xs
xsm
sm
md
lg

"มหาดไทย"ผนึกกำลัง"สสส." ฟื้นพลังชุมชนปฏิรูปท้องถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (4 มี.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ศ.ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานในการเปิดเวทีฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่น สู่การอภิวัฒน์ประเทศไทย ครั้งที่ 5 ประจำปี 2558 “พลังชุมชนท้องถิ่นปฏิรูปสังคม”อย่างเป็นทางการ พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการสุขภาวะชุมชน จำนวน 36 แห่ง เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ ให้เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า สสส. ร่วมกับเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ จัดกิจกรรมเวทีฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่นฯ เป็นประจำปีทุกปีจนถึงครั้งนี้เป็นปีที่ 5 ซึ่งแต่ละปี จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 3 ประการ คือ 1. การลดความเหลื่อมล้ำ โดยการสร้างโอกาสในอาชีพและเข้าถึงบริการสังคมของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน 2. การค้ำจุนกัน คือ การมีระบบและเครื่องมือช่วยผู้ด้อยโอกาสในสังคมโดยสามารถเปลี่ยนภาระให้เป็นโอกาสของสังคม 3. สร้างสรรค์รากหญ้า ด้วยการส่งเสริมชุมชนระดับรากหญ้าด้วยเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งขยายและต่อยอดงานระดับชุมชน สร้างพื้นที่ต้นแบบเป็นพลังขับเคลื่อนเปลี่ยนความคิดของสังคมจาก “บริโภคนิยม”เป็น “พอเพียง”งานวางรากฐานทางสังคมเป็นงานที่เร่งด่วน ตนอยากเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ดีขึ้น และชัดเจนโดยเร็ว ขอฝาก สสส. ท้องถิ่น และทุกหน่วยงานด้านสังคม ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพื่อทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
ศ.ดร.ยงยุทธ ยังกล่าวถึง พ.ร.บ.กองทุนประกันสังคม ในมาตรา 40 ที่จะซ้ำซ้อนกับ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติว่า ได้มีการหารือร่วมกันและหาทางออกได้แล้ว อาจพบว่ามีบางส่วนที่ซ้ำซ้อนกัน แต่ทางแรงงานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ตามกองทุนใด ซึ่ง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ มีมานานแล้วและถือเป็นของขวัญของรัฐบาลเพื่อมอบให้กับประชาชนในการสนับสนุนให้มีการออมมากขึ้น โดยมีการกำหนดช่วงอายุและเงินสมทบจากรัฐบาล อาทิ เยาวชนรัฐบาลจะสมทบให้อีกร้อยละ 50 ของเงินออม หรือผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปจะสมทบให้เต็มจำนวน
ส่วนการตั้งกรมผู้สูงอายุอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากสังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุภายใน 10 ปี ข้างหน้าจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมการซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม ระบุด้วยว่า แนวคิดการตั้งทบวงอุดมศึกษาเพื่อแยกออกมาจากระทรวงศึกษาธิการนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาพิจารณาและร่างกฎหมาย ส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยมองว่า มหาวิทยาลัยสามารถดูแลตัวเอง และเป็นอิสระได้อยู่แล้ว ซึ่งทบวงที่จะเข้ามากำกับดูแลจะต้องดูคุณภาพเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน และดูในส่วนของมหาวิทยาลัยที่จะตั้งขึ้นใหม่และเอกชน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการจะดูแลในภาพรวมของนโยบายเท่านั้น
ด้านนายสมพร ใช้บางยาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 แผนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า การจัดงานในแต่ละปีของ สสส. มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของสังคมและนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายเพื่อร่วมสร้าง ชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ชุมชนท้องถิ่นจัดการตัวเอง และชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง ด้วยทุนทางสังคมและศักยภาพของเครือข่ายน่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ภายใต้การสนับสนุนของสสส. ในการขับเคลื่อนขบวนการสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน 6 ประการ คือ 1. การพัฒนาทักษะและเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรท้องถิ่นและองค์กรชุมชน จำนวนกว่า 230,600 คน 2. การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สสส. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทย 3. ปลูกฝังให้เกิดวัฒนธรรมการใช้ข้อมูล โดยจัดทำหลักสูตรพัฒนาระบบข้อมูลตำบล 4. เชื่อมั่นในพลังของการเรียนรู้ร่วมกัน ของทุกอปท. เครือข่ายกว่า 2,000 แห่ง 5. อปท.ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายฯ มีความพร้อมและทักษะในการบูรณาการงานเชิงประเด็นในพื้นที่ โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและปัจจัยเสริมสร้างสุขภาวะ และ 6. วางรากฐานความเป็นพลเมือง ด้วยการณรงค์ “อาสาทำดี”และสร้างเครือข่ายอาสาทำดี
ดร.โชคชัย เดชอมรธัญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมส่งเสริมฯ มีชุมชนท้องถิ่นในการกำกับดูแลกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้ทำงานร่วมกับ สสส. เป็นแห่งแรกที่ อ.ปากพูน จ.นครศรีธรรมราช จนถึงขณะนี้สามารถขยายความร่วมมือเป็น 2,561 แห่ง ภายใน 5 ปี และมั่นใจว่าที่เหลืออีก 4,000-5,000 แห่ง จะดำเนินงานร่วมกันต่อไป เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันทั้งในส่วนของกรมฯ และ สสส. เพราะยอมรับว่า การทำให้ชุมชนเข้มแข็งเป็นเรื่องยาก หากดำเนินงานโดยฝ่ายใดเพียงลำพังก็จะไม่เกิดประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการบูรณาการ เพราะ สสส. มีจุดแข็งในด้านวิชาการ สามารถช่วยสร้างให้เกิดนักวิจัยระดับชุมชน เพื่อพัฒนาและวางแนวทางให้ชุมชนของตนเองเข้มแข็ง และยืนอยู่ได้แม้อยู่ในสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลง
กำลังโหลดความคิดเห็น