ASTVผู้จัดการรายวัน - NUSA โชว์ศักยภาพการดำเนินงาน พร้อมโชว์ตัวเลขผลประกอบการปี 57 มีรายได้กว่า 1,271.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 106.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306.45 %เติบโตแบบก้าวกระโดดสูงในรอบหลายปี ประกาศเดินหน้ารุกตลาด เตรียมเปิดโครงการใหม่ครึ่งปีแรก 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ รุกจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวตั้งเป้ายอดขายเบื้องต้นสิ้นปี 3,000 ล้านบาท และเป้ารายได้ที่ 2,000 ล้านบาท
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เปิดเผยถึง แนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 คาดว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเป็นปีที่เริ่มเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนจะเริ่มขยายตัวมากขึ้น และส่งผลให้ภาคที่อยู่อาศัยมีการเติบโตตาม จากการเดินทางหรือเข้ามาตั้งถิ่นฐาน เพื่ออยู่อาศัย ทำธุรกิจ ของชาวต่างชาติ โดยโซนที่คาดว่าน่าจะมีการเติบโตที่ดี อาทิ แนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และหัวเมืองในภูมิภาคที่ชาวต่างชาติให้ความนิยม อาทิ ภูเก็ต พัทยาศรีราชา
“การขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยเมื่อท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉส่วพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต ซึ่งในช่วงเทศกาล และช่วงฤดูท่องเที่ยวถือว่ามีดีมานด์สูงกว่าซัปพลายในตลาด ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจับกลุ่มนักลงทุนระยะยาวโดยบริษัทมีแนวคิดในการพัฒนาอาคารชุดในเมืองท่องเที่ยว เพื่อขายให้แก่นักลงทุนซื้อ และปล่อยเช่าให้แก่บริษัทเพื่อนำห้องชุดมาบริหารในรูปแบบห้องพักโรงแรม” นายวิษณุ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 1,271 ล้านบาท และคาดว่าในปี 58 บริษัทจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนมากถึง 50%โดยในปี 2558 นี้ บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีแรกอีกกว่า 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้าในต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ประกอบด้วย 1.) โครงการ ณุศา ศรีราชา มูลค่า 8,000 ล้านบาท 2.) โครงการ ณุศา ศรีราชา ออนเซ็น มูลค่า 5,700 ล้านบาท 3.) โครงการ ณุศา รายา ภูเก็ต มูลค่า 800 ล้านบาท และ 4.) โครงการ ณุศา พัทยา มูลค่า 8,500 ล้านบาท
โดยโครงการที่จะเปิดภายในเร็วๆ นี้ คือ “โครงการศรีราชา” ซึ่งเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บนพื้นที่ 10 ไร่ เป็นอาคารสูง 29 - 30 ชั้น จำนวน 4 อาคาร จำนวน 1,000 ยูนิตเศษ บนเนื้อที่ 30-100 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอยู่ในเมืองเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และเมืองท่องเทียว สามารถรองรับการลงทุนช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AECซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายหลัก อย่างกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในชลบุรีและโซนจังหวัดภาคตะวันออกในส่วนความคืบหน้าโครงการ My Ozone เขาใหญ่ บนเนื้อที่ 1,300 ไร่ ขณะนี้โซน GG ปิดการขายไปแล้ว 52 หลัง และโซน A ปิดการขายไปแล้ว 1 4 หลัง ซึ่งในปีนี้ จะเปิดขายที่ดินเปล่าในส่วนของโซน G และ F โดยจะมีบริษัทรับสร้างบ้านคอยให้คำแนะนำในการปลูกสร้าง
"จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ น่าจะผลักดันให้การดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา คาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 35% โดยปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อกประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะบันทึกในปี58 โดยทางบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางณุศาศิริ ได้กำหนดเป้าหมายภายในอีก4 ปีหรือในปี 2561 บริษัทจะต้องมียอดขายมากกว่า10,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่ทางณุศาศิริมีอยู่ทั้งโครงการเดิม 18,000 ล้านบาทและโครงการใหม่ในปีนี้ประมาณ 23,000 ล้านบาท จะต้องดำเนินการให้จบภายใน 5 ปี ทั้งนี้ หากแผนการเจรจาสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนข้างหน้า อาจต้องปรับแผนเป้ายอดขายและรายได้ใหม่"
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เปิดเผยถึง แนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 คาดว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเป็นปีที่เริ่มเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนจะเริ่มขยายตัวมากขึ้น และส่งผลให้ภาคที่อยู่อาศัยมีการเติบโตตาม จากการเดินทางหรือเข้ามาตั้งถิ่นฐาน เพื่ออยู่อาศัย ทำธุรกิจ ของชาวต่างชาติ โดยโซนที่คาดว่าน่าจะมีการเติบโตที่ดี อาทิ แนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ และหัวเมืองในภูมิภาคที่ชาวต่างชาติให้ความนิยม อาทิ ภูเก็ต พัทยาศรีราชา
“การขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยเมื่อท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉส่วพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต ซึ่งในช่วงเทศกาล และช่วงฤดูท่องเที่ยวถือว่ามีดีมานด์สูงกว่าซัปพลายในตลาด ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจับกลุ่มนักลงทุนระยะยาวโดยบริษัทมีแนวคิดในการพัฒนาอาคารชุดในเมืองท่องเที่ยว เพื่อขายให้แก่นักลงทุนซื้อ และปล่อยเช่าให้แก่บริษัทเพื่อนำห้องชุดมาบริหารในรูปแบบห้องพักโรงแรม” นายวิษณุ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 1,271 ล้านบาท และคาดว่าในปี 58 บริษัทจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนมากถึง 50%โดยในปี 2558 นี้ บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีแรกอีกกว่า 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้าในต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ประกอบด้วย 1.) โครงการ ณุศา ศรีราชา มูลค่า 8,000 ล้านบาท 2.) โครงการ ณุศา ศรีราชา ออนเซ็น มูลค่า 5,700 ล้านบาท 3.) โครงการ ณุศา รายา ภูเก็ต มูลค่า 800 ล้านบาท และ 4.) โครงการ ณุศา พัทยา มูลค่า 8,500 ล้านบาท
โดยโครงการที่จะเปิดภายในเร็วๆ นี้ คือ “โครงการศรีราชา” ซึ่งเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บนพื้นที่ 10 ไร่ เป็นอาคารสูง 29 - 30 ชั้น จำนวน 4 อาคาร จำนวน 1,000 ยูนิตเศษ บนเนื้อที่ 30-100 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอยู่ในเมืองเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และเมืองท่องเทียว สามารถรองรับการลงทุนช่วงเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AECซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายหลัก อย่างกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในชลบุรีและโซนจังหวัดภาคตะวันออกในส่วนความคืบหน้าโครงการ My Ozone เขาใหญ่ บนเนื้อที่ 1,300 ไร่ ขณะนี้โซน GG ปิดการขายไปแล้ว 52 หลัง และโซน A ปิดการขายไปแล้ว 1 4 หลัง ซึ่งในปีนี้ จะเปิดขายที่ดินเปล่าในส่วนของโซน G และ F โดยจะมีบริษัทรับสร้างบ้านคอยให้คำแนะนำในการปลูกสร้าง
"จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้ น่าจะผลักดันให้การดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา คาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 35% โดยปัจจุบันบริษัทมีแบ็กล็อกประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะบันทึกในปี58 โดยทางบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางณุศาศิริ ได้กำหนดเป้าหมายภายในอีก4 ปีหรือในปี 2561 บริษัทจะต้องมียอดขายมากกว่า10,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่ทางณุศาศิริมีอยู่ทั้งโครงการเดิม 18,000 ล้านบาทและโครงการใหม่ในปีนี้ประมาณ 23,000 ล้านบาท จะต้องดำเนินการให้จบภายใน 5 ปี ทั้งนี้ หากแผนการเจรจาสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนข้างหน้า อาจต้องปรับแผนเป้ายอดขายและรายได้ใหม่"