xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

มีวันนี้เพราะพี่บรรหาร เด้ง “ผู้การสุพรรณ” รอวันยกเครื่อง “ตำรวจ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - พลันกระแสข่าวแพร่สะพัดจดหมายราชการด่วนที่สุด จาก พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุพรรณบุรี เรียกตัวนายตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร ที่ได้รับการแต่งตั้งประจำปี 2557 จำนวน 28 นาย ให้ตบเท้าเข้ารายงานตัวที่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุพรรณบุรี 11 สมัย เพื่อขอรับโอวาทในการปฏิบัติราชการ

เท่านั้น ไม่ทันข้ามคืนกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ก็ตามมาทันทีว่า พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ มีวันนี้เพราะนายบรรหารหรืออย่างไรกัน

แน่นอน ใครๆ ก็รู้ว่า “บรรหาร” ใหญ่เพียงใดในเมืองสุพรรณ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม แต่ไม่ใช่เอาใจกันขนาดร่อนจดหมายราชการเรียกนายตำรวจทั้ง 28 คน ไปคารวะนายบรรหารถึงที่บ้าน

แน่นอน เสียงสะท้อนนี้นำมาซึ่งคำถามถึง “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีในอีกทางหนึ่งด้วยว่า ถึงเวลาที่จะปฏิรูปตำรวจได้จริงจังหรือยัง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตำรวจไทยมีวัฒนธรรมเชลียร์นักการเมือง ถ้ายังจำกันได้ก็คงไม่ลืมกรณี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือกรณี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.สุราษฏร์ธานีได้ให้หลวงลุงสุเทพ เทือกสุบรรณประดับยศให้บนบ่า จนสร้างความฮือฮาให้แก่สังคม เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง

สำหรับหนังสือราชการด่วนที่สุดที่มีคำสั่งเรียกตัวนายตำรวจ จำนวน 28 นาย พล.ต.ต.ชัชรินทร์ ลงคำสั่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2558 โดยมีรายละเอียดเนื้อหาสำคัญที่ระบุว่า ให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.ที่ได้รับการแต่งตั้งในวาระประจำปี 2557 จำนวน 28 นาย เข้าพบ ฯพณฯ บรรหาร เพื่อขอรับโอวาท และคำแนะนำในการปฏิบัติราชการ ในวันอังคารที่ 27 ม.ค. 58 เวลา 7.00 น. ที่บ้านพักถนนจรัญสนิทวงศ์ กทม. พร้อมกับให้มีการจัดหารถตู้ 3 คัน ในการเดินทางเพื่อรับส่ง โดยทุกนายต้องลงลายมือชื่อรับทราบ และการรายงานตัวต้องยืนตามลำดับต่อหน้า ฯพณฯ บรรหาร ซึ่งมอบหมายให้ พ.ต.ท. สมเดช เกษมสุข พงส.ผทค.กส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เป็นผู้ควบคุมการเดินทาง และการจัดลำดับรายงานตัว ล

จากจดหมายฉบับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ตำรวจเมืองสุพรรณช่างนอบน้อมต่อนายบรรหารยิ่งนัก และเมื่อฟังจากคำพูดของพล.ต.ต.ชัชรินทร์ ที่บอกว่านั่นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาเป็นหลายสิบปี ก็อดห่วงต่อระบบกระบวนการยุติธรรมไทย และภาษีประชาชนที่เสียไป จะเอาไปใช้เป็นค่าเดินทางให้แก่นายตำรวจเพื่อไปเชลียร์นักการเมือง แล้วเรื่องจะปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

อย่างไรก็ตาม ต่อมากำหนดการดังกล่าวต้องเป็นอันยกเลิกไป เนื่องจากทนกระแสสังคมไม่ไหว และสุดท้ายนำมาซึ่งคำสั่งย้ายพล.ต.ต.ชัชชรินทร์ในทันที กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ให้ พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และให้พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ เดินทางไปรายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ภายในวันที่ 27 ม.ค. 2558 โดยมีพ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รองผบก.ภจว.สุพรรณบุรี เข้ารักษาการแทน

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า หลังจากที่โดนเด้งฟ้าผ่าไปแล้ว พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ก็เก็บตัวเงียบเชียบ ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่สื่อมวลชน คงจะเป็นเพราะความอับอาย เกินกว่าจะแบกหน้าตอบคำถามสื่อได้หรือไม่นั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องฉาวแก่วงการตำรวจต้อนรับปี 2558 ที่ถูกจารึกไว้ในใจประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการตำรวจ สุดท้ายคงต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะปฏิรูปตำรวจเมื่อไหร่ และ พล.อ.ประยุทธ์จะทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น แล้วบอกว่าเป็นเรื่องของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ไม่ได้ เพราะตำรวจคือต้นทางของกระบวนการยุติธรรม และตำรวจคือองค์กรที่มีปัญหาซึ่งต้องการการปฏิรูปอย่างจริงจัง



กำลังโหลดความคิดเห็น