ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ด ป.ป.ช. ส่งหนังสือถึงคลัง ให้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย "ยิ่งลักษณ์" ทำโครงการจำนำข้าวเจ๊งแล้ว เผยขึ้นอยู่กับคลังจะฟ้องเรียกเงินเท่าไร หลังล่าสุดตัวเลขเสียหายกว่า 6 แสนล้าน ยันไม่มีวาระซ่อนเร็น ว่ากันตามกฎหมายล้วนๆ "ประยุทธ์"สั่ง "วิษณุ"ดูข้อกฎหมาย เกี่ยวข้องกับรัฐบาลตรงไหน ต้องทำอะไร ลั่นไม่ได้เร่งทำคดี ด้านอัยการสูงสุดนำสำนวนฟ้อง"ปู"ส่งศาลวันนี้ เจ้าตัวจะไปไม่ไปอยู่ที่ดุลพินิจ ผบ.ทอ.เชื่อไม่มีเหตุวุ่นวาย
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงนาม ก่อนส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อให้ดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยในหนังสือจะบรรยายค่าความเสียหาย ซึ่งมาจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ครั้งที่ 3 ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท และต่อมาคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มี นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ยังได้สรุปออกมาล่าสุดว่ามีความเสียหายประมาณ 6 แสนล้านบาท และยังรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากข้าวเสื่อมคุณภาพ ที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไปดำเนินการตรวจสอบมาด้วย
ทั้งนี้ หลังจากรับหนังสือแล้ว กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้รับความเสียหายและผู้ค้ำประกัน จะไปดำเนินการว่าจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเท่าไร เพื่อไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่งต่อไป คาดว่ากระทรวงการคลัง น่าจะดำเนินการได้โดยเร็ว
"การดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ ป.ป.ช. ส่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการ เป็นไปตามกฎหมาย มีการไต่สวนทุกอย่างเป็นลำดับ ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ไต่สวนจำเพาะเจาะจงเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ทำทั้งสองฝ่าย คดีอื่นๆ อย่างโครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ก็กำลังพิจารณากันอยู่"นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า วันนี้ (19 ก.พ.) อัยการสูงสุด จะนำคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งอัยการสูงสุดระบุแล้วว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาหรือไม่มาก็ได้ เป็นดุลพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ไม่มีปัญหา แต่ในวันนัดพิจารณาครั้งแรกภายหลังจากศาลรับฟ้องแล้ว ต้องเดินทางไปขึ้นศาล ไม่ไปไม่ได้
***คลังขอสรุปตัวเลขความเสียหายก่อนฟ้อง
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า ขอเวลาพิจารณารายละเอียดสัก 2 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ก่อนหน้านี้ ได้มอบนโยบายให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง ไปดำเนินการแล้ว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลความเสียหายจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีการดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ ป.ป.ช. แจ้งให้กระทรวงการคลังดำเนินการ โดยจะนำตัวเลขการระบายข้าวมาคำนวณร่วมกับความเสียหาย จากค่าเสื่อมของข้าวในโกดังรัฐบาล เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจนในเรื่องของผลขาดทุน จากนั้นจะนำตัวเลขดังกล่าวมาดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนต่อไป
**นายกฯสั่ง"วิษณุ"ศึกษาข้อกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องที่ป.ป.ช. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก ว่า ได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาในข้อกฎหมายว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลตรงไหน อย่างไร และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องทางกฎหมาย เป็นเรื่องคดีความ ต้องดูความรับผิดชอบว่าอยู่ตรงไหนอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์อย่างไร หรือไม่ เพราะตอนนี้คดีความต่างๆ อยู่ในจุดของการตัดสิน นายกฯ กล่าวว่า แล้วยังไง มันเร็วเกินไปหรือไง จะให้มันช้าลงกว่าเดิม หรือไง ทุกคดีอันไหนเขาพร้อมเขาก็ทำ
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเร่งรัดคดี นายกฯ กล่าวว่า ไม่กลัว จะกลัวทำไม ตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ตนไม่ได้อยู่ในศาล คนเริ่มต้นดำเนินการ ก็ไม่ใช่ตน แต่เป็นเรื่องกระบวนการที่เขาทำมา ป.ป.ช. เขาสอบสวนเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนที่ตนจะมาเป็นรัฐบาล ฉะนั้น อะไรมันจะตามออกมา ก็เป็นเรื่องของกฎหมาย
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่มีการเมือง หรือการกลั่นแกล้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็ช่วยตนอธิบายสิ สื่อเข้าใจหรือเปล่าว่าทำไมเป็นอย่างนี้อย่างนั้น อย่าไปมโนเอง หรือเขียนเอง
**เตือนน้อง"ปู"ถ้าหนีจะไม่มีความสุข
เมื่อถามว่า การที่ป.ป.ช.ให้รัฐเรียกความเสียหายทางแพ่ง จะยิ่งเป็นการบีบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี จะเกิดอะไรขึ้นมา แล้วถ้าไม่หนีจะเกิดอะไรขึ้น ตนไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไรกับใครสักคน ถ้าเขาหนี เขาก็ไม่มีความสุข เขาอยู่ เขาก็ต้องสู้คดี ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า ผิดถูกอย่างไร ก็ต้องไปสู้คดีในศาล
เมื่อถามว่า มีการประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวว่า อยู่ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาทอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับตัวเลข มูลค่าโครงการนี้ใช้ไปเท่าไร แล้วขายข้าวไปแล้วเท่าไร ที่เหลือก็จะเป็นยอดเงินที่ขาดทุนอยู่ บวกกับข้าวที่อยู่ในคลัง ถ้าหักลบกลบหนี้ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าจะขายข้าวได้เมื่อไร ข้าวจะเสื่อมราคาหรือไม่ ถ้าขายข้าวได้ราคาต่ำ มูลค่าการขาดทุนก็สูงขึ้น อย่างที่เรียนไปแล้ว วันนี้ค่าเช่าคลังตกเดือนละ 2,600 ล้านบาท เสียเปล่าๆ จะทำอย่างไร ถ้าเก็บไว้อีกสักปี จะเสียเท่าไร คง 3 หมื่นกว่าล้าน
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าในการประมูลข้าวรอบแรกที่ให้มีการตรวจสอบนอมินี ผลเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คงจะต้องมีการประมูลเพิ่ม เพราะประมาณ 4 แสนตัน ที่มาประมูลรอบแรก เป็นบริษัทที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เพราะถ้าเราเร่งขายอย่างเดียวจะไม่ได้ ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าบริษัทที่ได้รับไป 4 แสนตัน จาก 9 แสนเกือบล้านตัน อาจเป็นนอมินีกับบริษัทเดิมที่มีปัญหา ก็ต้องให้ประมูลใหม่ และได้สั่งให้ยุติแล้ว เพราะ 4 แสนตัน เป็นบริษัทนอมินี จะเห็นว่ารัฐบาลนี้ทำทุกอย่าง ทำช้าไปก็หาว่าขายไม่ออก แต่พอทำเร็วไป ก็หาว่าไม่รอบคอบ แล้วจะเอาอย่างไร แต่ตนก็ทำของตนแบบนี้ จะทำไม
**ป.ป.ช.เร่งคดีหวั่นหมดอายุความ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การฟ้องเรียกเอาเงินเข้ารัฐ จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้เสียหาย โดยจะต้องดำเนินการเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง ส่วนข้อต่อสู้จะเป็นอย่างไร กระทรวงการคลัง จะเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่า หลังจากป.ป.ช. ส่งหนังสือให้หน่วยงานนั้นๆ แล้ว จะต้องฟ้องแพ่งในระยะเวลาเท่าไร แต่ต้องทราบกันอยู่แล้วว่า ต้องฟ้องภายในอายุความ ซึ่งอายุความในคดีแพ่งนั้น สั้นกว่าอายุความคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม เรื่องการฟ้องร้องทางแพ่งดังกล่าว จะเป็นคนละส่วนกับคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าคดีอาญา จะเป็นอย่างไร ถือเป็นคนละเรื่องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยปกติการพิจารณาคดีแพ่ง จะต้องใช้เวลานานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า บางครั้งบางคดีมีโอกาสที่จะใช้ระยะยาว ส่วนกรณีการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวครั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่า จะใช้ระยะเวลาเท่าไร บางครั้งศาลแพ่งอาจรอฟังคดีอาญาก่อนก็ได้ โดยเฉพาะถ้าประเด็นใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม วันนี้ ที่ป.ป.ช.เดินหน้าเพราะเชื่อว่า มีการกระทำผิด จึงดำเนินการก่อน เพราะอายุความมันสั้น ซึ่งเมื่อได้ฟ้องไปแล้ว จะหมดปัญหาเรื่องอายุความ จากนั้นศาลจะใช้ระยะเวลาพิจารณากี่ปี ไม่มีปัญหาอะไร เพราะอายุความไม่ขาด เนื่องจากมีการฟ้องไว้ก่อนแล้ว
เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง คดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก และยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท กับคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีการแยกมาฟ้องเรียกค่าเสียหายต่างหากที่ศาลแพ่ง นายวิษณุ กล่าวว่า คำว่ายึดทรัพย์คือ ทรัพย์มีเท่าไร ยึดไปตามนั้น ต้องมีของกลาง แต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ของกลางไม่ใช่ของผู้กระทำผิด ของกลางเป็นข้าว จึงไม่ใช่เรื่องที่รัฐจะต้องยึด แต่ความเสียหายเกิดเป็นเงินเท่าไร ต้องไปเรียกค่าเสียหายจากคนที่ทำผิดมา ดังนั้น สองกรณีนี้แตกต่างกัน
**คดี"ยิ่งลักษณ์"ถึงมือศาลวันนี้
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการยื่นสำนวนฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนทำให้รัฐเสียหาย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันนี้ (19 ก.พ.) ว่า เวลา 10.00 น. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และรองหัวหน้าคณะทำงานในการฟ้องคดีนี้ จะเดินทางไปส่งสำนวนยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีนี้ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยหลังจากดำเนินการยื่นฟ้องเสร็จแล้ว ในเวลา 10.45 น. สำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับยื่นสำนวนฟ้องในคดีนี้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุด จะมีความเห็นท้ายคำร้อง เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว หรือการเดินทางออกนอกประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า คงจะไม่มี เพราะตามขั้นตอนแล้ว ศาลฎีกาฯ จะต้องมีการประชุมเพื่อคัดเลือกองค์คณะให้ได้ 9 คน ก่อน ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ นั้นองค์คณะผู้พิพากษา คงจะเป็นผู้พิจารณากำหนดเอง
เมื่อถามว่า ได้รับการประสานจาก ป.ป.ช. หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ให้มาตามนัดในวันนี้หรือไม่ รองโฆษกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมาจากทั้ง ป.ป.ช. และทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่อย่างใด
**ผบ.ทอ. เชื่อสถานการณ์เรียบร้อย
พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ในวันที่ 19 ก.พ. ที่อัยการสูงสุดเตรียมส่งฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ไม่น่าจะมีอะไร คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย การดูแลความปลอดภัยกลุ่มต่างๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ก็คงไม่มี เพราะทุกฝ่ายคงเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อยและต้องเดินหน้า
"ขอร้องทุกคนว่าให้ทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะหากไม่สามารถเดินหน้าตามโรดแมปได้ ทุกคนก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งปัญหาต่างๆ ก็มีความยากอยู่ ถ้าภายในชาติมีความเข้มแข็ง ก็คิดว่าจะสามารถช่วยประเทศชาติขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน" ผบ.ทอ. กล่าว
***ชัดเจน"ปู"ไม่ไปรายงานตัว
รายงานข่าวจากคณะทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แจ้งว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อนำตัวส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล่าสุดจากการหารือกันของทีมทนายและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ข้อสรุปว่า อดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่เดินทางไปรายงานตัว ที่ อสส. ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อรูปคดี เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่า ต้องไป เพราะในวันดังกล่าว เป็นเพียงวันนำตัวไปส่งฟ้อง กฎหมายไม่ได้ระบุว่า ต้องเดินทางไปรายงานตัว
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงนาม ก่อนส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อให้ดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยในหนังสือจะบรรยายค่าความเสียหาย ซึ่งมาจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ครั้งที่ 3 ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท และต่อมาคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มี นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ยังได้สรุปออกมาล่าสุดว่ามีความเสียหายประมาณ 6 แสนล้านบาท และยังรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากข้าวเสื่อมคุณภาพ ที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ไปดำเนินการตรวจสอบมาด้วย
ทั้งนี้ หลังจากรับหนังสือแล้ว กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้รับความเสียหายและผู้ค้ำประกัน จะไปดำเนินการว่าจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเท่าไร เพื่อไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่งต่อไป คาดว่ากระทรวงการคลัง น่าจะดำเนินการได้โดยเร็ว
"การดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ ป.ป.ช. ส่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการ เป็นไปตามกฎหมาย มีการไต่สวนทุกอย่างเป็นลำดับ ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ไต่สวนจำเพาะเจาะจงเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ทำทั้งสองฝ่าย คดีอื่นๆ อย่างโครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ก็กำลังพิจารณากันอยู่"นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า วันนี้ (19 ก.พ.) อัยการสูงสุด จะนำคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งอัยการสูงสุดระบุแล้วว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาหรือไม่มาก็ได้ เป็นดุลพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ไม่มีปัญหา แต่ในวันนัดพิจารณาครั้งแรกภายหลังจากศาลรับฟ้องแล้ว ต้องเดินทางไปขึ้นศาล ไม่ไปไม่ได้
***คลังขอสรุปตัวเลขความเสียหายก่อนฟ้อง
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า ขอเวลาพิจารณารายละเอียดสัก 2 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ก่อนหน้านี้ ได้มอบนโยบายให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง ไปดำเนินการแล้ว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เตรียมข้อมูลความเสียหายจากการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีการดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ ป.ป.ช. แจ้งให้กระทรวงการคลังดำเนินการ โดยจะนำตัวเลขการระบายข้าวมาคำนวณร่วมกับความเสียหาย จากค่าเสื่อมของข้าวในโกดังรัฐบาล เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจนในเรื่องของผลขาดทุน จากนั้นจะนำตัวเลขดังกล่าวมาดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอนต่อไป
**นายกฯสั่ง"วิษณุ"ศึกษาข้อกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องที่ป.ป.ช. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก ว่า ได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาในข้อกฎหมายว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลตรงไหน อย่างไร และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องทางกฎหมาย เป็นเรื่องคดีความ ต้องดูความรับผิดชอบว่าอยู่ตรงไหนอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์อย่างไร หรือไม่ เพราะตอนนี้คดีความต่างๆ อยู่ในจุดของการตัดสิน นายกฯ กล่าวว่า แล้วยังไง มันเร็วเกินไปหรือไง จะให้มันช้าลงกว่าเดิม หรือไง ทุกคดีอันไหนเขาพร้อมเขาก็ทำ
เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเร่งรัดคดี นายกฯ กล่าวว่า ไม่กลัว จะกลัวทำไม ตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ตนไม่ได้อยู่ในศาล คนเริ่มต้นดำเนินการ ก็ไม่ใช่ตน แต่เป็นเรื่องกระบวนการที่เขาทำมา ป.ป.ช. เขาสอบสวนเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนที่ตนจะมาเป็นรัฐบาล ฉะนั้น อะไรมันจะตามออกมา ก็เป็นเรื่องของกฎหมาย
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่มีการเมือง หรือการกลั่นแกล้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็ช่วยตนอธิบายสิ สื่อเข้าใจหรือเปล่าว่าทำไมเป็นอย่างนี้อย่างนั้น อย่าไปมโนเอง หรือเขียนเอง
**เตือนน้อง"ปู"ถ้าหนีจะไม่มีความสุข
เมื่อถามว่า การที่ป.ป.ช.ให้รัฐเรียกความเสียหายทางแพ่ง จะยิ่งเป็นการบีบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี จะเกิดอะไรขึ้นมา แล้วถ้าไม่หนีจะเกิดอะไรขึ้น ตนไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไรกับใครสักคน ถ้าเขาหนี เขาก็ไม่มีความสุข เขาอยู่ เขาก็ต้องสู้คดี ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า ผิดถูกอย่างไร ก็ต้องไปสู้คดีในศาล
เมื่อถามว่า มีการประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวว่า อยู่ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาทอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับตัวเลข มูลค่าโครงการนี้ใช้ไปเท่าไร แล้วขายข้าวไปแล้วเท่าไร ที่เหลือก็จะเป็นยอดเงินที่ขาดทุนอยู่ บวกกับข้าวที่อยู่ในคลัง ถ้าหักลบกลบหนี้ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าจะขายข้าวได้เมื่อไร ข้าวจะเสื่อมราคาหรือไม่ ถ้าขายข้าวได้ราคาต่ำ มูลค่าการขาดทุนก็สูงขึ้น อย่างที่เรียนไปแล้ว วันนี้ค่าเช่าคลังตกเดือนละ 2,600 ล้านบาท เสียเปล่าๆ จะทำอย่างไร ถ้าเก็บไว้อีกสักปี จะเสียเท่าไร คง 3 หมื่นกว่าล้าน
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าในการประมูลข้าวรอบแรกที่ให้มีการตรวจสอบนอมินี ผลเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คงจะต้องมีการประมูลเพิ่ม เพราะประมาณ 4 แสนตัน ที่มาประมูลรอบแรก เป็นบริษัทที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เพราะถ้าเราเร่งขายอย่างเดียวจะไม่ได้ ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าบริษัทที่ได้รับไป 4 แสนตัน จาก 9 แสนเกือบล้านตัน อาจเป็นนอมินีกับบริษัทเดิมที่มีปัญหา ก็ต้องให้ประมูลใหม่ และได้สั่งให้ยุติแล้ว เพราะ 4 แสนตัน เป็นบริษัทนอมินี จะเห็นว่ารัฐบาลนี้ทำทุกอย่าง ทำช้าไปก็หาว่าขายไม่ออก แต่พอทำเร็วไป ก็หาว่าไม่รอบคอบ แล้วจะเอาอย่างไร แต่ตนก็ทำของตนแบบนี้ จะทำไม
**ป.ป.ช.เร่งคดีหวั่นหมดอายุความ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การฟ้องเรียกเอาเงินเข้ารัฐ จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้เสียหาย โดยจะต้องดำเนินการเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง ส่วนข้อต่อสู้จะเป็นอย่างไร กระทรวงการคลัง จะเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่า หลังจากป.ป.ช. ส่งหนังสือให้หน่วยงานนั้นๆ แล้ว จะต้องฟ้องแพ่งในระยะเวลาเท่าไร แต่ต้องทราบกันอยู่แล้วว่า ต้องฟ้องภายในอายุความ ซึ่งอายุความในคดีแพ่งนั้น สั้นกว่าอายุความคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม เรื่องการฟ้องร้องทางแพ่งดังกล่าว จะเป็นคนละส่วนกับคดีอาญาในโครงการรับจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าคดีอาญา จะเป็นอย่างไร ถือเป็นคนละเรื่องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยปกติการพิจารณาคดีแพ่ง จะต้องใช้เวลานานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า บางครั้งบางคดีมีโอกาสที่จะใช้ระยะยาว ส่วนกรณีการฟ้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวครั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่า จะใช้ระยะเวลาเท่าไร บางครั้งศาลแพ่งอาจรอฟังคดีอาญาก่อนก็ได้ โดยเฉพาะถ้าประเด็นใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม วันนี้ ที่ป.ป.ช.เดินหน้าเพราะเชื่อว่า มีการกระทำผิด จึงดำเนินการก่อน เพราะอายุความมันสั้น ซึ่งเมื่อได้ฟ้องไปแล้ว จะหมดปัญหาเรื่องอายุความ จากนั้นศาลจะใช้ระยะเวลาพิจารณากี่ปี ไม่มีปัญหาอะไร เพราะอายุความไม่ขาด เนื่องจากมีการฟ้องไว้ก่อนแล้ว
เมื่อถามถึงความแตกต่างระหว่าง คดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก และยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท กับคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีการแยกมาฟ้องเรียกค่าเสียหายต่างหากที่ศาลแพ่ง นายวิษณุ กล่าวว่า คำว่ายึดทรัพย์คือ ทรัพย์มีเท่าไร ยึดไปตามนั้น ต้องมีของกลาง แต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ของกลางไม่ใช่ของผู้กระทำผิด ของกลางเป็นข้าว จึงไม่ใช่เรื่องที่รัฐจะต้องยึด แต่ความเสียหายเกิดเป็นเงินเท่าไร ต้องไปเรียกค่าเสียหายจากคนที่ทำผิดมา ดังนั้น สองกรณีนี้แตกต่างกัน
**คดี"ยิ่งลักษณ์"ถึงมือศาลวันนี้
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการยื่นสำนวนฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีละเลยไม่ดำเนินการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนทำให้รัฐเสียหาย ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันนี้ (19 ก.พ.) ว่า เวลา 10.00 น. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และรองหัวหน้าคณะทำงานในการฟ้องคดีนี้ จะเดินทางไปส่งสำนวนยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีนี้ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยหลังจากดำเนินการยื่นฟ้องเสร็จแล้ว ในเวลา 10.45 น. สำนักงานอัยการสูงสุดจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับยื่นสำนวนฟ้องในคดีนี้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุด จะมีความเห็นท้ายคำร้อง เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว หรือการเดินทางออกนอกประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า คงจะไม่มี เพราะตามขั้นตอนแล้ว ศาลฎีกาฯ จะต้องมีการประชุมเพื่อคัดเลือกองค์คณะให้ได้ 9 คน ก่อน ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ นั้นองค์คณะผู้พิพากษา คงจะเป็นผู้พิจารณากำหนดเอง
เมื่อถามว่า ได้รับการประสานจาก ป.ป.ช. หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ให้มาตามนัดในวันนี้หรือไม่ รองโฆษกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประสานมาจากทั้ง ป.ป.ช. และทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่อย่างใด
**ผบ.ทอ. เชื่อสถานการณ์เรียบร้อย
พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ในวันที่ 19 ก.พ. ที่อัยการสูงสุดเตรียมส่งฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ไม่น่าจะมีอะไร คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย การดูแลความปลอดภัยกลุ่มต่างๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว ก็คงไม่มี เพราะทุกฝ่ายคงเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อยและต้องเดินหน้า
"ขอร้องทุกคนว่าให้ทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะหากไม่สามารถเดินหน้าตามโรดแมปได้ ทุกคนก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบันเราต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งปัญหาต่างๆ ก็มีความยากอยู่ ถ้าภายในชาติมีความเข้มแข็ง ก็คิดว่าจะสามารถช่วยประเทศชาติขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน" ผบ.ทอ. กล่าว
***ชัดเจน"ปู"ไม่ไปรายงานตัว
รายงานข่าวจากคณะทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แจ้งว่า กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อนำตัวส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล่าสุดจากการหารือกันของทีมทนายและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ข้อสรุปว่า อดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่เดินทางไปรายงานตัว ที่ อสส. ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อรูปคดี เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่า ต้องไป เพราะในวันดังกล่าว เป็นเพียงวันนำตัวไปส่งฟ้อง กฎหมายไม่ได้ระบุว่า ต้องเดินทางไปรายงานตัว