรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้น ตนก็คงพูดต่อไป ถ้าใครอยากให้คนอื่นมาพูดบ้าง ก็ขอให้ไปถามคนส่วนใหญ่ดูว่าเขายังอยากฟังหรือเปล่า ถ้าใครไม่อยากฟัง ก็เปลี่ยนไปฟังช่องอื่น ยืนยันว่า วันนี้ยังมีคนฟังอยู่ ตนเบื่อประเทศไทยไม่ได้ ถ้าเบื่อประเทศไทยเมื่อไหร่ ตนก็ไป ไม่ต้องรอให้พวกท่านมาไล่ แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยคือ อนาคตของลูกหลานทุกคน และจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนเก่าขึ้นมาอีก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการต่ออายุ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า กำลังหารือกันอยู่ ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องฟังความคิดเห็นจากหลายส่วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีการคัดสรร ใช่หรือไม่ แต่ในช่วงนี้ต้องดูว่าอำนาจในการคัดสรร มีหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญหายไป เรื่องนี้อย่าให้เป็นประเด็นเลย ใครเป็นก็ต้องทำหน้าที่เหมือนกัน
"วันนี้ผมพยายามดู และพิจารณาทุกอย่าง อย่างเรื่องของโพล หรือข่าวในหนังสือพิมพ์ ผมก็ตัดเก็บมาทั้งหมด จากนั้นก็มาหารือในที่ประชุม ครม. ซึ่งมีจำนวนมาก ผมทำทุกอย่าง ผมมีสมุดสั่งงาน 2 เล่ม และเอกสารข้อมูลที่ใช้ในการสั่งงาน ครม. อีก 6 แผ่น และหลังจากนี้ไปก็จะพูดในประเด็นต่างๆ โดยจดรายละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่ลืม อาจจะช้าไปบ้าง แต่พูดเร็วไปก็ไม่ดี พูดเร็วเดี๋ยวก็กลายเป็นเหยื่อ จากนี้ไปจะพูดให้ดี อารมณ์เย็นๆ " นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามามีปัญหาให้แก้จำนวนมาก โดยเฉพาะคดีต่างๆที่ยังคาราคาซัง ทั้งคดีก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 หรือหลังวันที่ 22 พ.ค. 57 วุ่นไปกันหมด เรื่องเงินเรื่องทอง ถ้าไม่มีรัฐบาลคสช.เข้ามาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หลายอย่างคงไม่ได้ผ่านออกมา วันนี้รัฐบาลจึงพยายามจะออกกฎหมาย หรือบางอย่างออกมาก็ขอว่าอย่าตื่นตระหนก เพราะรัฐบาลมีมาตรการ ที่พร้อมดูแลทั้งด้านการเงิน และผู้ได้รับผลกระทบต่างๆ ขอร้องว่า อย่าไปตีกันเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ต้องขอชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้จัดพบปะประชาชน ซึ่งมีประชาชน นิสิต นักศึกษา ได้สอบถามทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎอัยการศึก สิทธิเสรีภาพต่างๆ ซึ่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ก็ตอบได้ดี และไม่ได้เข้าข้างตน โดยได้ชี้แจงว่า สถานการณ์ช่วงนี้เป็นอย่างไร เหมือนเป็นการซื้อรถคันใหม่ เคยมีรถคันเก่าที่วิ่งอันตราย ขับช้าบ้าง เร็วบ้าง วันนี้ถือเป็นการซื้อรถใหม่ เบรคดี คนขับก็ดี ก็ต้องลองดูว่า รถคัดนี้จะดีหรือไม่
"และบังเอิญว่ารถคันนี้ ผมเป็นคนขับ ซึ่งผมพยายามลดการขับแบบสวี๊ดสวาดลง ยอมรับว่า ที่ผ่านมาผมอาจจะเร็วไปนิดหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการสร้างความเข้าใจ จะต้องสร้างความเข้าใจทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศทำไปในหลายๆ มิติว่า เราทำอะไรไปบ้าง ส่วนการประชุม แม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 11 มี.ค. ก็จะสรุปให้ฟังว่า การทุจริตมีอะไรบ้าง และเราได้ทำอะไรไปบ้าง ขอร้องว่าอย่างเร่งรัดกันเลย ให้โอกาสแก้ไขและต่อสู้คดีกันไป แต่อะไรที่เป็นกติกา ก็ต้องเป็นกติกา ถ้ายอมรับในความผิดที่ชัดเจน ก็ต้องทำให้ได้ การสร้างความเข้มแข็งขององค์กรทั้งส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น ต้องปรับใหม่ทั้งหมด ในเรื่องระเบียบการบริหารจัดการที่ผ่านมา ถ้าการเมืองไปแทรกแซงมากเกินไป ซึ่งมันไม่ใช่ ความจริงแล้วมีหน้าที่แค่การกำกับดูแล ไม่ให้มีการทุจริต และขับเคลื่อนคนตอบแทนความดีความชอบ มีธรรมาภิบาล ทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ แต่การเมืองด้วยการเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องมีคะแนนเสียงเป็นหลัก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า จากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัด พบปะประชาชน แนวคิดเรื่องหมู่บ้านเสื้อแดงต่างๆ ยังคงมีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มันก็หายไปหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงที่อยู่ในสมอง เพราะมีบางคนที่ถูกซึมลึกเข้าไป ซึ่งมี 2 อย่าง คือ ถูกล้างสมองไปเลย กับสิ่งตอบแทนต่างๆ แต่ต้องยอมรับว่า ก็เริ่มลดลง เวลาไปไหนผมก็จะถามผู้คนตลอดว่า เป็นอย่างไร ซึ่งบางพื้นที่เป็นกลุ่มแดงเก่า ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ มันแยกคนไม่ได้ ก็เป็นคนไทยด้วยกัน ก็กลับมาเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์โดยที่ไม่ได้เป็นพวกใคร แล้วก็สนับสนุนรัฐบาลที่ดี ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าผมดี แต่ก็ต้องหารัฐบาลที่ดีมาให้ได้ในวันหน้า แล้วทุกฝ่ายก็สนับสนุนในการแก้ไขปัญหา ก็มีการเริ่มต้นไว้ให้ แม้จะมีความขัดแย้งอยู่บ้าง สื่อไม่เข้าใจ ผมเองก็หงุดหงิดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันถึงกับมาตี หรือฆ่ากัน แบบที่ต่างชาติเป็น ของประเทศไทยตั้งแต่ วันที่ 22 พ.ค.จนมาถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีปัญหากันเลย และขอร้องให้ช่วยกันหน่อยเถอะ ที่ข่าวต่างประเทศนำไปเสนอว่า เรานำคน 3-4 พันคนมากักขัง ยืนยันว่าไม่มี " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะใช้กลไกกระทรวงมหาดไทยอย่างไรในการทำความเข้าใจในพื้นที่ต่างๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเขาเดินอยู่แล้ว คสช.เองก็ลงพื้นที่ไปสร้างความเข้าใจในทุกหมู่บ้าน แต่สื่อก็ไปเขียนว่า ทหารไปเอาปืนจ่อหัว ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง
"จะมีไปทำไม ได้อะไรขึ้นมา ผมอยากจะรู้ จะเป็นสีอะไรผมไม่รู้หรอก มันจะได้อะไรขึ้นมา รัฐบาลจะต้องดูแลทุกสี คนที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็พร้อมดูแลทั้งหมด แต่ใครที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินว่าถูกหรือผิด ถ้าจบคดีแล้วไม่มีความผิดก็เป็นสีสะอาดเท่านั้นเอง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนในรายการคืนความสุขให้คนในชาตินั้น ตนก็คงพูดต่อไป ถ้าใครอยากให้คนอื่นมาพูดบ้าง ก็ขอให้ไปถามคนส่วนใหญ่ดูว่าเขายังอยากฟังหรือเปล่า ถ้าใครไม่อยากฟัง ก็เปลี่ยนไปฟังช่องอื่น ยืนยันว่า วันนี้ยังมีคนฟังอยู่ ตนเบื่อประเทศไทยไม่ได้ ถ้าเบื่อประเทศไทยเมื่อไหร่ ตนก็ไป ไม่ต้องรอให้พวกท่านมาไล่ แต่อย่าลืมว่าประเทศไทยคือ อนาคตของลูกหลานทุกคน และจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนเก่าขึ้นมาอีก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการต่ออายุ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า กำลังหารือกันอยู่ ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องฟังความคิดเห็นจากหลายส่วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีการคัดสรร ใช่หรือไม่ แต่ในช่วงนี้ต้องดูว่าอำนาจในการคัดสรร มีหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญหายไป เรื่องนี้อย่าให้เป็นประเด็นเลย ใครเป็นก็ต้องทำหน้าที่เหมือนกัน