xs
xsm
sm
md
lg

ประยุทธ์อ้อนญี่ปุ่นลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน-ทวาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 08.00 น. ที่โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายยะสุฮิสะ ชิโอะซะคิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น นำกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาไทย-ญี่ปุ่น พรรคเสรีประชาธิปไตย เข้าพบหารือระหว่างอาหารเช้า กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่น ที่มีความใกล้ชิด ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน และยินดีที่ฝ่ายการเมืองของไทย และญี่ปุ่น มีการทำงานและแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ และยินดีร่วมกันทำงานเพื่อให้มีความร่วมมือใกล้ชิดยิ่งขึ้นไป
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความขอบคุณญี่ปุ่น ที่มีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และยังคงลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทย จะประสบปัญหาทั้งด้านอุทกภัย และสถานการณ์การเมือง โดยรัฐบาลยึดแนวบริหารประเทศด้วยความโปร่งใส ควบคู่ไปกับการปฏิรูป เพื่อให้ไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง เดินหน้าปฏิรูปตามโรดมแมป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 และเตรียมการเลือกตั้งตามแนวประชาธิปไตยให้มีผลยั่งยืน ซึ่งกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาไทย-ญี่ปุ่น แสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองไทย และยินดีสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการปฏิรูปประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนให้ญี่ปุ่นร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่ง ความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมทั้งเชิญให้กลุ่มมิตรภาพรัฐสภาฯ ซึ่งถือเป็นมิตรสำคัญของไทย เดินทางเยือนไทย เพื่อมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ประเทศไทย ได้เรียนรู้จากแนวปฏิบัติที่ดีของรัฐสภาญี่ปุ่นต่อไป
ต่อมาเวลา 09.00 น. นาย Hiroyuki Ishige ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี โดยประธานเจโทร กล่าวว่า ปัจจุบันการปฏิรูปเศรษฐกิจถือเป็นวาระสำคัญของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นต้องเรียนรู้จากประเทศไทย ทั้งนี้ เจโทรเป็นองค์กรสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีสำนักงานทั่วโลก ซึ่งเจโทรได้จัดตั้งสำนักงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย
ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญแก่เจโทร และการลงทุนของญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นประเทศที่ลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 โดยในการเยือนครั้งนี้ทั้งสองฝ่าย จะมีการลงนาม MOC ส่งเสริมการลงทุนของธุรกิจไทยในญี่ปุ่นระหว่างเจโทร และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก พร้อมหวังให้เจโทร เร่งรัดการฝึกอบรมความรู้ในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ และการจัดตั้งสถาบันวิจัยในไทย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ต้องการให้ญี่ปุ่นเพิ่มเติมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ หรือ IHQ (International headquarters) ในประเทศไทยด้วย
ด้านประธานเจโทร ยืนยันจะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย พร้อมฝากนายกรัฐมนตรีให้พิจารณากรณีอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น ประสบอุปสรรคด้านการลงทุนในไทย เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดด้วย
จากนั้น เวลา 09.20 น. นายเทซุเกะ คิตะยะมะ ประธานธนาคาร Sumitomo Mitsui Banking Corporation นำผู้บริหารธนาคารเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยจะประสบปัญหาอุทกภัย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง แต่นักลงทุนยังคงลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนของ SMEs ญี่ปุ่นที่เพิ่มมูลค่าขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ก็มีโครงการลงทุนในไทยด้านพลังงานด้วย และหวังว่าญี่ปุ่นจะมองไทยเป็นศูนย์กลางทางการลงทุนในอาเซียน ขอยืนยันว่า ไทยพร้อมดูแลนักลงทุนญี่ปุ่น หากนักลงทุนญี่ปุ่นมี ปัญหาติดขัดประการใด สามารถประสานผ่านช่องทางต่างๆได้ รัฐบาลยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ประเทศไทย ประสบปัญหาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จึงอยากให้ธนาคาร Sumitomo ให้ความสำคัญในประเด็นนี้ โดยนายเทซุเกะฯ ยินดีจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา และจะขอรับคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้น นายเทซุเกะ ในฐานะประธานและคณะกรรมการ Japan-Thailand Business Forum (JTBF) และ Japan-Thailand Association (JTA) นำอีกคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวว่า JTA และ JTBF คือกลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเร็วๆนี้ จะมีสมาชิกเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ BOI ททท. และธนาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจให้มั่นคงควบคู่กับการเมือง โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่ง และการสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไทยและญี่ปุ่นสามารถมีความร่วมมือกันได้อีกมาก นอกจากนี้ไทยยังมีโครงการร่วมกับญี่ปุ่นและเมียนมาร์ ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย จึงขอให้ภาคเอกชนญี่ปุ่น ช่วยสนับสนุนและผลักดันโครงการด้วย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในไทยอย่างดีที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น