ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-“หนุ่ม” ลูกจ้างโรงงานน้ำแข็งพิมาย โคราช เหยื่อจับผิดตัวคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง แฉถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ เผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตกใจ เสียใจ อับอาย ถูกสังคมมองเป็นคนไม่ดีและบั่นทอนสุขภาพจิต ส่วนแม่อายุ 72 ปี ถึงกับร้องไห้ เพื่อนร่วมงานยันเป็นคนดี ขยัน กตัญญู ดูแลหาเลี้ยงแม่ชรา
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง โดยได้จับตัวนายตะวัน ทองยิ้ม อายุ 35 ปี ที่โรงงานน้ำแข็ง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เบื้องต้นแจ้งว่า ให้การรับสารภาพ แต่ภายหลังมีการนำดีเอ็นเอไปตรวจ กลับไม่ตรงกับดีเอ็นเอในตัวของผู้เสียหายและคนร้ายที่ก่อเหตุ ตามที่มีการเสนอข่าวในสื่อทุกแขนงนั้น
ล่าสุดช่วงบ่ายวานนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบนายตะวัน ทองยิ้ม อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 บ้านบุตาแหบ ต.ตลาดโพธิ์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่โรงงานน้ำแข็ง เอ็ม.พี.ในเขตเทศบาลเมืองพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังจากการได้ปล่อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมาทำงานที่โรงงานน้ำแข็งตามปกติ
นายตะวันเล่าว่า ตนได้ลาออกจากลูกจ้างรังวัดเขตการทางจังหวัดนครปฐม กลับมาอยู่บ้านได้ประมาณกว่า 2 ปี เนื่องจากต้องการมาดูแลแม่ที่ชรา อายุ 72 ปี และอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว จากนั้นตนก็หางานทำที่ใกล้บ้านและได้เข้าทำงานที่โรงงานน้ำแข็งในตัวเมืองอำเภอพิมาย จ.นครราชสีมาได้กว่า 2 ปี แล้งโดยได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท ไม่รวมค่าทำงานล่วงเวลา โดยเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานทุกวัน เพราะต้องกลับไปดูแลแม่ที่บ้านด้วย
ส่วนกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนั้น ตอนแรกตนไม่ทราบสาเหตุว่าเข้ามาจับกุมทำไม กระทั่งถูกตำรวจนำตนไปที่โรงพักในตัวเมืองนครราชสีมา และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ซึ่งตอนนั้น ก็รู้สึกตกใจและปฏิเสธ เพราะไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ แต่เหตุที่ตนรับสารภาพ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งได้ชกเข้าที่หน้าอกบริเวณใต้ราวนมขวา เพื่อให้รับสารภาพ ตนจึงจำยอมรับสารภาพ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำสำลีมาชุบน้ำลายของตนไปตรวจดีเอ็นเอ และจนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 6 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงมาแจ้งว่า ดีเอ็นเอไม่ตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนหญิงชรา ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาตนขึ้นรถยนต์เก๋งกลับมาส่งที่โรงงานน้ำแข็งในตัวเมืองอำเภอพิมาย ตอนประมาณ 02.30 น. ของเช้ามืดของวันที่ 25 ก.พ.
นายตะวันกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในครั้งนี้ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมาก และยิ่งมีการเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆ ออกไป ทำให้ตนต้องอับอายเพื่อนร่วมงาน สังคมไม่ยอมรับ ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของตน และเมื่อแม่ อายุ 72 ปี ได้ทราบข่าวถึงกับร้องไห้เสียใจ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในครั้งนี้ บั่นถอนสุขภาพจิตมากที่สุด จากวันนี้คงจะต้องไปตัดผมใหม่ เพื่อล้างซวยให้กับชีวิต ขอร้องไปทางสื่อที่ได้ลงข่าวไปขอให้ลงแก้ข่าวให้ถูกต้อง เพื่อให้ตนยืนอยู่ในสังคมได้ต่อไป และตนอยากให้เรื่องทุกอย่างจบด้วยดีไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ
ขณะที่เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และเจ้าของโรงงานน้ำแข็ง ต่างยืนยันตรงกันว่านายตะวัน เป็นคนดีขยัน ตั้งใจทำงานไม่เคยสร้างปัญหาให้กับที่ทำงานแต่อย่างใด.
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่อง โดยได้จับตัวนายตะวัน ทองยิ้ม อายุ 35 ปี ที่โรงงานน้ำแข็ง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เบื้องต้นแจ้งว่า ให้การรับสารภาพ แต่ภายหลังมีการนำดีเอ็นเอไปตรวจ กลับไม่ตรงกับดีเอ็นเอในตัวของผู้เสียหายและคนร้ายที่ก่อเหตุ ตามที่มีการเสนอข่าวในสื่อทุกแขนงนั้น
ล่าสุดช่วงบ่ายวานนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบนายตะวัน ทองยิ้ม อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 บ้านบุตาแหบ ต.ตลาดโพธิ์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่โรงงานน้ำแข็ง เอ็ม.พี.ในเขตเทศบาลเมืองพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังจากการได้ปล่อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมาทำงานที่โรงงานน้ำแข็งตามปกติ
นายตะวันเล่าว่า ตนได้ลาออกจากลูกจ้างรังวัดเขตการทางจังหวัดนครปฐม กลับมาอยู่บ้านได้ประมาณกว่า 2 ปี เนื่องจากต้องการมาดูแลแม่ที่ชรา อายุ 72 ปี และอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว จากนั้นตนก็หางานทำที่ใกล้บ้านและได้เข้าทำงานที่โรงงานน้ำแข็งในตัวเมืองอำเภอพิมาย จ.นครราชสีมาได้กว่า 2 ปี แล้งโดยได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท ไม่รวมค่าทำงานล่วงเวลา โดยเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานทุกวัน เพราะต้องกลับไปดูแลแม่ที่บ้านด้วย
ส่วนกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนั้น ตอนแรกตนไม่ทราบสาเหตุว่าเข้ามาจับกุมทำไม กระทั่งถูกตำรวจนำตนไปที่โรงพักในตัวเมืองนครราชสีมา และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ซึ่งตอนนั้น ก็รู้สึกตกใจและปฏิเสธ เพราะไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ แต่เหตุที่ตนรับสารภาพ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งได้ชกเข้าที่หน้าอกบริเวณใต้ราวนมขวา เพื่อให้รับสารภาพ ตนจึงจำยอมรับสารภาพ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำสำลีมาชุบน้ำลายของตนไปตรวจดีเอ็นเอ และจนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 6 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงมาแจ้งว่า ดีเอ็นเอไม่ตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนหญิงชรา ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาตนขึ้นรถยนต์เก๋งกลับมาส่งที่โรงงานน้ำแข็งในตัวเมืองอำเภอพิมาย ตอนประมาณ 02.30 น. ของเช้ามืดของวันที่ 25 ก.พ.
นายตะวันกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในครั้งนี้ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมาก และยิ่งมีการเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆ ออกไป ทำให้ตนต้องอับอายเพื่อนร่วมงาน สังคมไม่ยอมรับ ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของตน และเมื่อแม่ อายุ 72 ปี ได้ทราบข่าวถึงกับร้องไห้เสียใจ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนในครั้งนี้ บั่นถอนสุขภาพจิตมากที่สุด จากวันนี้คงจะต้องไปตัดผมใหม่ เพื่อล้างซวยให้กับชีวิต ขอร้องไปทางสื่อที่ได้ลงข่าวไปขอให้ลงแก้ข่าวให้ถูกต้อง เพื่อให้ตนยืนอยู่ในสังคมได้ต่อไป และตนอยากให้เรื่องทุกอย่างจบด้วยดีไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ
ขณะที่เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และเจ้าของโรงงานน้ำแข็ง ต่างยืนยันตรงกันว่านายตะวัน เป็นคนดีขยัน ตั้งใจทำงานไม่เคยสร้างปัญหาให้กับที่ทำงานแต่อย่างใด.
