“เรือแป๊ะ” ยังอยู่ในห้วงมหานทีหลังจากพาผู้โดยสารเดินทางสู่เป้าหมายซึ่งยังไม่มีใครรู้ชัดว่าจะเป็นอย่างไร แม้แต่ “แป๊ะ” เองก็ยังไม่ได้สร้างความมั่นใจให้คนโดยสารได้เห็นว่าจะพาเรือไปตลอดรอดฝั่งเมื่อสถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจ ปั่นป่วนอาจถึงขั้นแป๊ะเอาไม่อยู่
บนเรือแป๊ะนั้นคนโดยสารกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยนอนนิ่งๆ แกล้งกรนเสียงดังตั้งแต่ออกจากฝั่งเริ่มกระดุกกระดิก บ้างก็ขยับตัวส่งเสียงเอะอะโวยวายเรียกร้องเอานั่นนี่โน่น เมื่อโฉมงามที่พวกตัวเองเคารพบูชาเป็นแม่ย่านางประจำเรือโดนลดชั้นเสี่ยงต่อโทษทัณฑ์
พวกแกล้งนอนกรนออกอาการให้เห็นว่าที่ผ่านมาไม่ได้หลับสนิท เพียงแต่ดูว่าแป๊ะนั้นมีอำนาจบารมีเป็นของแท้น่าเกรงขามจริงหรือไม่ แป๊ะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ส่งเสียงดังขู่คำรามให้คนโดยสารกลัว อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิด เข่าอ่อนขายืนไม่มั่นคง
บางครั้งเรือแป๊ะโดนคลื่นลูกเล็กๆ แป๊ะออกอาการพะว้าพะวัง เอะอะโวยวาย ขาสั่นเหมือนกลัวผู้โดยสารลุกฮือจับแป๊ะโยนลงน้ำเพราะรำคาญการจู้จี้จุกจิกเรื่องเยอะ นอกจากพวกแกล้งกรนยังมีพวกนั่งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวยอมให้แป๊ะว๊ากอวดศักดาเต็มที่
พวกนี้ก็รอดูแป๊ะด้วยความใจเย็น หาข้อพิสูจน์ว่าแป๊ะเป็น “ของจริง” หรือพวกชอบลักไก่ ใช้เสียงดังเป็นอาวุธปรามคนขวัญอ่อน อ้างว่าถ้าไม่ยอมนิ่งเรืออาจล่ม ไปไม่ถึงฝั่งดินแดนประชาธิปไตยเลือกตั้ง ทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างทางความคิด นิยมใส่เสื้อคนละสี
กลุ่มแรกมีนายสั่งการอยู่โพ้นทะเล ส่งเสบียงเมื่อต้องการให้เคลื่อนไหวก่อกวนเรือแป๊ะ ยิ่งช่วงนี้นายใหญ่อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อแผนต่างๆ ไม่เป็นไปตามคาดหมาย อีกทั้งแม่ย่านางประจำเรืออาจถูกจองจำยาวนานไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ถ้าไม่รีบหนีจากเรือแป๊ะ
แป๊ะจึงหาหนทางยื้อเวลาเพื่อให้อยู่รอด นอกจากเสียงคำรามและกองกำลังรักษาความสงบประจำเรือแล้ว การใช้กฎเหล็กกำราบความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างไม่เลือกว่าใครมีพฤติกรรมดีชั่วต่อเรือแป๊ะ เพราะแป๊ะมองว่าใครใส่เสื้อสีอะไรก็ขัดหูขัดตายิ่งนัก
คนโดยสารเรือมองว่าแป๊ะจัดอยู่ในกลุ่มดื้อรั้นหัวแข็งไม่ฟังใครนอกจากพนักงานประจำเรือ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดหาน้ำมันเติมเรือแป๊ะ พวกแกล้งนอนกรนไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เพราะนายใหญ่มีผลประโยชน์ร่วมกับงานซึ่งแป๊ะเร่งผลักดันเต็มที่
พวกอยู่นิ่งได้เปิดปากเตือนแป๊ะว่าการปล่อยให้คนนอกเรือมีสิทธิในการเสาะหาน้ำมันนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเรือแป๊ะและคนโดยสารทั้งหมดแน่ๆ แม้จะตั้งวงถกเถียงกันก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ แป๊ะล้งเล้งเม้งแตกไม่ฟังเสียงท้วงติงของคณะกรรมการเรือแป๊ะด้วยซ้ำ
แป๊ะจึงมีอาการไม่มั่นใจ อ้างถึงกฎเหล็กและใช้เสียงคำรามขู่คนโดยสาร แต่ระยะหลังๆ คนบางกลุ่มเริ่มชินไม่เกรงอีกต่อไป ทั้งยังมีมือมืดแกล้งวางระเบิดลูกเล็กๆ ข่มขวัญแป๊ะ ประกาศเสียงดังว่า “อั๊วไม่กลัวลื้อ” ดูแล้วแป๊ะไม่น่าจะมีน้ำยา น้ำซีอิ๊วอะไรทั้งนั้น
แป๊ะจะทำอย่างไรเมื่อเหลียวหน้าแลหลังมีแต่ความวังเวง การไม่ยอมบอกกล่าวผู้โดยสารว่าเรือจะไปถึงฝั่งวันไหน มีผลดีผลเสียอย่างไรทำให้เกิดความสงสัยในเจตนาของแป๊ะว่ามีอะไรแฝงเร้นลับลวงพรางหรือไม่ หรือตัวแป๊ะเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
การแฝงเงื่อนงำลับลมคมในย่อมทำให้สงสัยว่าแป๊ะมีแผนคิดไม่ซื่อต่อคนโดยสาร
เรือแป๊ะจึงอยู่ในสภาพเคว้งคว้างแม้ตัวแป๊ะเองทำเป็นวุ่นในการบังคับเรือ คนโดยสารรู้สึกว่าเรือหยุดนิ่งในบางครั้งเมื่อแป๊ะต้องพยายามพาเรือให้พ้นจากหินโสโครก พวกอยู่นิ่งเริ่มสังเกตอาการออกว่า แป๊ะอาจใกล้หมดแรงแถมยังว่ายน้ำไม่เป็นอีกด้วย
การที่ไม่ฟังใคร ทั้งเสียงเตือนของกลุ่มนิ่งบนเรือว่าให้ระวังพวกแกล้งนอนกรน แป๊ะก็ยังเชื่อแบบลมๆ แล้งๆ มองโลกสวยว่ากุศลเจตนาของแป๊ะในการให้ผู้โดยสารทั้งหมดปรองดองกันนั้นจะจีรังยั่งยืน ทุกฝ่ายต้องยอมตามใจแป๊ะเพราะนั่งเรือแป๊ะ
กลุ่มยอมนิ่งบนเรือเริ่มเห็นแววแล้วว่าแป๊ะเป็นจอมลักไก่ ใช้เสียงอำพรางความปอดลอยของตัวเอง แม้จะรู้ว่าการข่มขู่บ่อยครั้งทำให้คนชิน ไม่เกรงกลัว พวกแกล้งนอนกรนจึงปฏิบัติการ “ลองของ” ท้าทายอำนาจแป๊ะเพื่อพิสูจน์ว่าแป๊ะมิได้มีลูกเล่นใหม่
แป๊ะได้แต่สั่งหน่วยอารักขาประจำเรือเรียกพวกป่วนไปปรับความคิด ประหนึ่งว่าการจูงวัวควายไปแอ่งน้ำได้นั้นยังบังคับให้มันดื่มน้ำทั้งๆ ที่ไม่กระหาย การจะเปลี่ยนใจพวกทาสน้ำเงินให้แปรความจงรักภักดีย่อมทำได้ด้วยการมอบผลประโยชน์ให้มากกว่า
แป๊ะย่อมรู้ดีว่าลูกเล่นเดิมๆ นั้นจะใช้ตบตาคนโดยสารบนเรือไม่ได้ สภาพการกินอยู่ของคนบนเรือไม่ทัดเทียมกัน มีทั้งพวกรายได้น้อย พวกมีเงิน พวกรับจ้างสู้แล้วรวยและยังมีพวกเคยจับกลุ่มขับไล่แม่ย่านางประจำเรือจนทำให้แป๊ะต้องสำแดงพลังเด้ง
แป๊ะจะทำอย่างไรโดยไม่ถูกผู้โดยสารเรือใส่เสื้อต่างสีร่วมมือจับแป๊ะโยนลงน้ำให้เป็นเหยื่อฉลาม การใช้เสียงคำรามและกฎเหล็กบ่อยครั้งไม่ทำให้คนเกรงขามอีกต่อไป การใช้อำนาจทำให้คนกลัว ต่างจากการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาโดยความดีและบารมี
เมื่อแป๊ะใช้อำนาจย่อมถูกมองว่านั่นเป็นการแสวงหาอำนาจเพิ่มเพื่อรักษาอำนาจ ต้องใช้กำลังสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง ไม่มีใครชอบถูกอำนาจกดหัวให้จำยอมรับสภาพเงื่อนไขที่ทำให้ตนเองเสียสิทธิผลประโยชน์ อำนาจจึงใช้ต้นทุนและความเสี่ยงสูง
การรักษาอำนาจไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีแต่จะถูกท้าทาย ต่างจากการสร้างศรัทธาซึ่งใช้ต้นทุนต่ำไม่ต้องใช้อำนาจสนับสนุน เพียงสร้างคุณงามความดีเพื่อประโยชน์สุขต่อส่วนรวมผู้รับประโยชน์ย่อมศรัทธาเชื่อมั่นและเป็นฐานแข็งแกร่งของผู้กระทำความดี
แป๊ะต้องเลือกว่าตัวเองควรใช้ “อำนาจ” โดยกฎเหล็กหรือสร้าง “ศรัทธา” ของผู้โดยสารเรือให้รู้ว่าอะไรเป็นคุณแก่ตนเองในบั้นปลาย เพราะจะมีแป๊ะคนใหม่มาเสมอ
บนเรือแป๊ะนั้นคนโดยสารกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยนอนนิ่งๆ แกล้งกรนเสียงดังตั้งแต่ออกจากฝั่งเริ่มกระดุกกระดิก บ้างก็ขยับตัวส่งเสียงเอะอะโวยวายเรียกร้องเอานั่นนี่โน่น เมื่อโฉมงามที่พวกตัวเองเคารพบูชาเป็นแม่ย่านางประจำเรือโดนลดชั้นเสี่ยงต่อโทษทัณฑ์
พวกแกล้งนอนกรนออกอาการให้เห็นว่าที่ผ่านมาไม่ได้หลับสนิท เพียงแต่ดูว่าแป๊ะนั้นมีอำนาจบารมีเป็นของแท้น่าเกรงขามจริงหรือไม่ แป๊ะแสดงอำนาจบาตรใหญ่ส่งเสียงดังขู่คำรามให้คนโดยสารกลัว อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิด เข่าอ่อนขายืนไม่มั่นคง
บางครั้งเรือแป๊ะโดนคลื่นลูกเล็กๆ แป๊ะออกอาการพะว้าพะวัง เอะอะโวยวาย ขาสั่นเหมือนกลัวผู้โดยสารลุกฮือจับแป๊ะโยนลงน้ำเพราะรำคาญการจู้จี้จุกจิกเรื่องเยอะ นอกจากพวกแกล้งกรนยังมีพวกนั่งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวยอมให้แป๊ะว๊ากอวดศักดาเต็มที่
พวกนี้ก็รอดูแป๊ะด้วยความใจเย็น หาข้อพิสูจน์ว่าแป๊ะเป็น “ของจริง” หรือพวกชอบลักไก่ ใช้เสียงดังเป็นอาวุธปรามคนขวัญอ่อน อ้างว่าถ้าไม่ยอมนิ่งเรืออาจล่ม ไปไม่ถึงฝั่งดินแดนประชาธิปไตยเลือกตั้ง ทั้ง 2 กลุ่มแตกต่างทางความคิด นิยมใส่เสื้อคนละสี
กลุ่มแรกมีนายสั่งการอยู่โพ้นทะเล ส่งเสบียงเมื่อต้องการให้เคลื่อนไหวก่อกวนเรือแป๊ะ ยิ่งช่วงนี้นายใหญ่อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อแผนต่างๆ ไม่เป็นไปตามคาดหมาย อีกทั้งแม่ย่านางประจำเรืออาจถูกจองจำยาวนานไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ถ้าไม่รีบหนีจากเรือแป๊ะ
แป๊ะจึงหาหนทางยื้อเวลาเพื่อให้อยู่รอด นอกจากเสียงคำรามและกองกำลังรักษาความสงบประจำเรือแล้ว การใช้กฎเหล็กกำราบความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างไม่เลือกว่าใครมีพฤติกรรมดีชั่วต่อเรือแป๊ะ เพราะแป๊ะมองว่าใครใส่เสื้อสีอะไรก็ขัดหูขัดตายิ่งนัก
คนโดยสารเรือมองว่าแป๊ะจัดอยู่ในกลุ่มดื้อรั้นหัวแข็งไม่ฟังใครนอกจากพนักงานประจำเรือ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดหาน้ำมันเติมเรือแป๊ะ พวกแกล้งนอนกรนไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เพราะนายใหญ่มีผลประโยชน์ร่วมกับงานซึ่งแป๊ะเร่งผลักดันเต็มที่
พวกอยู่นิ่งได้เปิดปากเตือนแป๊ะว่าการปล่อยให้คนนอกเรือมีสิทธิในการเสาะหาน้ำมันนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเรือแป๊ะและคนโดยสารทั้งหมดแน่ๆ แม้จะตั้งวงถกเถียงกันก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ แป๊ะล้งเล้งเม้งแตกไม่ฟังเสียงท้วงติงของคณะกรรมการเรือแป๊ะด้วยซ้ำ
แป๊ะจึงมีอาการไม่มั่นใจ อ้างถึงกฎเหล็กและใช้เสียงคำรามขู่คนโดยสาร แต่ระยะหลังๆ คนบางกลุ่มเริ่มชินไม่เกรงอีกต่อไป ทั้งยังมีมือมืดแกล้งวางระเบิดลูกเล็กๆ ข่มขวัญแป๊ะ ประกาศเสียงดังว่า “อั๊วไม่กลัวลื้อ” ดูแล้วแป๊ะไม่น่าจะมีน้ำยา น้ำซีอิ๊วอะไรทั้งนั้น
แป๊ะจะทำอย่างไรเมื่อเหลียวหน้าแลหลังมีแต่ความวังเวง การไม่ยอมบอกกล่าวผู้โดยสารว่าเรือจะไปถึงฝั่งวันไหน มีผลดีผลเสียอย่างไรทำให้เกิดความสงสัยในเจตนาของแป๊ะว่ามีอะไรแฝงเร้นลับลวงพรางหรือไม่ หรือตัวแป๊ะเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
การแฝงเงื่อนงำลับลมคมในย่อมทำให้สงสัยว่าแป๊ะมีแผนคิดไม่ซื่อต่อคนโดยสาร
เรือแป๊ะจึงอยู่ในสภาพเคว้งคว้างแม้ตัวแป๊ะเองทำเป็นวุ่นในการบังคับเรือ คนโดยสารรู้สึกว่าเรือหยุดนิ่งในบางครั้งเมื่อแป๊ะต้องพยายามพาเรือให้พ้นจากหินโสโครก พวกอยู่นิ่งเริ่มสังเกตอาการออกว่า แป๊ะอาจใกล้หมดแรงแถมยังว่ายน้ำไม่เป็นอีกด้วย
การที่ไม่ฟังใคร ทั้งเสียงเตือนของกลุ่มนิ่งบนเรือว่าให้ระวังพวกแกล้งนอนกรน แป๊ะก็ยังเชื่อแบบลมๆ แล้งๆ มองโลกสวยว่ากุศลเจตนาของแป๊ะในการให้ผู้โดยสารทั้งหมดปรองดองกันนั้นจะจีรังยั่งยืน ทุกฝ่ายต้องยอมตามใจแป๊ะเพราะนั่งเรือแป๊ะ
กลุ่มยอมนิ่งบนเรือเริ่มเห็นแววแล้วว่าแป๊ะเป็นจอมลักไก่ ใช้เสียงอำพรางความปอดลอยของตัวเอง แม้จะรู้ว่าการข่มขู่บ่อยครั้งทำให้คนชิน ไม่เกรงกลัว พวกแกล้งนอนกรนจึงปฏิบัติการ “ลองของ” ท้าทายอำนาจแป๊ะเพื่อพิสูจน์ว่าแป๊ะมิได้มีลูกเล่นใหม่
แป๊ะได้แต่สั่งหน่วยอารักขาประจำเรือเรียกพวกป่วนไปปรับความคิด ประหนึ่งว่าการจูงวัวควายไปแอ่งน้ำได้นั้นยังบังคับให้มันดื่มน้ำทั้งๆ ที่ไม่กระหาย การจะเปลี่ยนใจพวกทาสน้ำเงินให้แปรความจงรักภักดีย่อมทำได้ด้วยการมอบผลประโยชน์ให้มากกว่า
แป๊ะย่อมรู้ดีว่าลูกเล่นเดิมๆ นั้นจะใช้ตบตาคนโดยสารบนเรือไม่ได้ สภาพการกินอยู่ของคนบนเรือไม่ทัดเทียมกัน มีทั้งพวกรายได้น้อย พวกมีเงิน พวกรับจ้างสู้แล้วรวยและยังมีพวกเคยจับกลุ่มขับไล่แม่ย่านางประจำเรือจนทำให้แป๊ะต้องสำแดงพลังเด้ง
แป๊ะจะทำอย่างไรโดยไม่ถูกผู้โดยสารเรือใส่เสื้อต่างสีร่วมมือจับแป๊ะโยนลงน้ำให้เป็นเหยื่อฉลาม การใช้เสียงคำรามและกฎเหล็กบ่อยครั้งไม่ทำให้คนเกรงขามอีกต่อไป การใช้อำนาจทำให้คนกลัว ต่างจากการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาโดยความดีและบารมี
เมื่อแป๊ะใช้อำนาจย่อมถูกมองว่านั่นเป็นการแสวงหาอำนาจเพิ่มเพื่อรักษาอำนาจ ต้องใช้กำลังสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง ไม่มีใครชอบถูกอำนาจกดหัวให้จำยอมรับสภาพเงื่อนไขที่ทำให้ตนเองเสียสิทธิผลประโยชน์ อำนาจจึงใช้ต้นทุนและความเสี่ยงสูง
การรักษาอำนาจไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีแต่จะถูกท้าทาย ต่างจากการสร้างศรัทธาซึ่งใช้ต้นทุนต่ำไม่ต้องใช้อำนาจสนับสนุน เพียงสร้างคุณงามความดีเพื่อประโยชน์สุขต่อส่วนรวมผู้รับประโยชน์ย่อมศรัทธาเชื่อมั่นและเป็นฐานแข็งแกร่งของผู้กระทำความดี
แป๊ะต้องเลือกว่าตัวเองควรใช้ “อำนาจ” โดยกฎเหล็กหรือสร้าง “ศรัทธา” ของผู้โดยสารเรือให้รู้ว่าอะไรเป็นคุณแก่ตนเองในบั้นปลาย เพราะจะมีแป๊ะคนใหม่มาเสมอ