xs
xsm
sm
md
lg

คิดต่างอย่างสร้างสรรค์กับคู่รักนักออกแบบระดับโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงานศิลปะอย่างฝรั่งเศส อิตาลี สิงคโปร์ หรือญี่ปุ่น นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์คู่นี้ก็ไปแสดงผลงานมาแล้ว แถมการันตีความเจ๋งอีกขั้นด้วยรางวัลนักออกแบบแห่งปี 2556 งานที่สร้างจากความรักและความสุข วันนี้ออกผลเป็นความสำเร็จระดับโลกแบบที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึง

เริ่มต้นด้วยความชอบ และมองเห็นโอกาส

พลอยพรรณ ธีรชัย และเดชา อรรจนานันท์ คู่รักนักออกแบบแห่ง Thinkk Studio เล่าเรื่องราวของทั้งสองให้ฟังแบบเป็นกันเองถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ โดยพลอยพรรณเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เริ่มหันมาสนใจงานด้านนี้

“พลอยกับพี่เดเรียนสถาปัตยกรรมภายในที่ลาดกระบัง เราเจอกันที่นู่น พอหลังเรียนจบมาได้เริ่มทำงาน ก็พบว่าเวลาทำ Interior นอกจากเรื่องของการออกแบบภาพรวม ออกแบบตกแต่งภายในแล้ว ยังมีเรื่องของการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งเข้ามาในพื้นที่ที่เราออกแบบ แล้วเราก็ชอบตรงนั้นด้วย ก็เลยสงสัยว่าบางทีของสวยๆ เนี่ยเค้าทำกันยังไง?”

“แล้วของที่เราชอบแล้วเอามาใส่ในโปรเจ็คมันมักจะเป็นของที่มีราคาแพงเพราะมันเป็นของที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ที่เรารู้มาโดยตลอดเลยคือที่เมืองไทยเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ให้กับแบรนด์ของต่างประเทศอยู่แล้ว ทีนี้เราก็สงสัยว่าทำไมไม่มีแบบที่เป็นดีไซน์ของคนไทย” คืออีกมุมมองหนึ่งจากเดชา

จากการสังเกตทำให้ทั้งสองพบว่า แบรนด์ไทยเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วยังมีตัวเลือกด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งไม่มากนัก ขณะที่คนไทยมีฝีมืองานช่างที่มีศักยภาพสูงมาก ด้วยความชอบและมองเห็นโอกาส ทั้งคู่ก็เกิดไอเดียอยากทำเฟอร์นิเจอร์ขายกันเอง

จุดเปลี่ยนที่สิงคโปร์

เมื่อทั้งคู่คิดจะทำเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่ามกระโดดลงไปในทีเดียว ทั้งสองเริ่มไปเรียนรู้เพิ่มด้วยการลงคอร์สสั้นๆ ก่อน “ในช่วงนั้นก็จะเป็นอย่างนี้อยู่เยอะ ไปเข้าเวิร์คชอป ไปฟังบรรยาย ไปประกวดแบบบ้าง เราเรียนรู้ด้วยตัวเราเองก่อน เราเริ่มเล็กๆ ก่อนให้แน่ใจว่าเราชอบจริงๆ แล้วเราทำได้มั้ย” เดชาเล่าย้อนไปในช่วงเริ่มต้น

ในเวลาที่โอกาสและฝีมือแสนเก๋มาพบกัน ทั้งคู่ก็เริ่มเห็นแสงสว่างในเส้นทางสายนี้ชัดขึ้น เมื่อผลงานเก้าอี้ไม้เก่า (SCRAP FACET Chair) ที่เดชาออกแบบได้รับรางวัลชนะเลิศในงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของประเทศสิงคโปร์ (Singapore Furniture Design Award 2010) “ผลงานที่ได้เป็นโมเดลตัวเล็กๆ เป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงเป็นไม้เก่า แนวคิดเหมือนไม้ที่หมดอายุจากการใช้งานประเภทอื่นๆ แต่ที่จริงมันยังมีคุณค่าอยู่ เป็นการเพิ่มคุณค่า เพิ่มชีวิตเข้าไปในเก้าอี้อุตสาหกรรม โดยเอาไม้เก่ามาทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่มีวันซ้ำกันเลย”

การได้รับรางวัลในครั้งนี้ ทั้งคู่เปิดเผยว่าถือเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้เริ่มคิดที่จะเดินในเส้นทางนี้อย่างจริงจัง โดยพลอยพรรณบรรยายความรู้สึกในครั้งนั้นว่าเมื่อได้รางวัลก็ทำให้เขาและเธอมีกำลังใจมากขึ้น “เริ่มคิดว่าเราเอาดีทางนี้ดีมั้ย เรามีความสามารถทางนี้จริงมั้ย เพราะตอนแรกเราก็ไม่รู้เอาอะไรมาวัดเนอะ เพราะของบางอย่างทำขึ้นมา เราดูว่าสวยแต่ไม่รู้คนอื่นว่าสวยหรือเปล่า แต่เราไปเห็นความเห็นจากข้างนอก ลองประกวด พอได้รับรางวัลกลับมามันทำให้เรามั่นใจขึ้น”

จะไปให้สุดต้องเรียนรู้เพิ่ม

“เนื่องจากตอนนั้นพวกเราเรียนจบสถาปัตยกรรมภายใน ในเรื่องของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์หรือผลิตภัณฑ์ก็เป็นอีกศาสตร์หนี่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่ม บางอย่างมันมีวิธีคิดหรือวิธีผลิตที่ไม่เหมือนกัน” คือสิ่งที่พลอยพรรณบอกถึงเหตุผลที่ทั้งสองตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทเกี่ยวกับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม

ด้านพลอยพรรณไปเรียน Furniture of Product ที่เมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน “ที่นั่นมีสไตล์สแกนดิเนเวียน เรทโทร (Scandinavian Retro) ที่สวย มันตอบโจทย์การใช้งานได้ดี ดูไม่เชย เราอยากไปเรียนรู้ว่าแถวนั้นมีวิธีคิด เค้ามีหลักการการออกแบบยังไง หรือรสนิยมเค้าเป็นยังไง ก็เลยเลือกไปเรียนที่นั่น”

ส่วนเดชาไปเรียน Luxury Design and Craftsmanship ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “งานที่เกี่ยวกับทักษะของช่าง งานประดิษฐ์ งานฝีมือ มันเกี่ยวกับบ้านเราค่อนข้างเยอะ งานของเค้ามันอาจไม่ใช่งานสานเหมือนบ้านเรา จะเป็นพวกนาฬิกา มีดสวิตซ์ มีดพับ แต่ใช้ทักษะฝีมือช่างเหมือนกัน คิดว่างานด้านนี้มันมีความน่าสนใจอยู่เลยไปลองเรียนดู”

ระหว่างเรียนพลอยพรรณและเดชาก็ได้สร้างผลงานที่น่าทึ่ง โดยเดชาออกแบบของขวัญสำหรับเด็กที่ทำจากเครื่องเงิน “มันจะเป็นวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศสที่จะให้เครื่องเงินเป็นเหมือนของขวัญสำหรับเด็กแรกเกิดแล้วให้เด็กเก็บเอาไว้ไปตลอด มหาวิทยาลัยเลยให้โจทย์มาว่าถ้าจะให้ของขวัญเด็กสักชิ้นนึง จะทำเป็นอะไรดี ซึ่งมหาวิทยาลัยของผมจะพยายามให้ตีความใหม่ ให้เป็นงานสมัยใหม่ สามารถมีความสนุกสอดแทรกเข้าไปได้

ผมก็เลยทำเป็นเหมือนกระปุกออมสิน ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากสไลเดอร์ที่เด็กนั่งลงมา คือเวลาจะหยอดก็จะให้เหรียญมันวิ่งสไลด์ลงมาในกระปุก เหมือนให้เด็กได้เล่นนิดนึงและกระตุ้นให้เด็กอยากจะสะสม อยากจะเล่น”

ส่วนพลอยพรรณก็ได้เป็นหนึ่งในตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแสดงผลงานที่ Milan Furniture Fair 2012 และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้คนและสื่อที่นั่น “ทางโรงเรียนจะคัดเลือกผลงานจากนักศึกษาทั้งหมดเพื่อที่จะไปโชว์ในงาน Milan Furniture Fair ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวกับดีไซน์อันดับหนึ่งของโลก เค้าจะเลือกงานของนักเรียนที่เข้ากับรูปแบบงานของปีนั้นไปโชว์ เค้าก็ส่งกันไปเป็นร้อยๆ ชิ้น งานเราก็ได้เลือกเป็น 1 ในนั้นที่ได้ไปโชว์ในแกลอรี่ที่มิลานซึ่งเป็นแกลอรี่ที่ดังมากอันดับหนึ่งของดีไซน์แกลอรี่ ซึ่งผลงานที่ไปโชว์ตอนนั้นก็คือโคมไฟ CONST Lamp

ปีนั้นคือเราไปโชว์งานครั้งแรก และได้รับความสนใจมาก มันเกินความคาดหมาย ตอนนั้นเราก็ยังเรียนไม่จบ ไปโชว์ในฐานะนักเรียน แต่ได้รับความสนใจจากสื่อเมืองนอก หนังสือ เว็บไซต์เยอะมาก ก็เลยทำให้คนเริ่มรู้จัก”

หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้กลับไปแสดงที่งาน Milan Furniture Fair นี้อีกในปีเดียวกัน หอบหิ้วเอาข้าวของที่ออกแบบไปโชว์ สร้างความตกตะลึงให้กับชาวต่างชาติ “เราก็ไปในฐานะ Thinkk Studio ซึ่งตอนนั้นที่เราไปก็มีหลายๆ ชิ้นที่เอาไปโชว์ เก้าอี้ แจกัน โคมไฟ ก็ได้รับความสนใจ ปีนั้นเป็นปีที่สื่อต่างชาติรู้จักเรา ทำให้ต่อยอดมาจนทุกวันนี้ หลังจากนั้นเราก็ไปต่อเรื่อยๆ ในปี 2013-2014” และชื่อของ Thinkk Studio รวมถึงนักออกแบบทั้งสองก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

สตูดิโอคิดต่าง

หากพูดถึง Thinkk Studio จากสายตาของคนอื่นที่มองเข้ามา เดชาบอกกับเราว่า “คนจะมองว่างานของเราค่อนข้างเรียบง่าย แต่มีเรื่องราวซ่อนอยู่ แล้วก็ดูเป็นมิตร เหมือนสิ่งที่เราคิดไว้ตั้งแต่ต้นมันสอดแทรกอยู่ในนั้น

ส่วนที่มาและแนวคิดของ Thinkk Studio สตูดิโอขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ที่ทั้งสองร่วมกันก่อตั้งก็ช่างไม่ธรรมดา “Thinkk Studio มันมาจากชื่อที่เน้นความคิดเป็นหลักก่อน มองว่าความคิดแรกเริ่มเลยเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องเลือกแนวคิดแรกที่ดีที่สุดก่อน”

พลอยพรรณเองก็เสริมให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น “ที่เราตั้งชื่อ Thinkk Studio มันมี K สองตัวใช่มั้ยคะ พี่เดก็คิดว่าการที่เราเพิ่ม K อีกตัวเนี่ยเป็นเหมือนความคิดที่แตกต่างจากความคิดทั่วๆ ไป เหมือนแบบคิดเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะหาไอเดียเริ่มต้นที่คิดว่ามันต่อยอดไปได้ ส่วนเรื่องของขั้นตอนการพัฒนาแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ เราก็ต้องให้ความสำคัญกับตรงนั้นอยู่แล้วเพราะเราถือว่าเป็นหน้าที่ของนักออกแบบ แต่ถ้าเรามีจุดเริ่มต้นที่ดี มันก็เหมือนความคิดที่ดี ทำให้ของเรามี Character ที่มากขึ้น”

ในเรื่องหลักการคิดงานของ Thinkk Studio นั้น พลอยพรรณเล่าให้ฟังอย่างง่ายๆ ว่าเมื่อซื้อไปแล้วต้องเป็นของพิเศษ ไม่ทิ้งไปง่ายๆ “พวกเรามองว่าการออกแบบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา ในเมื่อของที่จะเกิดขึ้นอีกชิ้นหนึ่งเนี่ย มันควรจะทำให้คนรู้สึกชอบ หรือใช้แล้วรู้สึกดี เพราะว่ามันจะทำให้คนอยากรักษาของ อยากเก็บของให้นานขึ้น มันจะไม่ใช่ของที่ซื้อมาใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งไป หรือเบื่อแล้วก็ทิ้งไป เราเลยจะพยายามหาความพิเศษให้กับของชิ้นนั้น” ดังนั้นในแต่ละชิ้นงานที่พวกเขาออกแบบ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ นอกจากไอเดียที่ใส่ไป พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจลงไปด้วยทุกครั้ง

แล้วพวกเขาเอาไอเดียและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานมาจากไหนกัน? “ทุกอย่างเลย หรือเรียกว่าประสบการณ์ตั้งแต่เด็กๆ ที่เราเจอมา รวมถึงที่เราออกไปเที่ยว ออกไปดูที่ต่างๆ ทุกอย่างมันผสมผสานแล้วเชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานได้” เดชากล่าว

ก่อนที่พลอยพรรณจะอธิบายเพิ่มเติม “ง่ายๆ ก็คือจากการสังเกต อย่างวิธีการใช้งานของของชิ้นนี้ หรือแม้กระทั่งรายละเอียดของการผลิตของชิ้นหนึ่ง ถ้ามันมีความประทับใจอยู่ในนั้น เราก็สามารถมาพัฒนาเป็นดีไซน์อื่น หรือบางครั้งเราจะออกแบบของชิ้นหนึ่งเราก็จะวิเคราะห์ว่า มันใช้งานยังไง หน้าที่ของมันที่มันควรจะเป็นคืออะไร แล้วเราก็จะไปเชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่เราเคยเห็นมาว่าไอเดียไหนมันน่าจะมาใช้งานในการแบบตัวนี้ได้”

นอกจากจะได้แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัวแล้ว พวกเขายังใส่ความสนุกลงไปในผลงานแต่ละชิ้นด้วย “ประสบการณ์ที่เราได้รับมาแล้วรู้สึกดี มีความสุข เราก็อยากจะแชร์ให้กับคนอื่นๆ ที่จะมาใช้ของของเราให้ได้รับรู้ด้วย” เรียกว่าเป็นการส่งต่อความสุขตั้งแต่ผู้ให้ไปจนถึงผู้รับเลยทีเดียว

ตามเสียงหัวใจแล้วความสำเร็จก็วิ่งเข้าใส่

เมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นจากการผันตัวจากนักออกแบบตกแต่งภายในไปสู่นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ พวกเขาตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าเลือกเพราะ “ความรักและความหลงใหล” ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่ก็ยังไม่ทราบว่าจะประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะเรื่องของอนาคตไม่มีใครสามารถตอบแทนใครได้

พลอยพรรณเองก็เล่าย้อนกลับไปให้ฟังว่า “พวกเราเริ่มทำพวกงานเฟอร์นิเจอร์เพราะ Passion จริงๆ จากความชอบ มันก็เลยเหมือนกับว่าเราทำเพราะความรัก ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินอะไรเลยตอนแรก ก็ทำออกไปเรื่อยๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก ตัดสินใจไปเรียนต่อ มันก็เหมือนกับการลงทุนเพราะเราทำไปก็เพราะชอบจริงๆ”

ทั้งคู่เปิดใจและให้โอกาสตัวเองได้ลงสนาม ลองเดินบนเส้นทางนี้ ลองผิดลองถูกจนรู้ว่าชอบว่าใช่ แล้วจึงตัดสินใจไปศึกษาต่อด้านนี้อย่างจริงจัง ระหว่างทางพวกเขาก็ไปแสดงผลงานที่ต่างประเทศมากมาย เพราะต้องการเห็นผลตอบรับในวงกว้างว่างานที่ทำไปโดนใจคนหรือไม่ “คือการไปแสดงงานพวกนี้ เราก็ต้องลงทุนไป แต่เราอยากไปเห็นเวทีที่มันใหญ่ที่สุดจริงๆ ว่าคนอื่นเค้าจะมองงานเรายังไง เค้าจะมีความเห็นกับงานแบบไหน” เดชาพูดถึงมุมมองในการไปแสดงผลงาน

ก่อนที่พลอยพรรณจะเสริมถึงสิ่งที่ได้รับจากการเปิดโลกกว้าง “ไปในเวทีที่ใหญ่ที่สุด กว้างที่สุด เพื่อให้เราได้ผลตอบรับจริงๆ ว่าคนทั่วไปเค้าคิดยังไง เพราะว่าบางทีเหมือนเราอยู่ในที่แคบ เราก็ไม่รู้และไม่เห็นว่าของเรามันดีหรือไม่ดียังไง ถ้าออกไปมันมีคนเห็น มีคนชม บางคนมาให้ข้อเสนอแนะเราก็รับไว้มาพัฒนาต่อ ก็ได้หลายๆ อย่าง” เพราะพวกเขาไม่ได้คิด ทำ และตัดสินกันอยู่สองคน แต่พวกเขาเลือกที่จะออกไปพิสูจน์ในโลกกว้าง แล้วนำสิ่งที่ได้กลับมาพัฒนางานต่อให้ดีขึ้น และดีขึ้น จนนำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้

“เมื่อเราออกไปสู่โลกภายนอก ก็ได้ไปเจอคนในวงการเดียวกัน หรือคนที่จะซื้อของเรา พอคนเห็นคนชอบ ตอนหลังๆ มันก็ส่งผลกลับมาในเรื่องของธุรกิจ คือมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เดิมที่เราลงทุนอย่างเดียว ตอนหลังมันก็เริ่มมีคนอยากใช้ของเรา อยากได้ของเรา หรืออยากให้เราไปออกแบบของให้ มันก็ส่งผลกลับมาเรื่อยๆ แต่จากตอนแรกคือ Passion ล้วนๆ คือไม่ได้คิดเรื่องธุรกิจเลย”

ประสบความสำเร็จระดับโลกขนาดนี้ หลายคนอาจคิดว่าต้องมีเคล็ดลับความสำเร็จแบบไม่ธรรมดาแน่ๆ แท้จริงแล้ว วิธีการมันช่างเรียบง่ายหากแต่ทรงพลัง พวกเขามีบุคคลต้นแบบในดวงใจที่เอาเป็นแบบอย่าง และมุ่งหน้าทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้น โดยพวกเขาเชื่อมั่นในความคิดที่ว่า “ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทำสเต็ปตรงหน้าก่อน คือยังไม่เคยคาดหวังว่าสุดท้ายแล้วเราจะต้องเป็นอะไร เป็นเจ้าของแบรนด์หรือว่ามีโรงงาน ทำตรงนี้ให้มันดีที่สุด แล้วมันก็จะพาขึ้นไปเรื่อยๆ

พวกเขาอาจไม่ได้ตั้งเป้าหมายไกลๆ ว่าสุดท้ายจะต้องอยู่ตรงจุดไหน เพราะเชื่อว่าการเดินไปทีละก้าวและทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด จะพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ อย่างที่พิสูจน์ให้ได้เห็นแล้วในวันนี้

ขอบคุณภาพจาก ศิวกร เสนสอน และ Thinkk Studio


กำลังโหลดความคิดเห็น