เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ (สนช.) ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ได้ออกระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ว่าด้วยการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานการรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การอนุมัติการเบิกจ่ายเงิน การจ่ายเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการจ่ายเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2558
โดยเนื้อหาข้อที่ 29 กำหนดให้ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยให้ได้รับเป็นระยะเวลา 2 เท่า สำหรับการคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตามเกณฑ์ คือ สำหรับคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ 1 เดือน แต่ไม่เกิน 48 เดือน ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เดือนละ 9,000 บาท ตั้งแต่ 48 เดือน แต่ไม่เกิน 96 เดือน ได้รับเดือนละ 12,000 บาท ตั้งแต่ 96 เดือน แต่ไม่เกิน144 เดือน ได้รับเดือนละ 14,300 บาท ตั้งแต่ 144 เดือน แต่ไม่เกิน192 เดือน ได้รับเดือนละ 17,800 บาท ตั้งแต่ 192 เดือนแต่ไม่เกิน 240 เดือน ได้รับเดือนละ 21,400 บาท ตั้งแต่ 240 เดือน แต่ไม่เกิน 288 เดือน ได้รับเดือนละ 28,500 บาท และ ตั้งแต่ 288 เดือน ขึ้นไป ได้รับเดือนละ 35,600 บาท
ทั้งนี้ การแก้ไขระเบียบดังกล่าว จะไม่กระทบกับอดีตสมาชิกรัฐสภา ที่เคยเป็น ส.ส. หรือส.ว. หลายสมัย แต่จะกระทบกับ อดีต ส.ส. -ส.ว. บางคน ที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่ไม่นาน แล้วเกิดยุบสภา เพราะตามระเบียบเดิม จะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพหลังพ้นตำแหน่งไปจนตลอดชีพ แต่ระเบียบกำหนดให้ได้รับแค่ 2 เท่า ของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง อีกทั้งอัตราเดิมจากที่เคยเริ่มต้นที่ 15,000 บาท จะปรับลดเหลือเริ่มต้นที่ 9,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 58 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบที่ออกมาใหม่ครั้งนี้ จะไม่ครอบคลุมไปถึง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากระเบียบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกจากการผลักดันของ นายไพจิต ศรีวรขาน อดีตประธานกิจการสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีการหยิบยกประเด็นว่า ระเบียบดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึง สนช. สมัยก่อนหน้านี้หรือไม่ มาหารือในที่ประชุมสภา แต่ก็มีมติไม่ให้รวมสนช.ด้วย เพราะเห็นว่า มาจากการรัฐประหาร ให้นับเฉพาะส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น
นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่องระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ลงนามโดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ในฐานะ ประธานกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 58 เป็นต้นไป ระเบียบดังกล่าวทำให้ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งคำนวณตามอายุการดำรงตำแหน่ง โดยจะได้ไม่เกิน 2 เท่า ของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ไม่ได้ตลอดชีพเหมือนที่ผ่านมา โดยจะจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นรายเดือน และสมาชิกรัฐสภา ที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ ต้องไม่เป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงผู้ที่ถูกวุฒิสภา มีมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ได้กำหนดการนับเวลาสำหรับการคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพไว้ดังนี้ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีสมาชิกภาพหลายวาระ ไม่ว่าจะติดต่อกัน หรือไม่ก็ตาม ให้นำเวลาการมีสมาชิกภาพทุกวาระรวมกัน เป็นเวลาสำหรับคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยให้ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับมีสิทธิได้รับเงินกองทุนเลี้ยงชีพตามหลักเกณฑ์ สำหรับหลักเกณฑ์การคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพมีดังนี้
วาระที่เคยดำรงตำแหน่ง 1. ตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่ถึง 4 ปี ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเดือนละ 9,000 บาท 2. ตั้งแต่ 4 ปี แต่ไม่ถึง 8 ปีได้รับเดือนละ 12,000 บาท 3. ตั้งแต่ 8 ปี แต่ไม่ถึง 12 ปี ได้รับเดือนละ 14,300 บาท 4. ตั้งแต่ 12 ปี แต่ไม่ถึง 16 ปี ได้รับเดือนละ 17,800 บาท 5.ตั้งแต่ 16 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี ได้รับเดือนละ 21,400 บาท 6.ตั้งแต่ 20 ปี แต่ไม่ถึง 24 ปี ได้รับเดือนละ 28,500 บาท และ 7. ตั้งแต่ 24 ปี ขึ้นไปได้รับเดือนละ 35,600 บาท
โดยเนื้อหาข้อที่ 29 กำหนดให้ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยให้ได้รับเป็นระยะเวลา 2 เท่า สำหรับการคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตามเกณฑ์ คือ สำหรับคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ 1 เดือน แต่ไม่เกิน 48 เดือน ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ เดือนละ 9,000 บาท ตั้งแต่ 48 เดือน แต่ไม่เกิน 96 เดือน ได้รับเดือนละ 12,000 บาท ตั้งแต่ 96 เดือน แต่ไม่เกิน144 เดือน ได้รับเดือนละ 14,300 บาท ตั้งแต่ 144 เดือน แต่ไม่เกิน192 เดือน ได้รับเดือนละ 17,800 บาท ตั้งแต่ 192 เดือนแต่ไม่เกิน 240 เดือน ได้รับเดือนละ 21,400 บาท ตั้งแต่ 240 เดือน แต่ไม่เกิน 288 เดือน ได้รับเดือนละ 28,500 บาท และ ตั้งแต่ 288 เดือน ขึ้นไป ได้รับเดือนละ 35,600 บาท
ทั้งนี้ การแก้ไขระเบียบดังกล่าว จะไม่กระทบกับอดีตสมาชิกรัฐสภา ที่เคยเป็น ส.ส. หรือส.ว. หลายสมัย แต่จะกระทบกับ อดีต ส.ส. -ส.ว. บางคน ที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่ไม่นาน แล้วเกิดยุบสภา เพราะตามระเบียบเดิม จะได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพหลังพ้นตำแหน่งไปจนตลอดชีพ แต่ระเบียบกำหนดให้ได้รับแค่ 2 เท่า ของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง อีกทั้งอัตราเดิมจากที่เคยเริ่มต้นที่ 15,000 บาท จะปรับลดเหลือเริ่มต้นที่ 9,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 58 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบที่ออกมาใหม่ครั้งนี้ จะไม่ครอบคลุมไปถึง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากระเบียบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกจากการผลักดันของ นายไพจิต ศรีวรขาน อดีตประธานกิจการสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีการหยิบยกประเด็นว่า ระเบียบดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึง สนช. สมัยก่อนหน้านี้หรือไม่ มาหารือในที่ประชุมสภา แต่ก็มีมติไม่ให้รวมสนช.ด้วย เพราะเห็นว่า มาจากการรัฐประหาร ให้นับเฉพาะส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น
นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษา เรื่องระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ลงนามโดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ในฐานะ ประธานกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 58 เป็นต้นไป ระเบียบดังกล่าวทำให้ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งคำนวณตามอายุการดำรงตำแหน่ง โดยจะได้ไม่เกิน 2 เท่า ของระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ไม่ได้ตลอดชีพเหมือนที่ผ่านมา โดยจะจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นรายเดือน และสมาชิกรัฐสภา ที่มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพ ต้องไม่เป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงผู้ที่ถูกวุฒิสภา มีมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ได้กำหนดการนับเวลาสำหรับการคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพไว้ดังนี้ ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา มีสมาชิกภาพหลายวาระ ไม่ว่าจะติดต่อกัน หรือไม่ก็ตาม ให้นำเวลาการมีสมาชิกภาพทุกวาระรวมกัน เป็นเวลาสำหรับคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพ และผู้มีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเป็นรายเดือน โดยให้ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับมีสิทธิได้รับเงินกองทุนเลี้ยงชีพตามหลักเกณฑ์ สำหรับหลักเกณฑ์การคำนวณเงินทุนเลี้ยงชีพมีดังนี้
วาระที่เคยดำรงตำแหน่ง 1. ตั้งแต่ 1 เดือนแต่ไม่ถึง 4 ปี ได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเดือนละ 9,000 บาท 2. ตั้งแต่ 4 ปี แต่ไม่ถึง 8 ปีได้รับเดือนละ 12,000 บาท 3. ตั้งแต่ 8 ปี แต่ไม่ถึง 12 ปี ได้รับเดือนละ 14,300 บาท 4. ตั้งแต่ 12 ปี แต่ไม่ถึง 16 ปี ได้รับเดือนละ 17,800 บาท 5.ตั้งแต่ 16 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี ได้รับเดือนละ 21,400 บาท 6.ตั้งแต่ 20 ปี แต่ไม่ถึง 24 ปี ได้รับเดือนละ 28,500 บาท และ 7. ตั้งแต่ 24 ปี ขึ้นไปได้รับเดือนละ 35,600 บาท
