00 เดินทางไปแบบลับๆ กันแล้วสำหรับทีมงาน "ด้านความมั่นคง" ชุดใหญ่ นำโดย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามด้วย รมช.กลาโหม ที่สวมหมวกสำคัญคือ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร สำหรับทริปเยือนพนมเปญ กัมพูชา ก่อนไป "ห้ามสื่อติดตามไปเด็ดขาด" อ้างว่าเป็นการไปคุยส่วนตัว ไม่มีอะไร อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากทีมงานแต่ละคนที่ไป มันก็มีความหมายในตัวเองแล้วว่า "ไม่ธรรมดา" แน่นอน รวมไปถึงเป้าหมายที่จะคุยด้วย ก็ยิ่งไม่ธรรมดา เพราะเขาคนนั้นคือ "ฮุนเซน" ผู้นำกัมพูชา
00 เมื่อไม่ให้ติดตาม ไม่บอกว่าไปคุยกับ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาเรื่องอะไร ดังนั้นมีอยู่ทางเดียวก็ต้องคาดเดาถึงความเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากข้อมูลแวดล้อมประกอบ ซึ่งก็มีอยู่สามสี่เรื่องหลักๆ ในเวลานี้ เริ่มจากเรื่องปัญหาชายแดนก่อนก็ได้ ที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ยื่นหนังสือประณามทหารไทย หาว่าฆ่าชาวกัมพูชาตามแนวชายแดน แต่ฝ่ายไทยไม่ชี้แจงอย่างเปิดเผย แต่อาจทำหนังสือชี้แจงเป็นการภายใน หรือใช้ความสัมพันธ์แบบส่วนตัวกับผู้นำทหารฝ่ายโน้น ยกหูต่อสายกันแล้วก็ได้ เพื่อไม่ให้บานปลายกระทบความสัมพันธ์ และในฐานะดูแลด้านความมั่นคง และกองทัพ ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ก็อาจไปเคลียร์เรื่องดังกล่าวด้วยก็ได้ รวมไปถึงหลักการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่ 4.6 ตาราง กม.รอบปราสาทพระวิหาร หลังคำพิพากษาศาลโลก ว่าท่าทีไทยจะทำอย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้คาราคาซังกันไปเรื่อยๆ หรือเปล่า !!
00 ถัดมาก็น่าติดตาม จากคำพูดของ นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งเสียงเตือนเข้มให้พวกที่คิด "ก่อความรุนแรง" ให้หยุดไม่เช่นนั้นจะเจอกับมาตรการทางกม. อย่างเด็ดขาด แม้ว่ายังไม่ได้ระบุตรงๆว่า เป็นกลุ่มไหน แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า น่าจะเป็น "เครือข่ายแม้ว" นั่นแหละ ที่เริ่มเคลื่อนไหวออกมา หลังจากส่งฟ้องอาญา และตามมาด้วยคดีแพ่งกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว กรณีข้อสังเกตจากคดีระเบิดที่ข้างห้างสยามพารากอน จากคดีปลอมแปลงแถลงการณ์ คำพูดขู่กรรโชกของ บรรดาหัวโจกคนเสื้อแดง และแน่นอนว่า เมื่อพูดถึงเครือข่ายแม้วและ "แหล่งกบดาน" ก็ต้องนึกไปถึงกัมพูชา และฮุนเซน ในฐานะเพื่อนเก่าในอดีต ว่าจะยังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันบ้าง ก็ต้องไป "จับเข่า" คุยกันให้รู้เรื่องสักหน่อย
00 แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน หรืออาจสำคัญที่สุดสำหรับทริปนี้ก็ได้ นั่นก็คือ "แหล่งพลังงาน" ในอ่าวไทย ที่ฝ่ายกัมพูชาก็อ้างสิทธิ์ล้ำเข้ามาในเขตไทย จะคุยกันอย่างไร จะทำให้เป็น "พื้นที่ทับซ้อน" เหมือนกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยวางแผนเอาไว้ ขณะที่ฝั่งไทยเริ่มผิดคาดมากขึ้นกว่าเดิม และไม่แน่ว่าจะเป็นแบบระบบ "สัมปทาน" แบบเดิมได้แค่ไหน ฝ่ายกัมพูชา และบริษัทน้ำมัน ที่ตั้งท่าเงื้อสว่านกันอยู่ที่ขอบบ่อจะทนได้หรือเปล่า ล้วนน่าจับตาด้วยความเครียดทั้งสิ้น แต่เอาเป็นว่า ในรายละเอียดต้องติดตามดู แต่รับรองว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนเกี่ยวข้องกับ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องแม้วไปยันแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ถึงได้บอกว่า ทริปนี้มันหญ่ายมากก !!
00 พูดถึงเรื่องเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ที่ยืดเวลาออกไปถึงวันที่ 16 มี.ค. น่าสนใจว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการเปิดเวทีเหมือนกับระดมความเห็น แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็เหมือนกับว่าหลังจากวันนั้น ก็ต้องเดินหน้า ด้วยข้ออ้างจากข้อมูลของฝ่ายขรก.กระทรวงพลังงาน และจากกลุ่มพลังงาน ว่าก๊าซจะหมด น้ำมันจะหมดแล้ว ช้าไม่ได้แล้ว คำถามก็คือ แล้วจะเปิดเวทีทำไม มี สปช.ขึ้นมาทำไม มีแล้วไม่ฟัง และเรื่องดังกล่าวเป็นบทพิสูจน์สำคัญสำหรับ "การปฏิรูป" ว่ามีจริงหรือไม่ !!
00 เมื่อไม่ให้ติดตาม ไม่บอกว่าไปคุยกับ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาเรื่องอะไร ดังนั้นมีอยู่ทางเดียวก็ต้องคาดเดาถึงความเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากข้อมูลแวดล้อมประกอบ ซึ่งก็มีอยู่สามสี่เรื่องหลักๆ ในเวลานี้ เริ่มจากเรื่องปัญหาชายแดนก่อนก็ได้ ที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ยื่นหนังสือประณามทหารไทย หาว่าฆ่าชาวกัมพูชาตามแนวชายแดน แต่ฝ่ายไทยไม่ชี้แจงอย่างเปิดเผย แต่อาจทำหนังสือชี้แจงเป็นการภายใน หรือใช้ความสัมพันธ์แบบส่วนตัวกับผู้นำทหารฝ่ายโน้น ยกหูต่อสายกันแล้วก็ได้ เพื่อไม่ให้บานปลายกระทบความสัมพันธ์ และในฐานะดูแลด้านความมั่นคง และกองทัพ ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ก็อาจไปเคลียร์เรื่องดังกล่าวด้วยก็ได้ รวมไปถึงหลักการปฏิบัติทางทหารในพื้นที่ 4.6 ตาราง กม.รอบปราสาทพระวิหาร หลังคำพิพากษาศาลโลก ว่าท่าทีไทยจะทำอย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้คาราคาซังกันไปเรื่อยๆ หรือเปล่า !!
00 ถัดมาก็น่าติดตาม จากคำพูดของ นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งเสียงเตือนเข้มให้พวกที่คิด "ก่อความรุนแรง" ให้หยุดไม่เช่นนั้นจะเจอกับมาตรการทางกม. อย่างเด็ดขาด แม้ว่ายังไม่ได้ระบุตรงๆว่า เป็นกลุ่มไหน แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า น่าจะเป็น "เครือข่ายแม้ว" นั่นแหละ ที่เริ่มเคลื่อนไหวออกมา หลังจากส่งฟ้องอาญา และตามมาด้วยคดีแพ่งกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว กรณีข้อสังเกตจากคดีระเบิดที่ข้างห้างสยามพารากอน จากคดีปลอมแปลงแถลงการณ์ คำพูดขู่กรรโชกของ บรรดาหัวโจกคนเสื้อแดง และแน่นอนว่า เมื่อพูดถึงเครือข่ายแม้วและ "แหล่งกบดาน" ก็ต้องนึกไปถึงกัมพูชา และฮุนเซน ในฐานะเพื่อนเก่าในอดีต ว่าจะยังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันบ้าง ก็ต้องไป "จับเข่า" คุยกันให้รู้เรื่องสักหน่อย
00 แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน หรืออาจสำคัญที่สุดสำหรับทริปนี้ก็ได้ นั่นก็คือ "แหล่งพลังงาน" ในอ่าวไทย ที่ฝ่ายกัมพูชาก็อ้างสิทธิ์ล้ำเข้ามาในเขตไทย จะคุยกันอย่างไร จะทำให้เป็น "พื้นที่ทับซ้อน" เหมือนกับที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยวางแผนเอาไว้ ขณะที่ฝั่งไทยเริ่มผิดคาดมากขึ้นกว่าเดิม และไม่แน่ว่าจะเป็นแบบระบบ "สัมปทาน" แบบเดิมได้แค่ไหน ฝ่ายกัมพูชา และบริษัทน้ำมัน ที่ตั้งท่าเงื้อสว่านกันอยู่ที่ขอบบ่อจะทนได้หรือเปล่า ล้วนน่าจับตาด้วยความเครียดทั้งสิ้น แต่เอาเป็นว่า ในรายละเอียดต้องติดตามดู แต่รับรองว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนเกี่ยวข้องกับ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องแม้วไปยันแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ถึงได้บอกว่า ทริปนี้มันหญ่ายมากก !!
00 พูดถึงเรื่องเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ที่ยืดเวลาออกไปถึงวันที่ 16 มี.ค. น่าสนใจว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการเปิดเวทีเหมือนกับระดมความเห็น แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็เหมือนกับว่าหลังจากวันนั้น ก็ต้องเดินหน้า ด้วยข้ออ้างจากข้อมูลของฝ่ายขรก.กระทรวงพลังงาน และจากกลุ่มพลังงาน ว่าก๊าซจะหมด น้ำมันจะหมดแล้ว ช้าไม่ได้แล้ว คำถามก็คือ แล้วจะเปิดเวทีทำไม มี สปช.ขึ้นมาทำไม มีแล้วไม่ฟัง และเรื่องดังกล่าวเป็นบทพิสูจน์สำคัญสำหรับ "การปฏิรูป" ว่ามีจริงหรือไม่ !!