xs
xsm
sm
md
lg

“อิตัลไทย” ทุ่ม 1.1 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี เพิ่มแบรนด์-โหมตลาดต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย
กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ฉลอง 60 ปีการดำเนินงาน ทุ่มทุน 1.1 หมื่นล้านบาทหวังสร้างยอดขาย 2.58 หมื่นล้านบาทในปี 2562 เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ทั้งธุรกิจเครื่องจักรกลและวิศวกรรม บริการและไลฟ์สไตล์ เผยกลยุทธ์สำคัญเพิ่มแบรนด์ใหม่และความหลากหลายผลิตภัณฑ์ พร้อมเน้นตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย เปิดเผยว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปีการก่อตั้งกลุ่มบริษัทอิตัลไทย จึงกำหนดยุทธศาสตร์การลงทุนและการดำเนินงาน 5 ปี (2558-2562) โดยใช้เงินลงทุนในส่วนของศูนย์บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และโรงงาน ตลอดจนการบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพองค์กรเป็นจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อก้าวสู่เป้าหมายรายได้รวม 2.58 หมื่นล้านบาทในปี 2562

กลุ่มบริษัทอิตัลไทยดำเนินธุรกิจครอบคลุม 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่ทำรายได้ในสัดส่วน 50:50 คือ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและการพัฒนาประเทศไทย และ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์” ซึ่งเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลและสามารถแข่งขันกับทั่วโลก

*** ธุรกิจเครื่องจักรกล หวัง 8 พันล้านบาท ***
ในส่วนของ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม” แบ่งเป็น 1. ธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด ปัจจุบันมียอดขาย 4 พันล้านบาท พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 14% มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาด 20% ในปี 2562 โดยมีกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของแบรนด์และผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานรูปแบบต่างๆ ในธุรกิจก่อสร้างและการลำเลียงวัสดุได้อย่างครบครัน โดยแบรนด์หลักยังคงเป็นอุปกรณ์ก่อสร้างแบรนด์ “วอลโว่” (Volvo) และ “เอสดีแอลจี” (SDLG) และรถเคนแบรนด์ “ทาดาโน่” (Tadano)

“เราจะมีการลงทุนอย่างจริงจังเพื่อขยายเครือข่ายทั่วประเทศให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบันที่มีอยู่ 14 สาขาจะเพิ่มเป็น 30 สาขาภายในปี 2562 โดยในปี 2558 มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดนครสวรรค์ สุรินทร์ และสกลนคร ขณะเดียวกันยังได้เข้าไปเปิดสาขาในประเทศลาว คือ นครเวียงจันทน์ และปากเซ รวมทั้งจัดตั้งหน่วยบริการในพื้นที่ในไชยะบุรี และหงสา เพื่อสนับสนุนลูกค้าในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ” นายยุทธชัยกล่าว

*** ขยายตลาดโรงไฟฟ้า มุ่งรายได้ 7.6 พันล้านบาท ***
2. ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายจาก 3.2 พันล้านบาทต่อปีในปัจจุบันเป็น 7.6 พันล้านบาทในปี 2562 พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในประเทศไทยที่เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าต้องการใช้บริการ โดยมีกลยุทธ์เพิ่มรายได้ด้วยการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมจากเดิมที่มุ่งเน้นในส่วนงานอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไปสู่การให้บริการในส่วนงานไฟฟ้าและวิศวกรรมโยธา รวมถึงขยายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เช่น การสร้างธุรกิจในประเทศพม่า โดยเน้นรับงานด้านวิศวกรรมภายในอาคารด้านไฟฟ้าและท่อประปาเป็นหลัก

“บริษัทตั้งเป้าสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในประเทศไทยทั้งโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์และพลังลม ซึ่งจะสร้างโอกาสสำคัญทางธุรกิจและเป็นตัวเลือกสำคัญให้ลูกค้าต้องการใช้บริการภายใน 5 ปี โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ จ.ลพบุรี และโรงไฟฟ้าพลังลมที่ จ.เพชรบูรณ์ แล้วเสร็จเมื่อเร็วๆ นี้”

*** หวังธุรกิจโรงแรมทำรายได้พุ่ง 1.02 หมื่นล้านบาท ***
นายยุทธชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ “กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์” เป็นกลุ่มธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากยอดขาย 5.7 พันล้านบาทในปี 2557 เป็น 1.02 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ด้วยการทุ่มงบลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้เป็นจำนวนเงินประมาณ 7 พันล้านบาท โดยให้ความสำคัญต่อธุรกิจโรงแรมในเครือ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป”

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทอิตัลไทยดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต 3 แบรนด์ คือแบรนด์ระดับลักชัวรี “แซฟฟรอน” (Saffron) แบรนด์สำหรับตลาดระดับบน “อมารี” (Amari) และแบรนด์สำหรับการบริการเฉพาะอย่าง “โอโซ่” (Ozo) นอกจากนี้ยังมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ให้บริการภายใต้แบรนด์ “ชามา ลักซ์” (Shama Luxe) “ชามา” (Shama) และ “ชามา ไลท์” (Shama Lite) รวมถึงธุรกิจสปา ภายใต้แบรนด์ “มาย” (Maai) สำหรับตลาดลักชัวรี และ “บรีซ” (Breeze) สำหรับตลาดระดับบน

“กลุ่มบริษัทอิตัลไทยมีรายได้ส่วนนี้จากในประเทศเป็นหลักประมาณ 80% แต่ภายใน 5 ปีนับจากนี้จะเริ่มให้ความสำคัญตลาดต่างประเทศ โดยจะเน้นการลงทุนในประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 40-50% จากโรงแรม 38 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 100 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพัก 1.85 หมื่นห้อง ใน 10 ประเทศภายในระยะเวลา 5 ปี โดยเบื้องต้นในปี 2558 จะมีการเปิดโรงแรมใหม่ในประเทศมัลดีฟส์ มาเลเซีย ศรีลังกา และจีน”

*** เปลี่ยนแนวเพิ่มสาขาร้านชา “TWG” ***
นายยุทธชัยกล่าวอีกว่า กลุ่มบริษัทอิตัลไทยยังเป็นผู้บริหารธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มชา “ทีดับบลิวจี” (TWG Tea Franchise) ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมียมตั้งแต่ปี 2555 ปัจจุบันมีจำนวน 3 สาขาภายในศูนย์การค้า “สยามพารากอน” และ “ดิเอ็มโพเรียม” แต่ในปี 2558 มีแผนจะเพิ่มสาขาใหม่ 3 แห่ง ลงทุนสาขาละประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยยังคงเน้นพื้นที่เป้าหมายคือโรงแรมระดับห้าดาวเป็นหลัก

“ก่อนหน้านั้นเรามีนโยบายเปิดร้านในลักษณะซาลอนภายในศูนย์การค้าชั้นนำเป็นหลัก โดยแต่ละสาขาล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่รายล้อมด้วยแบรนด์ระดับซูเปอร์พรีเมียมอื่นๆ แต่นับจากนี้เริ่มเปลี่ยนนโยบายเป็นการขายผ่านเคาน์เตอร์ค้าปลีกและการขายระดับองค์กร โดยเฉพาะโรงแรมระดับห้าดาว โดยมีเป้าหมายที่จะทำยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า” นายยุทธชัยกล่าวในที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น