xs
xsm
sm
md
lg

ข้อควรระวัง กรณีสหรัฐอเมริกา ระบอบทักษิณ และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย

เผยแพร่:   โดย: อ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์


อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


การแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นนั้นถือว่าเป็นมารยาทที่ทรามมากในทางการทูตและเป็นการละเมิดสนธิสัญญาเจนีวา แต่สหรัฐอเมริกาก็ทำจนเป็นเรื่องปกติอย่างไม่รู้สึกละอายอะไรทั้งสิ้นทั้งนี้เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด สหรัฐอเมริกานั้นสองมาตรฐานมาตลอดเวลา ปากว่าตาขยิบที่บอกสนับสนุนประชาธิปไตย แต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นเผด็จการทหาร สหรัฐอเมริกากลับสนับสนุนเชิดชูอย่างที่สุด ส่งเงินทองมาช่วยมากมาย ตัวอย่างคือทางหลวงแผ่นดินของไทยไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ชื่อว่า ถนนมิตรภาพ ยังเป็นพยานหลักฐาน และสหรัฐอเมริกาไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยคำว่าประชาธิปไตยเลยแม้แต่คำเดียว เพราะประเทศไทยให้สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย

แม้ทุกวันอเมริกาก็ยังอยากตั้งฐานทัพในประเทศไทย ประเทศในโลกนี้ที่เชื่อมต่อสองมหาสมุทรมีไม่กี่ประเทศบนโลก ไทยเป็นหนึ่งในนั้น ในทางภูมิรัฐศาสตร์ไทยเป็นยอดปรารถนาของสหรัฐอเมริกา ภาษิตจีนนั้นกล่าวไว้ว่า ผู้ใดครองเสฉวนผู้นั้นครองแผ่นดินจีน สนามบินอู่ตะเภานั้นเป็นฐานที่มั่นที่เหมาะสมที่สุดในการโจมตีเสฉวนและจีนตอนใต้ทางอากาศ ไม่ไกลเกินไป ข้าวปลาอาหารน้ำท่าบริบูรณ์ ขนส่งเชื่อมต่อ logistic hub ทางเรือและทางรถไฟก็สะดวก เป็นศูนย์กลางของเอเชีย ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างอินเดีย ตะวันออกกลาง และจีนกับญี่ปุ่น ลมพายุก็ไม่มีมากเหมือนฟิลิปปินส์ หากจะป้องกันการแผ่อิทธิพลของจีนเข้ามาในเอเชีย สหรัฐอเมริกาต้องได้ไทยเป็นฐานที่มั่นเท่านั้น

ในปัจจุบันนี้แม้ประเทศหลายประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ยกตัวอย่างเช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอเมริกาก็ยังสนับสนุนและถือหางอย่างเต็มที่ คำว่าประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาจึงเป็นแค่คำตอแหลเพื่ออ้างไว้สำหรับหาผลประโยชน์เข้าตัวตามอำเภอใจไร้ยางอายเพียงแค่นั้นเอง และไม่เคยเป็นมิตรจริงใจกับใครหรือชาติใดๆ ทั้งนั้น ที่พูดมานี้คือรัฐบาลอเมริกาซึ่งเลวที่สุดในโลก แต่อเมริกันชนไม่ได้มีนิสัยสันดานเลวเยี่ยงนี้ทุกคนแต่อย่างใด เป็นที่แน่ชัดว่าในปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐอเมริกานั้นพยายามเข้ามามีอิทธิพลในประเทศไทยอย่างแน่ชัด ภายใต้นโยบาย pivot towards Asian strategy ของรัฐบาลโอบามา เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ และป้องกันจีนเข้ามามีอิทธิพล

เมื่อไม่กี่วันมานี้นาย Daniel R. Russell ซึ่งเป็นนักการทูตตำแหน่งสูงมากคือเป็น Assistant Secretary of State for East Asian and Pacific Affairs ของสหรัฐอเมริกา เข้ามาแสดงปาฐกถาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกล่าวติเตียนให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก การกระทำดังกล่าวของนาย Daniel Russell ได้สร้างความไม่พอใจของประชาชนชาวไทย นอกจากนี้ Daniel Russell ยังทำผิดมารยาททางการทูตตั้งแต่ลำดับในการเข้าพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วจึงตามด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนจะเข้าพบรัฐบาล ทำเยี่ยงคนไม่มีการศึกษา ไม่รู้ขนบธรรมเนียมทางการทูตเลยแม้แต่น้อย

แต่ที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องแปลกมากที่สุดในทางการทูตคือหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ได้เรียกอุปทูตสหรัฐอเมริกาเข้าพบเพื่อขอคำชี้แจง และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแสดงความรู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกา แต่สหรัฐอเมริกากลับไม่เลิกลดราวาศอก ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาลงพื้นที่เยี่ยมเยียนคนเสื้อแดงอยู่ฝั่งเดียว แสดงการถือหางเข้าข้างคนเสื้อแดงหรือระบอบทักษิณอย่างชัดเจน และกระทำการอื่นๆ อีกมาก อันผิดวิสัยทางการทูตที่ต้องวางตัวเป็นกลางและไม่แทรกแซงกิจการภายใน ทั้งหมดนี้ลงมือทำอย่างจงใจและตั้งใจจนดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกาคิดจะยุยงให้คนไทยเกิดความเกลียดชัง และออกมาประท้วงสหรัฐอเมริกาจนเกิดเลยเถิดหรือเปล่า หรืออาจจะส่ง CIA มาก่อการให้เกิดการจลาจล แล้วหาเรื่องส่งกองกำลังเข้ามาแทรกแซงแบบยูเครน! ทั้งหมดนี้มีรหัสนัยให้ประหวั่นพรั่นพรึงและคิดว่าเป็นไปได้ เพราะสหรัฐอเมริกานั้นทำเช่นนี้มากับหลายๆ ประเทศทั่วโลกมาแล้วทั้งสิ้น

ผมคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ แม้เราจะไม่พอใจ แต่ประชาชนชาวไทยเรากลับยิ่งต้องประท้วงอย่างสงบสันติอหิงสา ทางเลือกหนึ่งคือการที่รัฐบาลไทยจะเชื้อเชิญพี่เบิ้มจีนมาคุมเชิงช่วย หรือเชิญผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือของจีนมาร่วมซ้อมรับกับประเทศไทยไปพลางๆ แทน Cobra Gold จะชื่อน่ารักแบบ Panda Gold หรือน่าเกรงขามแบบ Dragon Gold ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เพื่อให้แยงกี้เกรงใจ ก็ไม่เสียหายอะไร เป็นการแสดงอารยะขัดขืนแบบนิ่มๆ

โปรดอย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าหลวงมหาราชทรงใช้รัฐประศาสโนบายเช่นนี้มาก่อน โดยให้ประเทศไทยเป็นรัฐกันชน (buffer states) ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ทั้งยังทรงสนิทสนมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองแห่งรัสเซียจนถึงส่งพระราชโอรสไปเรียนการทหารที่รัสเซีย ทำให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจที่พอดีลงตัว และทำให้ประเทศของเรายังคงรักษาเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้

ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยเคยเข้าข้างอเมริกามากเหลือเกินจนถึงขนาดตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแผ่นดินใหญ่ เราคงต้องยอมรับความจริงว่าอเมริกันมิใช่มหามิตรแต่หวังผลประโยชน์เป็นหลัก และจีนก็อาจจะหวังเช่นเดียวกัน แต่การคบสองฝ่ายให้สองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ในที ให้จีนได้ผลประโยชน์บ้าง นอกจากที่ให้อเมริกาได้ฝ่ายเดียวมาตลอดนั้น เป็นวิธีการที่เราจะถนอมตัวให้อยู่รอดได้ในทางการทูต ผมยังเชื่อมั่นลึกๆ ว่าวิธีการของพระพุทธเจ้าหลวงนั้น ไม่น่าจะผิด และยังคงใช้ได้ในสมัยปัจจุบัน การกระชับสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียด้วยความจริงใจจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

อาการของสหรัฐอเมริกาที่แสดงออกมานี้น่าจะเกิดจากสหรัฐอเมริกาแทงหวยผิดข้างและลึกๆ สหรัฐอเมริกาเชื่อเสมอว่าระบอบทักษิณจะชนะ ระบบ Constitutional monarchy ของประเทศไทยจะอยู่ได้ไม่นาน สหรัฐอเมริกาแทงหวยว่าระบอบทักษิณจะกลับมามีอำนาจผงาดอีกครั้ง อีกทั้งทุนนิยมสามานย์แบบระบอบทักษิณ เข้ากันได้ดี เอื้อผลประโยชน์ได้ดีกับอเมริกามากกว่าระบบคุณธรรมหรือ Constitutional monarchy

ในอดีตสหรัฐอเมริกานั้นสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย เพราะทรงช่วยให้ประเทศไทยเข้มแข็งไม่ล้มไปเป็นคอมมิวนิสต์ตามทฤษฏีโดมิโนและ McCarthy Doctrine แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนอเมริกาจะละเลยตรงจุดนี้ไป ผมคิดว่าการที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาจุ้นจ้านกิจการภายในราชอาณาจักรไทยนั้น ไม่ใช่เพียงการสมคบกับระบอบทักษิณเพื่อผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวแต่มีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้นมาก เอกสารหลักฐานที่แสดงจุดยืนของสหรัฐอเมริกาที่ไม่เป็นมิตรหรือไม่สนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีอยู่มาก ได้แก่ เอกสารจาก Think tank ของรัฐสภาอเมริกันคือ Congressional research service ที่ชื่อ Thailand: Background and U.S. relationship และเอกสารของ Council of Foreign Relations จำนวนมากมหาศาล โดยเฉพาะที่เขียนโดย Joshua Kurlantzick ซึ่งเป็น Senior fellow for Southeast Asia ขอให้ท่านไปลองอ่านดูจะพบว่ากระบวนทัศน์ในการคิดไม่ได้แตกต่างจากขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยแต่อย่างใด หน่วยงานทั้งสองนี้มีอิทธิพลทางความคิดต่อทั้งนักการเมืองอเมริกันและนักการทูตอเมริกันสูงมาก

เมื่อผมแชร์ข้อความนี้ลงบน Facebook ส่วนตัวของผม อดีตสมาชิกวุฒิสภา สมชาย แสวงการได้กรุณาเผยแพร่ข้อความต่อและกล่าวเสริมเอาไว้ว่า “เห็นด้วยกับข้อมูลนี้ครับว่า เรื่องนี้น่าจะมีเป้าหมายไกลกว่าที่เห็นซะเเล้ว ลองสืบตามข้อมูลลึกๆเเล้วพบว่าระดับผู้นำของสหรัฐมีกลุ่มที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์กลุ่มหนึ่งเสนอทฤษฎีสำคัญบางทฤษฎีที่ไม่เป็นผลดีต่อการปกครองของเราในปัจจุบันครับ ภาวะที่เห็นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของยุทธวิธี ดูให้ดีจะเห็นความผิดปกติหลายเรื่อง มีการปฏิบัติผิดหลักการทูตสากลหลายกรณีเเบบตั้งใจ รวมถึงการวางตัวเอกอัครราชทูตคนใหม่ทั้งมาเลเซียเเละไทยคนใหม่เเบบมีเป้าหมายลึกซึ้ง ดังนั้นเราต้องเดินจังหวะก้าวทางการเมืองเเละทางการทูตคราวนี้อย่างไม่ผลีผลาม สร้างดุลยภาพที่เหมาะสมไว้ ระหว่างสหรัฐ จีน รัสเซีย อินเดีย เเละเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนเเละเอเชีย การดำเนินการประท้วงต่อต้านต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐให้ทำตามขั้นตอนพิธีการ ตามเบาไปหาหนัก มวลชนต้องช่วยกัน อย่าล้ำเส้นให้เข้าทาง เข้าแผน ที่อาจมีคนบางพวกจงใจก่อเหตุ ควบคุมสติ รัฐบาลเเละคสช. ต้องเท่าทันควบคุมมือที่ 3 ไม่ให้ก่อเหตุเคลื่อนไหว ต้องตัดไฟเเต่ต้นลมครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น