วานนี้ (9ก.พ.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อขอยื่นแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวกับการอนุวัฒน์กฎหมาย ตามเงื่อนไของค์การอนุสัญญาของสหประชาชาติ เนื่องจากในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก จึงต้องมีการแก้กฎหมายให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน และในฐานะที่เราเป็นรัฐภาคี ก็จะต้องมีการถูกประเมินว่า เราได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของอนุสัญญาหรือไม่ ซึ่งทาง ป.ป.ช.ได้เชิญทูตเนปาลประจำประเทศไทย ในฐานะประเทศที่ทำหน้าที่ในการประเมิน มาพบประธานสนช.ด้วย เพื่อยืนยันว่าเราได้ให้ความสำคัญกับการอนุวัฒน์ตามเงื่อนไขของสหประชาชาติ ซึ่งนายพรเพชร ก็ได้รับไว้ เนื่องจากเห็นว่า การอนุวัฒน์กฎหมายเรื่องแก้ไขอนุสัญญาสหประชาชาติของ ป.ป.ช.นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งรับปากว่า จะรีบดำเนินการเพื่อเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของ สนช.ต่อไป
อย่างไรตาม หากกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณา ก็จะแสดงให้เห็นว่า เราให้ความสำคัญในเรื่องการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชันในระดับสากลด้วย
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของสำนวนถอดถอน 269 ส.ส. จากกรณีแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ว่า ขณะนี้ความคืบหน้าของสำนวนในส่วนของพยานหลักฐานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว อยู่ที่ฝ่ายธุรการ ว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อไร แต่เข้าใจว่าคงไม่ทันในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จและส่งมายัง สนช. พิจารณาภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยในคดีดังกล่าวนี้ ทาง ป.ป.ช. จะสั่งฟ้องคดีอาญากับ 5 อดีต ส.ส. ที่เสียบบัตรแทนกันด้วย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุมปี 2551 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ขณะนี้ศาลฎีกา มีคำสั่งรับฟ้องคดีนายสมชายแล้ว และจะเริ่มพิจารณาคดีในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยกระบวนการฟ้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ ป.ป.ช. มีสิทธิฟ้องร้องได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ยืนยันว่า ไม่มีประเด็นทางการเมืองแอบแฝง และเชื่อว่าการฟ้องคดี จะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง
อย่างไรตาม หากกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณา ก็จะแสดงให้เห็นว่า เราให้ความสำคัญในเรื่องการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชันในระดับสากลด้วย
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของสำนวนถอดถอน 269 ส.ส. จากกรณีแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. ว่า ขณะนี้ความคืบหน้าของสำนวนในส่วนของพยานหลักฐานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว อยู่ที่ฝ่ายธุรการ ว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อไร แต่เข้าใจว่าคงไม่ทันในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จและส่งมายัง สนช. พิจารณาภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยในคดีดังกล่าวนี้ ทาง ป.ป.ช. จะสั่งฟ้องคดีอาญากับ 5 อดีต ส.ส. ที่เสียบบัตรแทนกันด้วย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งสลายการชุมนุมปี 2551 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ขณะนี้ศาลฎีกา มีคำสั่งรับฟ้องคดีนายสมชายแล้ว และจะเริ่มพิจารณาคดีในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยกระบวนการฟ้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ ป.ป.ช. มีสิทธิฟ้องร้องได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ยืนยันว่า ไม่มีประเด็นทางการเมืองแอบแฝง และเชื่อว่าการฟ้องคดี จะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง
