ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดชุดว่ายน้ำ 4,000 ล้านบาทระอุ ไอ.ซี.ซี. คว้าสิทธิ์มิซูโน่ลุยตลาดไทยพร้อมเป็นฐ่านผลิตป้อนเอเซีย หลังหมดสัญญาสปีโด้ คาดปีแรก 150 ล้านบาท ยอมรับปีนี้ทั้งเครือยอดขายชุดว่ายน้ำเหลือ 350 ล้านบาท
นายชัยเลิศ มนูญผล เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬา บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล . เปิดเผยถึงธุรกิจชุดว่ายน้ำในเครือว่า ในปีนี้คาดว่าทั้งเครือจะมียอดขายรวมผลิตภัณฑ์ชุดดว่ายน้ำและอุปกรณ์เสริม ประมาณ 350 ล้านบาท จากทุกแบรนด์รวมกัน ซึ่งต่ำกว่าปี 2557 ที่มียอดขายรวมประมาณ 500 กว่าล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯหมดสัญญาการจัดจำหน่ายแบรนด์สปีโด้ที่ไอ.ซี.ซี.ทำตลาดมานานไม่ต่ำกว่า 20 ปี กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแล้วก่อนที่จะหมดสัญญา จึงทำให้ยอดขายในส่วนนี้หายไปพอสมควร ( ปัจจุบันบริษัท ซีอาร์ซี ซูเปอร์สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัลเป็นผู้ได้รับไลเซ่นส์ สปีโด้ในไทย )
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่า ฝ 2 ปีจากนี้ ยอดขายจะกลับคืนมาสู่ 500 ล้านบาท และภายใน 5 ปียอดขายจะต้องเกินมากกว่า 500 ล้านบาทแน่นอน เพราะบริษัทฯได้รับไลเซ่นส์ชุดว่ายน้ำ เพิ่มใหม่อีกแบรนด์คือบแบรนด์มิซูโน่ (MIZUNO) เข้ามาทำตลาดเพิ่ม จากที่มีสินค้ามิซูโนในกลุ่มอื่นแล้ว รวมทั้งการได้รับสิทธิ์จำหน่าย นำเข้าและผลิตด้วย
ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทในเครือสหพัฒน์ทั้งหมด มีชุดว่ายน้ำทำตลาดรวมแล้วมากกว่า 8 แบรนด์ ทั้งของเครือเองและรับไลเซนส์มา เช่น บีเอสซีสปอร์ต บีเอสซีสวิม อารีน่า กีลาโรซสวิม ซึ่งไอ.ซี.ซี.ก็มีเช่น แอลสวิม สตรีมไลน์ และมิซูโน ซึ่งมิซูโน่จะเป็นชุดว่ายน้ำแบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่ทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ
สำหรับตลาดรวมชุดว่ายน้ำและอุปกรณเสริมในไทยมีมูลค่าสรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นชุดว่ายน้ำแฟชั่น 75% และชุดว่ายน้ำแบบแข่งขัน 25% ) คาดว่าปีนี้จะเติบโต 10% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องหากไม่ได้รับผลกระทบทางการเมืองหรือปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่อ่งสุขภาพและนิยมออกกำลังกายมากขึ้น แต่การแข่งขันก็ค่อนข้างรุนแรงจากหลายแบรนด์ที่ทำตลาดในไทย ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมค่อนข้างทรงตัวเพราะปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่า ชุดว่ายน้ำมิซูโน่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใหม่ในไทยจะได้รับการตอบรับและก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นผู้นำตลาดได้ เนื่องจากความพร้อมในหลายๆอย่าง ทั้งด้านการตลาด ช่องทางจำหน่าย และการผลิต มิซูโน่มอบหมายให้เครือสหพัฒน์เป็นผู้ผลิตชุดว่ายน้ำมิซูโน่ด้วยและเป็นฐานในการผลิตชุดว่ายน้ำเพื่อส่งออกไปยังเอเซียรวมญี่ปุ่นด้วย ซึงในญี่ปุ่นมิซูโน่เป็นผู้นำอันดับ1เกือบทุกประเภทกีฬา ส่วนชุดว่ายน้ำเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเพื่อการแข่งขัน
ทั้งนี้ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเอเซียมากมีเป้าหมายที่จะบุกตลาดเอเซียมากขึ้น โดยขยายตลาดไปที่ฮ่องกงเป็นแห่งแรกและไทยเป็นประเทศที่สอง นั่นหมายถึงญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทยมาก ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็เป็นฮับให้กับแบรนด์มิซูโน่ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว
ล่าสุดเครือสหพัฒน์จะส่งชุดว่ายน้ำมิซูโน่ไปยังประเทศฮ่องกงและไต้หวันก่อน จำนวนกว่า 10,000 ชุด ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้จะจัดส่งออร์เดอร์ และออร์เดอร์ต่อไปคือมาเลเซีย
โดยปีนี้มีแผนที่จะเปิดจุดจำหน่ายชุดว่ายน้ำมิซูโน 60 จุด ในห้างสรรพสินค้า คาดว่าลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท และยังมีชอปมิซูโน่อีก 5 แห่งรองรับอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นชอปที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์มิซูโน่ทั้งหมด ที่เครือสหพัฒน์จัดจำหน่าย โดยตั้งงบการตลาดไว้ที่ 10-15% ของยอดขายมิซูโน่
ทั้งนี้นอกจากชุดว่ายน้ำมิซูโน่จะเข้ามาช่วยผลักดันนให้ส่วนแบ่งตลดาชุดว่ายน้ำรวมของเครือสหพัฒน์เพิ่มมากขึ้นแล้ว ขณะที่ชุดว่ายน้ำมิซูโน่ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมของแบรนด์มิซูโน่ในไทยมีถึงประมาณ 450 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าอีก 5 ปีแบรนด์มิซูโน่รวมจะมีรายได้ 900 ล้านบาท
นายชัยเลิศกล่าวด้วยว่า เป้าหมายระยะยาวจะผลักดันให้ชุดว่ายน้ำมิซูโน ขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับ1ในไทยให้ได้ภายใน 5 ปี ในกลุ่มชุดว่ายน้ำเพื่อ่การแข่งขัน ขณะที่ปีแรกนี้จะต้องติดท็อปไฟว์ในตลาดชุดว่ายน้ำโดยรวม ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดคือ สปีโด้กับอารีน่าที่สูสีกัน
นายชัยเลิศ มนูญผล เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬา บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล . เปิดเผยถึงธุรกิจชุดว่ายน้ำในเครือว่า ในปีนี้คาดว่าทั้งเครือจะมียอดขายรวมผลิตภัณฑ์ชุดดว่ายน้ำและอุปกรณ์เสริม ประมาณ 350 ล้านบาท จากทุกแบรนด์รวมกัน ซึ่งต่ำกว่าปี 2557 ที่มียอดขายรวมประมาณ 500 กว่าล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯหมดสัญญาการจัดจำหน่ายแบรนด์สปีโด้ที่ไอ.ซี.ซี.ทำตลาดมานานไม่ต่ำกว่า 20 ปี กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแล้วก่อนที่จะหมดสัญญา จึงทำให้ยอดขายในส่วนนี้หายไปพอสมควร ( ปัจจุบันบริษัท ซีอาร์ซี ซูเปอร์สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัลเป็นผู้ได้รับไลเซ่นส์ สปีโด้ในไทย )
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่า ฝ 2 ปีจากนี้ ยอดขายจะกลับคืนมาสู่ 500 ล้านบาท และภายใน 5 ปียอดขายจะต้องเกินมากกว่า 500 ล้านบาทแน่นอน เพราะบริษัทฯได้รับไลเซ่นส์ชุดว่ายน้ำ เพิ่มใหม่อีกแบรนด์คือบแบรนด์มิซูโน่ (MIZUNO) เข้ามาทำตลาดเพิ่ม จากที่มีสินค้ามิซูโนในกลุ่มอื่นแล้ว รวมทั้งการได้รับสิทธิ์จำหน่าย นำเข้าและผลิตด้วย
ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทในเครือสหพัฒน์ทั้งหมด มีชุดว่ายน้ำทำตลาดรวมแล้วมากกว่า 8 แบรนด์ ทั้งของเครือเองและรับไลเซนส์มา เช่น บีเอสซีสปอร์ต บีเอสซีสวิม อารีน่า กีลาโรซสวิม ซึ่งไอ.ซี.ซี.ก็มีเช่น แอลสวิม สตรีมไลน์ และมิซูโน ซึ่งมิซูโน่จะเป็นชุดว่ายน้ำแบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียวที่ทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ
สำหรับตลาดรวมชุดว่ายน้ำและอุปกรณเสริมในไทยมีมูลค่าสรวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นชุดว่ายน้ำแฟชั่น 75% และชุดว่ายน้ำแบบแข่งขัน 25% ) คาดว่าปีนี้จะเติบโต 10% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องหากไม่ได้รับผลกระทบทางการเมืองหรือปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่อ่งสุขภาพและนิยมออกกำลังกายมากขึ้น แต่การแข่งขันก็ค่อนข้างรุนแรงจากหลายแบรนด์ที่ทำตลาดในไทย ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมค่อนข้างทรงตัวเพราะปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่า ชุดว่ายน้ำมิซูโน่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใหม่ในไทยจะได้รับการตอบรับและก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นผู้นำตลาดได้ เนื่องจากความพร้อมในหลายๆอย่าง ทั้งด้านการตลาด ช่องทางจำหน่าย และการผลิต มิซูโน่มอบหมายให้เครือสหพัฒน์เป็นผู้ผลิตชุดว่ายน้ำมิซูโน่ด้วยและเป็นฐานในการผลิตชุดว่ายน้ำเพื่อส่งออกไปยังเอเซียรวมญี่ปุ่นด้วย ซึงในญี่ปุ่นมิซูโน่เป็นผู้นำอันดับ1เกือบทุกประเภทกีฬา ส่วนชุดว่ายน้ำเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเพื่อการแข่งขัน
ทั้งนี้ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเอเซียมากมีเป้าหมายที่จะบุกตลาดเอเซียมากขึ้น โดยขยายตลาดไปที่ฮ่องกงเป็นแห่งแรกและไทยเป็นประเทศที่สอง นั่นหมายถึงญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทยมาก ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็เป็นฮับให้กับแบรนด์มิซูโน่ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว
ล่าสุดเครือสหพัฒน์จะส่งชุดว่ายน้ำมิซูโน่ไปยังประเทศฮ่องกงและไต้หวันก่อน จำนวนกว่า 10,000 ชุด ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้จะจัดส่งออร์เดอร์ และออร์เดอร์ต่อไปคือมาเลเซีย
โดยปีนี้มีแผนที่จะเปิดจุดจำหน่ายชุดว่ายน้ำมิซูโน 60 จุด ในห้างสรรพสินค้า คาดว่าลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท และยังมีชอปมิซูโน่อีก 5 แห่งรองรับอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นชอปที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์มิซูโน่ทั้งหมด ที่เครือสหพัฒน์จัดจำหน่าย โดยตั้งงบการตลาดไว้ที่ 10-15% ของยอดขายมิซูโน่
ทั้งนี้นอกจากชุดว่ายน้ำมิซูโน่จะเข้ามาช่วยผลักดันนให้ส่วนแบ่งตลดาชุดว่ายน้ำรวมของเครือสหพัฒน์เพิ่มมากขึ้นแล้ว ขณะที่ชุดว่ายน้ำมิซูโน่ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมของแบรนด์มิซูโน่ในไทยมีถึงประมาณ 450 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าอีก 5 ปีแบรนด์มิซูโน่รวมจะมีรายได้ 900 ล้านบาท
นายชัยเลิศกล่าวด้วยว่า เป้าหมายระยะยาวจะผลักดันให้ชุดว่ายน้ำมิซูโน ขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับ1ในไทยให้ได้ภายใน 5 ปี ในกลุ่มชุดว่ายน้ำเพื่อ่การแข่งขัน ขณะที่ปีแรกนี้จะต้องติดท็อปไฟว์ในตลาดชุดว่ายน้ำโดยรวม ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดคือ สปีโด้กับอารีน่าที่สูสีกัน
