นายกฯเผยตัวเลขประมูลข้าวค้างสต๊อกอยู่ในมือแล้ว 9 แสนกว่าตัน สั่งพาณิชย์ เช็กประวัติบริษัทเข้าร่วมประมูล หากพบว่าเป็น "นอมีนี" แก๊งโกงข้าว ต้องตัดทิ้ง แล้วเปิดประมูลใหม่ "วัชระ" แนะป.ป.ช. ชงศาล ยึด-อายัดทรัพย์ "บุญทรง-ปู" ระหว่างการพิจารณาคดี หวั่นยักย้าย ถ่ายโอน ขณะที่อัยการยันยื่นฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” โกงจำนำข้าว 19 ก.พ.นี้แน่นอน ด้านทนายแนะ “ปู” ไม่ต้องไปศาลฎีกาฯ นักการเมือง อ้างยังไม่เห็นหนังสือจาก ป.ป.ช. อัดคนปล่อยข่าวลี้ภัยอเมริกาเจตนาไม่ดี
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (12ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเปิดซองประมูลราคาข้าวสารขาว และข้าวสารหอมมะลิค้างสต๊อก จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า เวลานี้ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนว่ามีบริษัทไหนเป็นนอมีนีหรือไม่ หากพบว่ามีนอมีนี หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีปัญหาก็ต้องประมูลใหม่ วันนี้อย่าเพิ่งพูดเลย แต่ก็มีอยู่ ซึ่งได้มีการรายงานตัวเลขรวมทั้งบริษัทที่ร่วมประมูลมาแล้ว ตัวเลขประมาณ 9 แสนกว่าตัน สมมุติถ้าพิสูจน์แล้วไม่มีอะไร ตัวเลขก็จะอยู่ที่ประมาณ 9 แสนกว่าตัน แต่ถ้าพิสูจน์แล้วมีบางบริษัทที่ไปเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีปัญหาอยู่หรือเปล่า ก็ประมาณ 3-4 แสนตัน ก็ยกเลิก ก็เท่ากับว่าขายได้ 5 แสนตัน ก็เท่านั้นเอง ให้มันถูกต้อง แล้วกันจะได้ไม่มีปัญหาในวันหลัง
จี้ยึด-อายัดทรัพย์ "ปู-แก๊งบุญทรง"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาฐานทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวต่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวก และจะส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ตนขอแนะให้ ป.ป.ช.ทำเรื่องยื่นขอให้ศาลยึดหรืออายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อน ที่จะมีคำพิพากษา เพื่อป้องกันการยักย้าย ถ่ายโอนทรัพย์สินหลบหนี โดยต้องรวบรวมรายการทรัพย์สินที่ได้แจ้งต่อป.ป.ช. ขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าว มิฉะนั้นคนทำผิดและผู้ร่วมขบวนการจะผลักภาระหนี้สิน และความเสียหาให้ประชาชนชดใช้แทน ผ่านการจัดเก็บภาษีในแต่ละปีงบประมาณ ซึ่งต้องเสนอยึด อายัดทรัพย์ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นเดียวกัน
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการขอลี้ภัยทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของสังคม เพราะวันนี้อยู่ในภาวการณ์น้ำลดตอผุด หลายเรื่องที่ถูกซุกไว้ ก็ถูกเปิดเผยออกมา บรรดาองค์รักษ์พิทักษ์ปู ก็ต้องออกแรงทำงานมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้าตานายใหญ่ คนเหล่านี้ได้มีอยู่ มีกิน มีใช้จากตระกูลชินวัตร ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา จึงเป็นพวกทาสที่ปลดปล่อยแล้วไม่ไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปทำมาหากินอะไร แม้คสช.เรียกไปปรับทัศนคติตามหลักรัฐศาสตร์ แต่คนพวกนี้ก็ยังแสดงละครลิงหลอกเจ้า เวลาจะพิสูจน์ว่า ลิ่วล้อแต่ละคนทำเพื่อชาติ หรือเพื่อตระกูลชินวัตร
"ไฟไหม้"สยามอินดิก้า"เอี่ยวจำนำข้าว
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ร.ต.ท.สมนึก สมสวย ร้อยเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงงานบรรจุข้าว บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เลขที่ 162/ข หมู่ 6 ต.บางปลากด จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลตำบลป่าโมก 4 คันไปที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังไหม้สายพานที่ใช้ลำเลียงข้าว เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
สอบถาม นายสมรักษ์ บุญเหลือ คนงาน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุคนงานทำงานตามปกติ ส่วนตนขับรถขนข้าวเพื่อรอรับข้าว จู่ๆก็ได้ยินเสียงระเบิด และมีลูกไฟพุ่งออกจากบริเวณสายพานที่ใช้ลำเลียงข้าว จากนั้นลูกไฟวิ่งไปตามสายพานอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ตนหลบทันและรีบวิ่งหนีออกมาจ ากนั้นจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบพบว่าจุดที่เกิดไฟไหม้อยู่บริเวณสายพานลำเลียง 2 จุด คาดว่าน่าจะเกิดจากการเสียดสีของสายพานจนร้อนและเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น เนื่องจากเปิดใช้งานตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 1 ล้านบาท
นอมินีสยามอินดิก้าทำธุรกิจขนถ่ายสินค้า
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า บริษัทที่มีข่าวว่าเป็นนอมินีของบริษัท สยามอินดิก้า ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี 4 ฉบับนั้น เป็นบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนถ่ายสินค้าท่าเรือให้กับบริษัท สยามอินดิก้า เพื่อใช้ในการขนข้าวทางเรือ โดยบริษัทดังกล่าวไม่เคยมีประวัติในการส่งออกข้าว ส่วนจะมีการจะตัดสิทธิ์บริษัทดังกล่าวหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ที่จะพิจารณา
ทั้งนี้ ภาคเอกชนมองว่า หากจะตัดสิทธิ์บริษัทนี้เพียงบริษัทเดียว และอนุมัติให้บริษัทอื่นชนะการประมูลข้าว อาจทำให้กระทรวงพาณิชย์ถูกฟ้องร้องได้ เพราะตามหลักเกณฑ์ของทีโออาร์ในการเปิดประมูลข้าว ไม่ได้กำหนดว่าบริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวจะต้องมีประวัติส่งออก แต่หากกระทรวงพาณิชย์จะล้มประมูลข้าวล็อตดังกล่าวทั้งหมด แล้วเปิดประมูลแบบยกคลังใหม่ เชื่อว่าภาคเอกชนที่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ คงไม่มีรายใดขัดข้อง และอยากเสนอให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดเงื่อนไขในทีโออาร์ใหม่ เพื่อป้องกันนอมินี เช่น อาจกำหนดเงื่อนไขผู้เข้าร่วมประมูลต้องมีประวัติการค้าข้าว หรือเคยส่งออกข้าวมาก่อน เป็นต้น
เผยข้อมูลที่ตั้งที่เดียวกัน
รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา แจ้งว่า บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ยื่นประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลแบบยกคลังปริมาณ 9.99 แสนตันที่เปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาไปเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ตั้งของบริษัทตั้งอยู่ที่อาคารเลขที่ 48/7-8 (ชั้น 1, 4, 5) ซอยรัชดาภิเษก 20 แม้จะคนละชั้นกับบริษัท สยามอินดิก้า ที่เคยตั้งสำนักงานอยู่ที่ชั้น 2 แต่ก็เป็นตึกเดียวกัน คือ อาคาร 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก เหมือนกัน และที่ต้องจับตา คือ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ มีชื่อ สุดา คุณจักร ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงเดือนธ.ค. 2552 ถึงเดือนมี.ค. 2554 ก่อนถอนหุ้นออกไป
ปลัดพาณิชย์เคยสั่งการให้ดูแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เคยให้ข่าวไว้ว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ โดยให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวในความเห็นส่วนตัวต้องพิจารณาว่านอมินีดูจากหลักฐานใดบ้าง โดยคงไม่ได้ดูแค่ที่ตั้งสำนักงานเดียวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลงไปตรวจสอบรายชื่อกรรมการผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ซึ่งหากเป็นการเจตนาที่ไม่สุจริต ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ด้วย
อัยการฟันธงฟ้อง “ปู” โกงข้าว 19 ก.พ.นี้
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (12 ก.พ.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ทบทวนการสั่งฟ้องและขอให้สอบสวนเพิ่มเติมข้อไม่สมบูรณ์ใน 3 ประเด็น โดยมีนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นผู้รับหนังสือแทน
นายนรวิชญ์กล่าวโดยได้ระบุไว้ในหนังสือขอความเป็น 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ต้องการให้ทบทวนการสั่งฟ้อง 2. อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์รวม 3 ประเด็น อาทิ คดีนี้ไม่มีหลักฐานทุจริต มีเพียงปกรายงาน TDRI ให้สั่งสอบว่ามีการทุจริตในขั้นตอนใด ซึ่งการสอบสวนยังเสร็จสิ้น
เมื่อถามว่า วันที่ 19 ก.พ.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปรายงานตัวต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือจากทาง ป.ป.ช.ส่งมา จึงไม่ทราบว่าหนังสือดังกล่าวจะเป็นการแจ้งให้ทราบ หรือให้ไปรายงานตัว โดยอ้างอิงข้อกฎหมายใดอย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการสอบถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะเดินทางไปรายงานตัวหรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เพิ่งปรากฏเป็นข่าว และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังติดภารกิจที่เชียงใหม่
ด้านนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะคณะทำงานฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการส่งสำนวนฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่เดินทางมาตามที่ ป.ป.ช.ส่งหนังสือนัดก็ตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในวันนั้นทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการขอเลื่อนนัด ทางอัยการจะพิจารณาอย่างไร นายกิตินันท์กล่าวว่า หากมีการขอเลื่อนทางคณะทำงานจะประชุมในวันนั้นทันที เมื่อถามต่อว่า ทาง คสช.ระบุว่าอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเห็นควรไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ นายกิตินันท์กล่าวยอมรับว่า หนังสือนั้นออกจากทางอัยการสูงสุดจริง แต่ทาง คสช.ได้หารือมาทางสำนักงานอัยการสูงสุดว่าควรให้เดินทางออกไปต่างประเทศหรือไม่ ก่อนที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะทำหนังสือตอบกลับยัง คสช.ดังกล่าว
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (12ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการเปิดซองประมูลราคาข้าวสารขาว และข้าวสารหอมมะลิค้างสต๊อก จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า เวลานี้ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนว่ามีบริษัทไหนเป็นนอมีนีหรือไม่ หากพบว่ามีนอมีนี หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีปัญหาก็ต้องประมูลใหม่ วันนี้อย่าเพิ่งพูดเลย แต่ก็มีอยู่ ซึ่งได้มีการรายงานตัวเลขรวมทั้งบริษัทที่ร่วมประมูลมาแล้ว ตัวเลขประมาณ 9 แสนกว่าตัน สมมุติถ้าพิสูจน์แล้วไม่มีอะไร ตัวเลขก็จะอยู่ที่ประมาณ 9 แสนกว่าตัน แต่ถ้าพิสูจน์แล้วมีบางบริษัทที่ไปเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีปัญหาอยู่หรือเปล่า ก็ประมาณ 3-4 แสนตัน ก็ยกเลิก ก็เท่ากับว่าขายได้ 5 แสนตัน ก็เท่านั้นเอง ให้มันถูกต้อง แล้วกันจะได้ไม่มีปัญหาในวันหลัง
จี้ยึด-อายัดทรัพย์ "ปู-แก๊งบุญทรง"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาฐานทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวต่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวก และจะส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ตนขอแนะให้ ป.ป.ช.ทำเรื่องยื่นขอให้ศาลยึดหรืออายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อน ที่จะมีคำพิพากษา เพื่อป้องกันการยักย้าย ถ่ายโอนทรัพย์สินหลบหนี โดยต้องรวบรวมรายการทรัพย์สินที่ได้แจ้งต่อป.ป.ช. ขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าว มิฉะนั้นคนทำผิดและผู้ร่วมขบวนการจะผลักภาระหนี้สิน และความเสียหาให้ประชาชนชดใช้แทน ผ่านการจัดเก็บภาษีในแต่ละปีงบประมาณ ซึ่งต้องเสนอยึด อายัดทรัพย์ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นเดียวกัน
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการขอลี้ภัยทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของสังคม เพราะวันนี้อยู่ในภาวการณ์น้ำลดตอผุด หลายเรื่องที่ถูกซุกไว้ ก็ถูกเปิดเผยออกมา บรรดาองค์รักษ์พิทักษ์ปู ก็ต้องออกแรงทำงานมากเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้าตานายใหญ่ คนเหล่านี้ได้มีอยู่ มีกิน มีใช้จากตระกูลชินวัตร ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา จึงเป็นพวกทาสที่ปลดปล่อยแล้วไม่ไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปทำมาหากินอะไร แม้คสช.เรียกไปปรับทัศนคติตามหลักรัฐศาสตร์ แต่คนพวกนี้ก็ยังแสดงละครลิงหลอกเจ้า เวลาจะพิสูจน์ว่า ลิ่วล้อแต่ละคนทำเพื่อชาติ หรือเพื่อตระกูลชินวัตร
"ไฟไหม้"สยามอินดิก้า"เอี่ยวจำนำข้าว
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ร.ต.ท.สมนึก สมสวย ร้อยเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงงานบรรจุข้าว บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เลขที่ 162/ข หมู่ 6 ต.บางปลากด จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลตำบลป่าโมก 4 คันไปที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังไหม้สายพานที่ใช้ลำเลียงข้าว เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
สอบถาม นายสมรักษ์ บุญเหลือ คนงาน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุคนงานทำงานตามปกติ ส่วนตนขับรถขนข้าวเพื่อรอรับข้าว จู่ๆก็ได้ยินเสียงระเบิด และมีลูกไฟพุ่งออกจากบริเวณสายพานที่ใช้ลำเลียงข้าว จากนั้นลูกไฟวิ่งไปตามสายพานอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ตนหลบทันและรีบวิ่งหนีออกมาจ ากนั้นจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบพบว่าจุดที่เกิดไฟไหม้อยู่บริเวณสายพานลำเลียง 2 จุด คาดว่าน่าจะเกิดจากการเสียดสีของสายพานจนร้อนและเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น เนื่องจากเปิดใช้งานตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 1 ล้านบาท
นอมินีสยามอินดิก้าทำธุรกิจขนถ่ายสินค้า
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า บริษัทที่มีข่าวว่าเป็นนอมินีของบริษัท สยามอินดิก้า ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี 4 ฉบับนั้น เป็นบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนถ่ายสินค้าท่าเรือให้กับบริษัท สยามอินดิก้า เพื่อใช้ในการขนข้าวทางเรือ โดยบริษัทดังกล่าวไม่เคยมีประวัติในการส่งออกข้าว ส่วนจะมีการจะตัดสิทธิ์บริษัทดังกล่าวหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ที่จะพิจารณา
ทั้งนี้ ภาคเอกชนมองว่า หากจะตัดสิทธิ์บริษัทนี้เพียงบริษัทเดียว และอนุมัติให้บริษัทอื่นชนะการประมูลข้าว อาจทำให้กระทรวงพาณิชย์ถูกฟ้องร้องได้ เพราะตามหลักเกณฑ์ของทีโออาร์ในการเปิดประมูลข้าว ไม่ได้กำหนดว่าบริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวจะต้องมีประวัติส่งออก แต่หากกระทรวงพาณิชย์จะล้มประมูลข้าวล็อตดังกล่าวทั้งหมด แล้วเปิดประมูลแบบยกคลังใหม่ เชื่อว่าภาคเอกชนที่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ คงไม่มีรายใดขัดข้อง และอยากเสนอให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดเงื่อนไขในทีโออาร์ใหม่ เพื่อป้องกันนอมินี เช่น อาจกำหนดเงื่อนไขผู้เข้าร่วมประมูลต้องมีประวัติการค้าข้าว หรือเคยส่งออกข้าวมาก่อน เป็นต้น
เผยข้อมูลที่ตั้งที่เดียวกัน
รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา แจ้งว่า บริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ยื่นประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลแบบยกคลังปริมาณ 9.99 แสนตันที่เปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาไปเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ตั้งของบริษัทตั้งอยู่ที่อาคารเลขที่ 48/7-8 (ชั้น 1, 4, 5) ซอยรัชดาภิเษก 20 แม้จะคนละชั้นกับบริษัท สยามอินดิก้า ที่เคยตั้งสำนักงานอยู่ที่ชั้น 2 แต่ก็เป็นตึกเดียวกัน คือ อาคาร 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก เหมือนกัน และที่ต้องจับตา คือ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท เอ็มไพร์ดีเวลลอปเม้นท์ มีชื่อ สุดา คุณจักร ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงเดือนธ.ค. 2552 ถึงเดือนมี.ค. 2554 ก่อนถอนหุ้นออกไป
ปลัดพาณิชย์เคยสั่งการให้ดูแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เคยให้ข่าวไว้ว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ โดยให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบรายละเอียดอยู่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวในความเห็นส่วนตัวต้องพิจารณาว่านอมินีดูจากหลักฐานใดบ้าง โดยคงไม่ได้ดูแค่ที่ตั้งสำนักงานเดียวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลงไปตรวจสอบรายชื่อกรรมการผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ซึ่งหากเป็นการเจตนาที่ไม่สุจริต ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ด้วย
อัยการฟันธงฟ้อง “ปู” โกงข้าว 19 ก.พ.นี้
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (12 ก.พ.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ทบทวนการสั่งฟ้องและขอให้สอบสวนเพิ่มเติมข้อไม่สมบูรณ์ใน 3 ประเด็น โดยมีนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นผู้รับหนังสือแทน
นายนรวิชญ์กล่าวโดยได้ระบุไว้ในหนังสือขอความเป็น 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ต้องการให้ทบทวนการสั่งฟ้อง 2. อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์รวม 3 ประเด็น อาทิ คดีนี้ไม่มีหลักฐานทุจริต มีเพียงปกรายงาน TDRI ให้สั่งสอบว่ามีการทุจริตในขั้นตอนใด ซึ่งการสอบสวนยังเสร็จสิ้น
เมื่อถามว่า วันที่ 19 ก.พ.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปรายงานตัวต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือจากทาง ป.ป.ช.ส่งมา จึงไม่ทราบว่าหนังสือดังกล่าวจะเป็นการแจ้งให้ทราบ หรือให้ไปรายงานตัว โดยอ้างอิงข้อกฎหมายใดอย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการสอบถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะเดินทางไปรายงานตัวหรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เพิ่งปรากฏเป็นข่าว และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังติดภารกิจที่เชียงใหม่
ด้านนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะคณะทำงานฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการส่งสำนวนฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่เดินทางมาตามที่ ป.ป.ช.ส่งหนังสือนัดก็ตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในวันนั้นทีมทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการขอเลื่อนนัด ทางอัยการจะพิจารณาอย่างไร นายกิตินันท์กล่าวว่า หากมีการขอเลื่อนทางคณะทำงานจะประชุมในวันนั้นทันที เมื่อถามต่อว่า ทาง คสช.ระบุว่าอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเห็นควรไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ นายกิตินันท์กล่าวยอมรับว่า หนังสือนั้นออกจากทางอัยการสูงสุดจริง แต่ทาง คสช.ได้หารือมาทางสำนักงานอัยการสูงสุดว่าควรให้เดินทางออกไปต่างประเทศหรือไม่ ก่อนที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะทำหนังสือตอบกลับยัง คสช.ดังกล่าว