xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มดัชมิลล์ลุยธุรกิจกาแฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “กลุ่มดัชมิลล์” ทุ่มเวลา 3 ปีศึกษาตลาดกาแฟไทย ก่อนเปิดเซ็กเมนต์ใหม่กาแฟ 3 in 1 และกาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่ม “อาราบัส” สายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% เจาะกลุ่มพรีเมี่ยม ทุ่มงบฯ 200 ล้านบาท ทำการตลาดครบวงจร พร้อมดึง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ หวังรายได้ปีแรก 1.5 พันล้านบาทจากตลาดรวม 3.1 หมื่นล้านบาท
นายธีรชัย เลาก่อสกุล ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจใหม่และธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด เปิดเผยว่า “กลุ่มดัชมิลล์” ใช้เวลาประมาณ 3 ปีในการศึกษาตลาดกาแฟรวม จนพบว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยมาอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3.5% ขณะที่ตลาดกาแฟ 3 in 1 มีการเติบโตถึง 8% จึงเห็นโอกาสในการเจาะเซ็กเมนต์ตลาดกาแฟในช่องทางใหม่โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟ 3 in 1 ในกลุ่มพรีเมี่ยม พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมใหม่คือ “กาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่ม” (Chilled Cup Coffee) เป็นรายแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “อาราบัส” (ARABUS) ผลิตจากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดและมีผู้บริโภคทั่วโลกนิยมดื่มมากกว่า 80%
นายธีรชัย กล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์กาแฟ “อาราบัส” นำเข้าวัตถุดิบหลักจากประเทศบราซิลและบางส่วนจากประเทศเอธิโอเปีย โดยในส่วนของกาแฟ 3 in 1 ได้มอบหมายให้ บริษัท ดาว คอฟฟี่ จำกัด ประเทศลาว เป็นผู้ผลิตในลักษณะ OEM เช่นเดียวกับกาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่มที่มอบหมายให้บริษัทในประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์กาแฟถ้วยพร้อมดื่ม
“การทำตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟมีความใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์นมซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ จึงคาดว่าในปีแรกจะสามารถทำรายได้เป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของรายได้รวมซึ่งมีประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในปี 2557 โดยมีเป้าหมายยอดขาย 1.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกาแฟ 3 in ประมาณ 1 พันล้านบาท หรือ 10% จากตลาดรวมและตลาดกาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่ม 500 ล้านบาท หรือประมาณ 5 % จากตลาดรวม”
บริษัทฯ ใช้งบประมาณการตลาด 200 ล้านบาทในการทำตลาดแบบ 360 องศาครอบคลุมทุกด้านเพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคในวงกว้าง โดยมี “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ทั้งนักเรียน นักศึกษา และหนุ่มสาววัยทำงานที่ต้องการสินค้าเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยจะเน้นการกระจายสินค้าผ่านจุดจำหน่ายของบริษัทฯ 3 แสนจุดทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรด ทั้งร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าทั่วไป เน้นสัดส่วนกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ 70% ส่วนอีก 30% เป็นจังหวัดอื่นๆ โดยเริ่มทำตลาดมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น