ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกคำสั่ง เสนอความคิดเห็นการเปิดสถานีโทรทัศน์ของโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ โดยแม้ไม่ได้ประกาศห้ามเปิดรายการข่าวช่อง 3 โดยตรง แต่ก็ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัดพิจารณาความเหมาะสมรายการเล่าข่าวของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา
คำสั่งจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเกิดขึ้น หลังจากได้รับเรื่องผ่านศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์จากรัฐบาล กรณีที่มีผู้ร้องเรียนการเปิดรายการโทรทัศน์ของโรงพยาบาลรัฐ โดยเฉพาะรายการข่าวช่อง 3 ให้ผู้มาใช้บริการในโรงพยาบาลรับชม ทั้งที่เป็นรายการไม่เหมาะสม
เพราะพิธีกรผู้ดำเนินรายการ ซึ่งหมายถึงนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดามีความประพฤติไม่เหมาะสม ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดการทุจริต และอัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว
เหตุผลอ้างอิงประกอบคำสั่งแนบท้ายมาด้วยคือ นายสรยุทธ์มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ครบถ้วน ตัดตอน บิดเบือน โกหก ไม่มีจรรยาบรรณ จึงไม่มีความเหมาะสมที่โรงพยาบาลจะเปิดรายการข่าวช่อง 3 ให้แพทย์ พยาบาลและประชาชนที่เข้ารับบริการได้รับชม
คำสั่งที่ลงนามโดยนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขถือว่าแรงมาก แต่ก็เป็นข้อเท็จจริง และเป็นความกล้าหาญของหน่วยงานรัฐในการแสดงจุดยืน เพื่อจรรโลงสังคมและประณามคนชั่ว ซึ่งบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขแสดงยืนหยัดมาตลอด
แม้จุดยืนที่น่ายกย่องของกระทรวงสาธารณสุข จะทำให้บุคลากรในหน่วยงานรัฐแห่งนี้ ถูกคุกคาม ข่มขู่ ถูกปองร้ายหมายชีวิต ในยุครัฐบาลทรราชก็ตาม
โรงพยาบาลของรัฐสร้างมาตรการลงโทษทางสังคมออกมาแล้ว โดยแสดงท่าทีต่อต่านสถานีโทรทัศน์ที่ผลิตรายการข่าว ซึ่งเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม
ประณามทั้งช่อง 3 ของตระกูลมาลีนนท์ และประณามการไร้จรรยาบรรณของนายสรยุทธ์โดยตรง โดไม่มีความจำเป็นต้องเกรงกลัวหรือไว้หน้าใคร โดยเฉพาะคนไม่ดี
งานนี้ทั้งตระกูลมาลีนนท์และนายสรยุทธ์เสียหน้ามาก แต่กลับไม่มีข้อโต้แย้งหรือคำแก้ตัวแต่อย่างใด และทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ก้มหน้าผลิตรายการข่าวที่โกหกบิดเบือน ก้มหน้าก้มตาจัดรายการอย่างไร้จรรยาบรรณ กอบโกยเงินกันต่อไป
ถ้าเป็นสื่อที่มีสำนึก มียางอาย ช่อง 3 ควรต้องปรับปรุงรายการข่าวไปแล้ว และนายสรยุทธ์ก็ควรแสดงสปิริต ยุติการจัดรายการไว้ก่อน จนกว่าคดีทุจริตค่าโฆษณา 138 ล้านบาทที่ช่อง 9 จะมีข้อยุติ
แต่ไม่มีความสะทกสะท้านจากกระแสสังคมที่พุ่งเข้าใส่ ทั้งตระกูลมาลีนนท์และนายสรยุทธ์ ไม่ทบทวนอะไรทั้งสิ้น โดยอาจถือตำรา ใครด่าได้ด่าไป ขอตักตวงความมั่งคั่งไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม มาตรการทางสังคมของกระทรวงสาธารณสุขจะไม่สูญเปล่า เพราะถ้าโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ งดเปิดช่อง3 ไม่ดูนายสรยุทธ์เล่าข่าว จำนวนคนดูลดลง จะส่งผลกระทบต่อรายได้ค่าโฆษณาตามมา
นอกจากนั้น เมื่อกระทรวงสาธารณสุข ลุกขึ้นมาชูธง สร้างมาตรการลงโทษทางสังคม ต่อต้านคนที่มีพฤติกรรมทุจริต ต่อต้านสื่อที่เสนอข่าวไม่ครบถ้วน ตัดตอน โกหก บิดเบือน ไร้จรรยาบรรณ จะไม่มีองค์กรอื่นใช้มาตรการลงโทษทางสังคมกับช่อง 3 ตามมาหรือ
สำหรับภาคสังคมอาจนำร่องไปก่อนหน้านานแล้ว เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่เลิกดูช่อง 3 ไม่ติดตามนายสรยุทธ์เล่าข่าว และถือเป็นบทลงโทษทางสังคม ซึ่งหากทุกภาคส่วนจะร่วมรณรงค์ ต่อต้านการทุจริต ต้านสื่อที่ไร้จรรยาบรรณ ใช้มาตรการลงโทษทางสังคมกับสื่อที่นำเสนอข่าวอย่างบิดเบือน โกหกและไร้จรรยาบรรณ
ช่อง 3 ที่หยิ่งผยองว่ามีคนดูมากที่สุด ก็อาจเป็นช่องที่แทบไม่มีคนดูเลยก็ได้ ถึงวันนั้น ตระกูลมาลีนนท์คงไม่ได้กอบโกยความมั่งคั่งจากสังคมที่ป่วยไข้
มีความพยายามเรียกร้องให้ช่อง 3 ถอดนายสรยุทธ์ไว้ชั่วคราว ระหว่างการพิจารณาคดีทุจริตที่ช่อง 9 มีการเรียกร้องโดยตรงให้นายสรยุทธ์แสดงสปิริตหลายครั้ง แต่ทั้งตระกูลมาลีนนท์และนายสรยุทธ์ตีลูกมึน ไม่ยุติไม่ทบทวนบทบาทใดๆ
สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งตระกูลมาลีนนท์และนายสรยุทธ์ไม่ใส่ใจกระแสสังคมแต่อย่างใด จึงเปล่าประโยชน์ที่จะถามหาสปิริตความรับผิดชอบในความเป็นสื่อ
สิ้นหวังที่จะเรียกร้องให้ช่อง 3 และนายสรยุทธ์เห็นแก่บรรทัดฐานที่ดีงามทางสังคมแล้ว เพราะเห็นแก่เงินกันทั้งคู่ สังคมฟอนเฟะเละเทะอย่างไรช่วงหัวมัน
คนที่คิดแต่ตักตวงผลประโยชน์ จะเรียกหาสำนึกของความเป็นสื่อที่ดีไม่ได้ ช่อง 3 และนายสรยุทธ์คงเดินหน้า จัดรายการข่าว ที่ไม่ยอมเล่าความจริงให้หมดต่อไป
แต่สิ่งที่อดตั้งคำถามไม่ได้คือ ในเมื่อช่อง 3 และ “สรยุทธ์” ถูกมาตรการต่อต้านทางสังคมหนักขนาดนี้ ทำไมยังมีคนดูช่อง 3 ทำไมยังมีคนเปิดรายการนายสรยุทธ์ ทำไมสินค้าและบริการยังซื้อโฆษณา
หรือว่าสังคมนี้ป่วยหนักถึงขั้นกู่ไม่กลับ ในสำนึกการต่อต้านคนชั่วแล้ว น่าท้อแท้กันไหมล่ะ