xs
xsm
sm
md
lg

แนะอปท.ปรับตัวรับการปฏิรูป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวในงานเวทีฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่นสู่การอภิวัฒน์ประเทศไทย ครั้งที่ 5 “พลังชุมชนท้องถิ่น ปฏิรูปสังคม”ว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป มีทิศทางการกระจายอำนาจ และการบริหารท้องถิ่นโดยเฉพาะการขยายบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งการเปลี่ยนชื่อจาก “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เป็น “องค์กรบริหารท้องถิ่น”เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์การกระจายอำนาจสู่ประชาอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ขยายอำนาจหน้าที่ การจัดบริการสาธารณะโดยยึดหลักการแข่งขันเพื่อการพัฒนา โดย อปท. มีอำนาจหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะทุกประเภทตามความสามารถทั่วไปแต่อาจยกเว้นอำนาจหน้าที่บางประการที่สงวนไว้ให้หน่วยงานส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เป็นผู้ดำเนินการแทน และยังมีการขยายอำนาจหน้าที่การจัดบริการสาธารณะ เพื่อพัฒนาเศรฐกิจ และสังคมโดยรับอำนาจหน้าที่มีอยู่เดิมตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 เพื่อสร้างความมั่นคงและเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนี้ยังกำหนดขนาดของ อปท. ให้มีขนาดที่เหมาะสมและสอดคล้องกับขนาดของภารกิจรวมถึงศักยภาพการบริหารด้านงบประมาณ และ บริหารงานบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดโอกาสให้มีสมัชชาพลเมืองตามความเหมาะสมและความต้องการของท้องถิ่นโดยเน้นภารกิจในลักษณะเชิงบวกเพื่อสนับสนุนงานการเมืองแบบประนีประนอม ซึ่งตัวแทนสมาชิกจะต้องมา จากทุกภาคส่วนในชุมชนอย่างคลอบคลุม
นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อ อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี กรรมาธิการปฏิรูปการปกครองและสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่าปัญหาที่ผ่านมาของ อปท. คือการตกอยู่ในระบบศูนย์รวมอำนาจและถูกแทรกแซงกลไกการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณจนกลายเป็นฐานการทุจริตให้กับนักการเมือง ดังนั้น เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป จะทำให้ อปท.สามารถทำงานได้คล่องตัว มีอิสระ ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพตรงตามภารกิจ งบประมาณและภาษีท้องถิ่น จะได้รับจัดสรรมากขึ้นเพราะไม่ต้องผ่านส่วนกลาง ประชาชนมีส่วนร่วมและสามารถตรวจสอบได้ ขณะเดียวกัน อปท.จะต้องมีการปรับตัวโดยปรับทัศนคติในการทำงานที่จะต้องพึ่งพาตัวเองและสามารถจัดการตัวเองได้โดยไม่เป็นผู้ที่รับความช่วยเหลืออีกต่อไป ขณะที่การจัดตั้งสมัชชาพลเมือง จะมีความสำคัญเพราะจะทำให้ท้องถิ่นสามารถยกระดับตนเองได้ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ท้องถิ่นขับเคลื่อนไปสู่นอนาคตได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น
ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. กล่าวว่า การทำงานของ อปท. ยุคใหม่ ฝ่ายบริหารจะถูกตรวจสอบโดยภาคประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปนี้ นอกจากจะออกแบบให้มีสมัชชาพลเมือง ที่คอยเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ แล้ว ยังออกแบบให้มีสภาตรวจสอบภาคพลเมือง และสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงาน และคุณธรรมจริยธรรมของผู้มีตำแหน่งในทางการเมืองทุกระดับ ที่สำคัญยังมีอำนาจร้องเรียนองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอเรื่องไต่สวนหากพบการทุจริต หรือผิดจริยธรรม เพื่อนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งได้อีกด้วย
ดังนั้น ผู้บริหารท้องถิ่น จำเป็นมากที่จะต้องเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ใช้อำนาจหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดจากทุจริต คอร์รัปชัน การทำงานโปร่งใส พร้อมให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
ด้านนายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าว ว่า สสส.และภาคีเครือข่าย ได้ขับเคลื่อนการทำงานท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน โดยในแต่ละปี มีประเด็นการพัฒนาโดยใชัพื้นที่เป็นตัวตั้ง ซึ่งในปี 2558 ถือเป็นโอกาสที่ดีในยุคของการปฏิรูปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งสามารถระดมความคิดเห็นรวมถึงข้อเสมอแนะต่างๆ ให้กับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และผู้ที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปร่วมพิจารณาเพื่อเสริมสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
ขณะที่ นายธวัชชัย ฟักอังกูร รองประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศไทยในครั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งเปรียบได้กับแม่น้ำ 5 สาย ที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ประกอบด้วยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประชาชนทุกคน คือสายธารที่จะช่วยระดมความคิดเห็นในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่จะปฏิรูปประเทศให้สำเร็จได้ จะต้องมีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นอย่างแท้จริงและการออกแบบการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองในการพัฒนาประเทศ

**กมธ.ปฏิรูปสื่อฯเตรียมสัญจรไปจ.อุบลฯ

นายนิมิต สิทธิไตรย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในวันที่ 7-8 มี.ค.นี้ นายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สปช. พร้อมคณะ จะเดินทางไปรับฟังความคิดเห็นสื่อมวลชนท้องถิ่นแถบอีสานใต้ 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และยโสธร รวมทั้งนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ในพื้นที่ประมาณ 100 คน โดยจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นมาจากตนซึ่งเป็น สปช. จ.อุบลราชธานี ได้ประชุมร่วมกับสื่อมวลชนอุบลราชธานีแล้ว มีความเห็นพ้องกันว่าพร้อมจะกำกับดูแลกันเองทางด้านจริยธรรม และยกระดับมาตรฐานสื่อท้องถิ่นให้มีคุณภาพ จนกลายมาเป็น "สื่ออุบลฯโมเดล" เพราะประกาศตัวชัดเจนเป็นแห่งแรก นอกจากนี้สื่ออุบลราชธานี ยังรวมตัวเป็นเครือข่ายกระจายข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนทั้งจังหวัดรับรู้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและทั่วถึงกัน
ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช สปช. ในฐานะรองโฆษก กมธ.ปฏิรูปการสื่อสารมวลชนฯ กล่าวว่า การสัญจรไป จ.อุบลราชธานี ในครั้งนี้คือการไปรับฟังสื่อท้องถิ่นอีสานใต้สะท้อนปัญหาชีวิตการทำงาน ความเป็นอยู่ว่า ประสบความเดือดร้อนหรือมีความเป็นอยู่อย่างไร สวัสดิภาพและสวัสดิการจากการเป็นคนข่าวรวมทั้งรายได้เป็นอย่างไร และมีหลักประกันที่ทำให้สามารถทำหน้าที่สื่อด้วยความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้อยากจะรับฟังด้วยว่าสื่อท้องถิ่นมีข้อเสนออะไรบ้าง ที่เป็นรูปธรรมเพื่อนำมาพิจารณาและออกเป็นกฎหมายต่อไป เพื่อทำให้สื่อท้องถิ่นมีสวัสดิการและได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น