ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มอิตัลไทย ฉลอง 60 ปี ทุ่มทุน 1.1 หมื่นล้านบาท หวังยอดขาย 2.58 หมื่นล้านบาทในปี 2562 เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ทั้งธุรกิจเครื่องจักรกลและวิศวกรรม-บริการและไลฟ์สไตล์ เผยกลยุทธ์เพิ่มแบรนด์ใหม่ เน้นตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย เปิดเผยว่า กลุ่มอิตัลไทย วางยุทธศาสตร์การลงทุนและการดำเนินงาน 5 ปี (2558-2562) ตั้งงบลงทุนรวมจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 2.58 หมื่นล้านบาทในปี 2562
กลุ่มอิตัลไทยมี 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ทำรายได้ในสัดส่วน 50:50 คือ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” และ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์”
*** ธุรกิจเครื่องจักรกล หวัง 8 พันล. ***
ในส่วนของ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” แบ่งเป็น 1.ธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด ปัจจุบันมียอดขาย 4 พันล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด 14% มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท และส่วนแบ่งตลาด 20% ในปี 2562 โดยมีกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ในธุรกิจก่อสร้างและการลำเลียงวัสดุ โดยแบรนด์หลักยังคงเป็นอุปกรณ์ก่อสร้างแบรนด์ “วอลโว่” และ “เอสดีแอลจี” และรถเคนแบรนด์ “ทาดาโน่”
“เราจะขยายเครือข่ายทั่วประเทศจากปัจจุบันที่มีอยู่ 14 สาขาเป็น 30 สาขาในปี 2562 โดยในปี 2558 จะเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดนครสวรรค์ สุรินทร์ และสกลนคร และเปิดสาขาในประเทศลาวคือ นครเวียงจันทน์ และปากเซ รวมทั้งจัดตั้งหน่วยบริการในพื้นที่ในไซยะบุรีและหงสา เพื่อสนับสนุนลูกค้าในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ” นายยุทธชัย กล่าว
*** ขยายตลาดโรงไฟฟ้า มุ่งรายได้ 7.6 พันล. ***
2.ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายจาก 3.2 พันล้านบาทต่อปีในปัจจุบันเป็น 7.6 พันล้านบาทในปี 2562 โดยการขยายตลาดใหม่ๆ จากเดิมที่มุ่งงานอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไปสู่การให้บริการในส่วนงานไฟฟ้าและวิศวกรรมโยธา รวมถึงขยายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เช่น การสร้างธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ เป็นต้น โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ที่จ.ลพบุรี และโรงไฟฟ้าพลังลม ที่จ.เพชรบูรณ์ แล้วเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้
*** หวังธุรกิจโรงแรมรายได้ 1.02 หมื่นล. ***
สำหรับ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์” ตั้งเป้าเติบโตจากยอดขาย 5.7 พันล้านบาทในปี 2557 เป็น 1.02 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ด้วยงบลงทุน 7 พันล้านบาท โดยให้ความสำคัญแก่ธุรกิจโรงแรมในเครือ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป”
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท 3 แบรนด์ คือแบรนด์ระดับลักชัวรี่ “แซฟฟรอน” (Saffron) แบรนด์สำหรับตลาดระดับบน “อมารี” (Amari) และแบรนด์สำหรับการบริการเฉพาะอย่าง “โอโซ่” (Ozo) และยังมีเซอร์วิสต์อพาร์ทเมนท์แบรนด์ “ชามา ลักซ์” (Shama Luxe) “ชามา” (Shama) และ “ชามา ไลท์” (Shama Lite) ธุรกิจสปา แบรนด์ “มาย” (Maai) สำหรับตลาดลักชัวรี่ และ “บรีซ” (Breeze) สำหรับตลาดระดับบน
“เรามีรายได้ส่วนนี้จากในประเทศเป็นหลักประมาณ 80% แต่ภายใน 5 ปีจะเริ่มให้ความสำคัญตลาดต่างประเทศ เน้นลงทุนในประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 40-50% จากโรงแรม 38 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 100 แห่ง ห้องพัก 1.85 หมื่นห้อง ใน 10 ประเทศภายในเวลา 5 ปี โดยปี 2558 จะเปิดโรงแรมใหม่ในประเทศมัลดีฟส์ มาเลเซีย ศรีลังกา และจีน”
*** เปลี่ยนแนวเพิ่มสาขาร้านชา “TWG” ***
ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มชา “ทีดับลิวจี” (TWG Tea Franchise) ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม ทำมาตั้งแต่ปี 2555 ปัจจุบันมีจำนวน 3 สาขาภายในศูนย์การค้า “สยามพารากอน” และ “ดิเอ็มโพเรียม” แต่ในปี 2558 มีแผนจะเพิ่มสาขาใหม่ 3 แห่ง ลงทุนสาขาละประมาณ 40-50 ล้านบาท เน้นพื้นที่โรงแรมระดับห้าดาวเป็นหลัก
“ก่อนหน้านั้นเรามีนโนยบายเปิดร้านในลักษณะซาลอนภายในศูนย์การค้าชั้นนำเป็นหลัก โดยแต่ละสาขาล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่รายล้อมด้วยแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมอื่นๆ แต่นับจาดนี้เริ่มเปลี่ยนนโยบายเป็นการขายผ่านเคาน์เตอร์ค้าปลีกและการขายระดับองค์กร โดยเฉพาะโรงแรมระดับห้าดาว โดยมีเป้าหมายที่จะทำยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า” นายยุทธชัย กล่าว
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย เปิดเผยว่า กลุ่มอิตัลไทย วางยุทธศาสตร์การลงทุนและการดำเนินงาน 5 ปี (2558-2562) ตั้งงบลงทุนรวมจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 2.58 หมื่นล้านบาทในปี 2562
กลุ่มอิตัลไทยมี 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ทำรายได้ในสัดส่วน 50:50 คือ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” และ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์”
*** ธุรกิจเครื่องจักรกล หวัง 8 พันล. ***
ในส่วนของ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” แบ่งเป็น 1.ธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด ปัจจุบันมียอดขาย 4 พันล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด 14% มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท และส่วนแบ่งตลาด 20% ในปี 2562 โดยมีกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ในธุรกิจก่อสร้างและการลำเลียงวัสดุ โดยแบรนด์หลักยังคงเป็นอุปกรณ์ก่อสร้างแบรนด์ “วอลโว่” และ “เอสดีแอลจี” และรถเคนแบรนด์ “ทาดาโน่”
“เราจะขยายเครือข่ายทั่วประเทศจากปัจจุบันที่มีอยู่ 14 สาขาเป็น 30 สาขาในปี 2562 โดยในปี 2558 จะเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดนครสวรรค์ สุรินทร์ และสกลนคร และเปิดสาขาในประเทศลาวคือ นครเวียงจันทน์ และปากเซ รวมทั้งจัดตั้งหน่วยบริการในพื้นที่ในไซยะบุรีและหงสา เพื่อสนับสนุนลูกค้าในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ” นายยุทธชัย กล่าว
*** ขยายตลาดโรงไฟฟ้า มุ่งรายได้ 7.6 พันล. ***
2.ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายจาก 3.2 พันล้านบาทต่อปีในปัจจุบันเป็น 7.6 พันล้านบาทในปี 2562 โดยการขยายตลาดใหม่ๆ จากเดิมที่มุ่งงานอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไปสู่การให้บริการในส่วนงานไฟฟ้าและวิศวกรรมโยธา รวมถึงขยายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เช่น การสร้างธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ เป็นต้น โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ที่จ.ลพบุรี และโรงไฟฟ้าพลังลม ที่จ.เพชรบูรณ์ แล้วเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้
*** หวังธุรกิจโรงแรมรายได้ 1.02 หมื่นล. ***
สำหรับ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์” ตั้งเป้าเติบโตจากยอดขาย 5.7 พันล้านบาทในปี 2557 เป็น 1.02 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ด้วยงบลงทุน 7 พันล้านบาท โดยให้ความสำคัญแก่ธุรกิจโรงแรมในเครือ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป”
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท 3 แบรนด์ คือแบรนด์ระดับลักชัวรี่ “แซฟฟรอน” (Saffron) แบรนด์สำหรับตลาดระดับบน “อมารี” (Amari) และแบรนด์สำหรับการบริการเฉพาะอย่าง “โอโซ่” (Ozo) และยังมีเซอร์วิสต์อพาร์ทเมนท์แบรนด์ “ชามา ลักซ์” (Shama Luxe) “ชามา” (Shama) และ “ชามา ไลท์” (Shama Lite) ธุรกิจสปา แบรนด์ “มาย” (Maai) สำหรับตลาดลักชัวรี่ และ “บรีซ” (Breeze) สำหรับตลาดระดับบน
“เรามีรายได้ส่วนนี้จากในประเทศเป็นหลักประมาณ 80% แต่ภายใน 5 ปีจะเริ่มให้ความสำคัญตลาดต่างประเทศ เน้นลงทุนในประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 40-50% จากโรงแรม 38 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 100 แห่ง ห้องพัก 1.85 หมื่นห้อง ใน 10 ประเทศภายในเวลา 5 ปี โดยปี 2558 จะเปิดโรงแรมใหม่ในประเทศมัลดีฟส์ มาเลเซีย ศรีลังกา และจีน”
*** เปลี่ยนแนวเพิ่มสาขาร้านชา “TWG” ***
ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มชา “ทีดับลิวจี” (TWG Tea Franchise) ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม ทำมาตั้งแต่ปี 2555 ปัจจุบันมีจำนวน 3 สาขาภายในศูนย์การค้า “สยามพารากอน” และ “ดิเอ็มโพเรียม” แต่ในปี 2558 มีแผนจะเพิ่มสาขาใหม่ 3 แห่ง ลงทุนสาขาละประมาณ 40-50 ล้านบาท เน้นพื้นที่โรงแรมระดับห้าดาวเป็นหลัก
“ก่อนหน้านั้นเรามีนโนยบายเปิดร้านในลักษณะซาลอนภายในศูนย์การค้าชั้นนำเป็นหลัก โดยแต่ละสาขาล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่รายล้อมด้วยแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมอื่นๆ แต่นับจาดนี้เริ่มเปลี่ยนนโยบายเป็นการขายผ่านเคาน์เตอร์ค้าปลีกและการขายระดับองค์กร โดยเฉพาะโรงแรมระดับห้าดาว โดยมีเป้าหมายที่จะทำยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า” นายยุทธชัย กล่าว