ผู้คนกว่าค่อนโลกหลงเสน่ห์กลิ่นอันหอมยวนใจและรสชาติขมเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ของ “กาแฟ” จนยกให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่สุดในโลกรองจากน้ำเปล่า
ในประเทศญี่ปุ่น “กาแฟ” ก็เป็นเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบเช่นกัน และสำหรับคนญี่ปุ่นการดื่มกาแฟยังแสดงถึงความมีสไตล์ โดยเฉพาะการไปดื่มกาแฟตามร้านกาแฟดีๆ ก็ถือเป็นการใช้ชีวิตแบบมีสไตล์เก๋ไก๋ไม่น้อย
แต่ใน ค.ศ.1990 บริษัทโมรินากะ มิลค์ อินดัสตรี จำกัด (Morinaga Milk Industry Co., Ltd.) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น (ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1917) ได้นำเอาวัฒนธรรมการดื่มกาแฟรูปแบบใหม่เข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยมองเห็นวิถีการดำเนินชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ในเมืองซีแอตเติล ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มักใช้ชีวิตแบบเร่งรีบและนำกาแฟสดติดตัวไปดื่มยังสถานที่ต่างๆ และที่เมืองนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของกาแฟลาเต้ทางฝั่งอเมริกาอีกด้วย
บริษัทโมรินากะจึงได้มีแนวคิดที่จะผลิตและจำหน่ายกาแฟสดแช่เย็นพร้อมดื่ม (Chilled Cup Coffee) ในแบรนด์ เมาท์เรนเนียร์ คาเฟ่ลาเต้ (Mt.Rainier Caffe Latte) ขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ที่รักกาแฟและตอบสนองการใช้ชีวิตแบบคนเมืองญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตอย่างรีบเร่งมากขึ้น แทนที่จะนั่งดื่มกาแฟที่ร้านหรือที่บ้าน ก็สามารถซื้อกาแฟสดจากร้านสะดวกซื้อและนำติดตัวไปดื่มยังที่ทำงานหรือสถานที่ต่างๆ ได้ แต่ยังคงความมีสไตล์ของคนดื่มกาแฟ อีกทั้งยังได้รสชาติกาแฟสดที่ผลิตสดใหม่ทุกวัน มีให้เลือกหลากหลายแบบ แต่มีกาแฟลาเต้เป็นหัวหอกที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นมากที่สุด หาซื้อได้สะดวกและยังราคาถูกกว่ากาแฟแบรนด์นอกแต่ไม่หนีห่างกันในเรื่องรสชาติ
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทโมรินากะจึงเลือกใช้ชื่อสินค้าและสัญลักษณ์ของสินค้าตัวนี้ว่าเมาท์เรนเนียร์ นั่นเพราะเป็นภูเขาที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซีแอตเติลซึ่งถือว่าเป็นเมืองต้นกำเนิดของกาแฟลาเต้ และยังแทนสัญลักษณ์แห่งความสุขสงบของผู้คนที่นั่นด้วย
นับแต่นั้น กาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ จึงเข้ามาเป็นผู้บุกเบิกกาแฟสดแช่เย็นพร้อมดื่มเจ้าแรกในญี่ปุ่น มาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้ว กาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ ก็ยังสามารถครองใจคอกาแฟชาวญี่ปุ่นจนมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่นมายาวนาน
มาในวันนี้ บริษัทดัชมิลล์ จำกัด ได้นำเข้ากาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ จากประเทศญี่ปุ่นมาแนะนำให้ชาวไทยรู้จักกันบ้าง โดยได้พาไปชมการผลิตกาแฟเมาท์เรนเนียร์ ถึงโรงงานของบริษัทโมรินากะ ที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น และได้ทราบถึงความใส่ใจในการผลิตกาแฟที่เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟเฉพาะสายพันธุ์อาราบิก้า แต่เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ในเขตอากาศหนาว ไม่สามารถปลูกกาแฟได้ผลดี จึงได้คัดเลือกเมล็ดกาแฟจาก 60 ประเทศทั่วโลกมาใช้ โดยเลือกจากประเทศในบริเวณที่เรียกว่า “คอฟฟี เบลต์” (Coffee Belt) คือพื้นที่บริเวณระหว่างละติจูดที่ 25 องศาเหนือและ 25 องศาใต้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศบราซิล เอธิโอเปีย แทนซาเนีย กัวเตมาลา อินโดนีเซีย ฯลฯ
เมื่อได้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดีแล้วจึงนำมาคั่วภายใต้การดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ และควบคุมคุณภาพโดยนักประเมินกาแฟมืออาชีพ หรือ Classificador de Cafe ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญถึงขนาดที่ว่าเพียงดูรูปลักษณ์ภายนอกของเมล็ดกาแฟและดมกลิ่นหอมๆ ก็สามารถตัดสินคุณภาพของกาแฟได้แล้ว
เมล็ดกาแฟที่คั่วบดแล้วถูกนำไปเข้าเครื่องทำเอสเพรสโซ ซึ่งเป็นเครื่องทำเอสเพรสโซที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่บริษัทโมรินากะพัฒนาขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้กลิ่นหอมละมุนและรสชาติของกาแฟเข้มข้นแล้ว ยังทำให้กาแฟเมาท์เรนเนียร์สามารถผลิตได้ถึง 100,000 แก้วต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
อีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้กาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์มีความเข้มข้นหอมมันจนเป็นที่นิยมก็คือ นมสดจากฮอกไกโด ซึ่งฮอกไกโดเป็นเกาะทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเลี้ยงนมวัวที่มีคุณภาพดีที่สุด อีกทั้งผลิตภัณฑ์นมก็เป็นสิ่งที่บริษัทโมรินากะเชี่ยวชาญมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อกาแฟเอสเพรสโซหอมเข้มข้นมาผสมกับนมสดหวานมันแบบญี่ปุ่นแท้ๆ จึงกลายมาเป็นกาแฟลาเต้ของเมาท์เรนเนียร์ที่มีผู้นิยมดื่มมากที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง
คอกาแฟชาวไทยจะได้ลิ้มรสกาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ ที่ถูกส่งตรงจากโรงงานผลิตมายังท่าเรือโกเบประเทศญี่ปุ่น ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังท่าเรือคลองเตยประเทศไทย ก่อนจะถูกส่งต่อมาถึงมือผู้บริโภค เวลาขนส่งกว่าเดือนไม่ได้ทำให้รสชาติกาแฟด้อยลงแต่อย่างใด เพราะกาแฟบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เรียกว่า “Barrier Cup” หรือแก้วพลาสติกที่มีความหนาถึง 7 ชั้น ปิดผนึกฝาด้านบนอลูมิเนียมฟอยล์เพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปในแก้ว รวมทั้งถูกเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาตลอดเวลา ทำให้กลิ่นและรสชาติไม่เสียไปแม้จะใช้เวลาในการขนส่งกว่าหนึ่งเดือน
มร. อากิระ โอโนะ ประธานบริษัทโมรินากะ มิลค์ อินดัสตรี จำกัด ได้กล่าวถึงการนำ กาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยว่า มีความมั่นใจในตัวสินค้า รวมทั้งมั่นใจในคู่ค้าอย่างบริษัทดัชมิลล์ด้วย และมองเห็นว่าคนไทยเป็นคนอินเทรนด์ ทันสมัย น่าจะชอบและเห็นคุณค่าของ กาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ รวมทั้งสินค้าของญี่ปุ่นก็ได้รับการยอมรับจากคนไทยว่ามีคุณภาพดี
มร.โอโนะ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทโมรินากะมีประสบการณ์ด้านกาแฟมากว่า 20 ปี ทั้งด้านยอดขาย ด้านเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าและการทำบรรจุภัณฑ์ วิถีชีวิตของคนเมืองของไทยเองก็มีความเร่งรีบ แต่ก็สามารถดื่มกาแฟสดรสชาติดีไม่แพ้กาแฟแบรนด์ต่างประเทศในราคาถูกกว่า รวมถึงรสชาติที่ถูกใจคอกาแฟชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน น่าจะถูกใจลูกค้าชาวไทยได้ไม่ยาก
ถ้าหากใครอยากลองชิมว่ากาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นนี้จะถูกปากถูกใจหรือไม่ สามารถไปหาซื้อกันได้ที่ท็อปส์มาร์เก็ตเซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่ มาร์ท และเร็วๆ นี้ก็จะวางขายที่ 7-11 และซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไปด้วย
“Enjoy Here and Now - รื่นรมย์ในทุกขณะ” คือประโยคสั้นๆ แทนความสุขของการดื่มกาแฟลาเต้เมาท์เรนเนียร์ที่ครองใจคนญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี ต้องมาลองดูกันว่า เมาท์เรนเนียร์จะสามารถดึงดูดคอกาแฟชาวไทยให้ติดใจในรสชาติและความมีสไตล์ได้เช่นเดียวกันหรือไม่
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com