00 แม้ว่าในเวลานี้เครือข่ายของ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพยายามสร้างกระแสบิดเบือนกันอย่างเต็มกำลัง ว่าคดีต่างๆ ที่ประดังเข้าหาพวกเขา โดยเฉพาะผลจากโครงการรับจำนำข้าว ที่โดนถอดถอน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี กำลังจะถูกฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ซึ่ง "เสี่ยงคุก" สูงมาก และจะตามมาด้วยการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง โดยกระทรวงการคลัง ที่เบื้องต้นไม่น่าจะต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท ตามตัวเลขการประเมินความเสียหายก่อนหน้านี้ ของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ และคาดว่าคณะบุคคลที่ต้องโดนด้วย นอกจาก อดีตนายกฯ คนสวยแล้ว ยังต้องมี อดีต รมว.พาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล รวมทั้งข้าราชการกระทรวงพาณิชย์อีกบางคนที่เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณี "ต้มหมู" ขายข้าวจีทูจี
00 คนพวกนี้บอกว่าตัวเองถูกลั่นแกล้ง ถูกไล่บี้ทางการเมือง แต่คำถามก็คือ โครงการรับจำนำข้าว (ซื้อข้าวทุกเมล็ดแบบซื้อแพงขายถูกหรือขายไม่ได้) มันเกิดความเสียหายมหาศาล รู้กันล่วงหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเงินที่ใช้ มันไม่เงินของครอบครัวชินวัตร แต่มันเป็นเงินหลวง เอามาซื้อความนิยมที่ไม่ต้องลงทุนสักบาท มีคนเตือน คนค้านกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ไม่ฟัง มิหนำซื้อยังสร้างวาทกรรมว่า "พวกขัดขวางความรวยของชาวนา" เสียอีก ยังโชคดีที่เกิดปัญหาสะดุดเสียก่อน หวังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กะมาหมุนไปก่อนสองสามฤดูกาล แต่เมื่อศาลวินิจฉัยว่าทำไม่ได้ ผิดกม. ทุกอย่างเลยต้องเจ๊งไม่เป็นท่า แต่กลายเป็นว่า คนไทย (ที่เสียภาษี) ต้องตามใช้หนี้ไปอีก 30-40 ปี ตามที่ รมว.คลัง สมหมาย ภาษี เคยนิยามไว้ว่า ต้องใช้หนี้ไป "ชั่วลูกชั่วหลาน"
00 แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องการกลั่นแกล้ง หรือรังแกกันทางการเมืองแน่นอน แต่มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ และทางที่ดีที่สุดคือ ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาลนั่นแหละ แม้ว่าอาจจะกล่าวหาโยกโย้กันว่าอยู่ใน "บรรยากาศเผด็จการ" แต่มั่นใจได้ว่าระบบศาลยุติธรรม ยังเป็นอิสระ เชื่อถือได้แน่นอน และมั่นใจได้ว่า คสช. และรัฐบาล หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือใครที่ว่าใหญ่แค่ไหนก็คงไม่กล้าแทรกแซง เพราะด้วยระบบการสื่อสารยุคใหม่ที่เกาะติดกันทุกฝีก้าว ใครทำอะไรที่ไหน มันไม่มีทางปิดบังกันได้หรอก !!
00 แน่นอนว่า การเดินสายไปเยี่ยมบ้านเกิดในเชียงใหม่ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เหมือนกับการไปแสวงหากำลังใจ เพื่อปลอบใจตัวเองนั่นแหละ ก่อนที่จะถึงวันส่งฟ้อง หลังจากที่พยายามขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศแล้วไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะ"ไก่ตื่น" จากบทเรียนที่ ทักษิณ ชินวัตร ก่อเอาไว้เมื่อครั้งที่ให้ "ทหารถั่งเช่า" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ หนุนให้เป็นประธานโอลิมปิก เชิญและรับรองให้ไปดูโอลิมปิกที่ปักกิ่ง แล้วหนีศาลมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าจะโทษว่าทำไมถึงออกไปไม่ได้ ก็ต้องโทษพี่ชายตัวดีนั่นแหละ !!
00 มีความพยายามพูดออกมาจากปากของบรรดาลิ่วล้อ ยุให้ "นายหญิง" ติดคุก อ้างว่าจะได้คะแนนสงสาร สร้างภาพนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คล้ายๆ "อองซานซูจี" อะไรนั่น พูดก็พูดได้ แต่ถามเจ้าตัวแล้วหรือยัง ว่าพร้อมจะติดคุกหรือเปล่า คุกนะครับ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า และที่สำคัญคดีที่ถูกฟ้องมันเป็นคดีอาญา และแพ่ง เป็นเรื่องทุจริต ไม่ใช่เรื่องการ เมือง ก็ลองติดตามกันต่อไปว่าจะกล้าเดิมพันแบบนั้นหรือเปล่า และนอกจากนี้ เมื่อถูกฟ้อง ถูกถอดถอน ถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แล้ว นั่นย่อมหมายถึง"คุณสมบัติต้องห้าม" ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะออกมาตามโรดแมป รธน.ชั่วคราว ม.35 (4) ห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต นี่แหละถึงบอกว่า มันไม่ใช่มีแค่คุกให้ลุ้นอย่างเดียว ยังตามมาเป็นพรวน ดังนั้นต้องถามอีกทีว่า จะกล้าเสี่ยงหรือ !!
00 คนพวกนี้บอกว่าตัวเองถูกลั่นแกล้ง ถูกไล่บี้ทางการเมือง แต่คำถามก็คือ โครงการรับจำนำข้าว (ซื้อข้าวทุกเมล็ดแบบซื้อแพงขายถูกหรือขายไม่ได้) มันเกิดความเสียหายมหาศาล รู้กันล่วงหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเงินที่ใช้ มันไม่เงินของครอบครัวชินวัตร แต่มันเป็นเงินหลวง เอามาซื้อความนิยมที่ไม่ต้องลงทุนสักบาท มีคนเตือน คนค้านกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ไม่ฟัง มิหนำซื้อยังสร้างวาทกรรมว่า "พวกขัดขวางความรวยของชาวนา" เสียอีก ยังโชคดีที่เกิดปัญหาสะดุดเสียก่อน หวังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กะมาหมุนไปก่อนสองสามฤดูกาล แต่เมื่อศาลวินิจฉัยว่าทำไม่ได้ ผิดกม. ทุกอย่างเลยต้องเจ๊งไม่เป็นท่า แต่กลายเป็นว่า คนไทย (ที่เสียภาษี) ต้องตามใช้หนี้ไปอีก 30-40 ปี ตามที่ รมว.คลัง สมหมาย ภาษี เคยนิยามไว้ว่า ต้องใช้หนี้ไป "ชั่วลูกชั่วหลาน"
00 แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องการกลั่นแกล้ง หรือรังแกกันทางการเมืองแน่นอน แต่มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ และทางที่ดีที่สุดคือ ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาลนั่นแหละ แม้ว่าอาจจะกล่าวหาโยกโย้กันว่าอยู่ใน "บรรยากาศเผด็จการ" แต่มั่นใจได้ว่าระบบศาลยุติธรรม ยังเป็นอิสระ เชื่อถือได้แน่นอน และมั่นใจได้ว่า คสช. และรัฐบาล หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือใครที่ว่าใหญ่แค่ไหนก็คงไม่กล้าแทรกแซง เพราะด้วยระบบการสื่อสารยุคใหม่ที่เกาะติดกันทุกฝีก้าว ใครทำอะไรที่ไหน มันไม่มีทางปิดบังกันได้หรอก !!
00 แน่นอนว่า การเดินสายไปเยี่ยมบ้านเกิดในเชียงใหม่ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เหมือนกับการไปแสวงหากำลังใจ เพื่อปลอบใจตัวเองนั่นแหละ ก่อนที่จะถึงวันส่งฟ้อง หลังจากที่พยายามขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศแล้วไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะ"ไก่ตื่น" จากบทเรียนที่ ทักษิณ ชินวัตร ก่อเอาไว้เมื่อครั้งที่ให้ "ทหารถั่งเช่า" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ หนุนให้เป็นประธานโอลิมปิก เชิญและรับรองให้ไปดูโอลิมปิกที่ปักกิ่ง แล้วหนีศาลมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าจะโทษว่าทำไมถึงออกไปไม่ได้ ก็ต้องโทษพี่ชายตัวดีนั่นแหละ !!
00 มีความพยายามพูดออกมาจากปากของบรรดาลิ่วล้อ ยุให้ "นายหญิง" ติดคุก อ้างว่าจะได้คะแนนสงสาร สร้างภาพนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คล้ายๆ "อองซานซูจี" อะไรนั่น พูดก็พูดได้ แต่ถามเจ้าตัวแล้วหรือยัง ว่าพร้อมจะติดคุกหรือเปล่า คุกนะครับ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า และที่สำคัญคดีที่ถูกฟ้องมันเป็นคดีอาญา และแพ่ง เป็นเรื่องทุจริต ไม่ใช่เรื่องการ เมือง ก็ลองติดตามกันต่อไปว่าจะกล้าเดิมพันแบบนั้นหรือเปล่า และนอกจากนี้ เมื่อถูกฟ้อง ถูกถอดถอน ถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แล้ว นั่นย่อมหมายถึง"คุณสมบัติต้องห้าม" ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ที่จะออกมาตามโรดแมป รธน.ชั่วคราว ม.35 (4) ห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต นี่แหละถึงบอกว่า มันไม่ใช่มีแค่คุกให้ลุ้นอย่างเดียว ยังตามมาเป็นพรวน ดังนั้นต้องถามอีกทีว่า จะกล้าเสี่ยงหรือ !!
