ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุรยุทธ์" สภา สจล. ทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว พร้อมมอบ "โมไนย" แจงสังคมกรณีถูกยักยอกเงิน 1,600 ล้าน ชี้เป็นบทเรียนสำคัญ ด้านกลุ่มประชาคม สจล. แต่งชุดดำยื่นหนังสือเปิดผนึกจี้สภาฯ เร่งสะสางปัญหา รักษาการอธิการเผยยังตอบไม่ได้ยุติทำธุรกรรมกับไทยพาณิชย์หรือไม่ ขณะที่กรรมการมองปัญหาที่เกิดขึ้น เหตุระบบไร้ประสิทธิภาพ ชงตั้งกรรมการ 1 ชุด ปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารใหม่
เมื่อเวลา 08.20 น. วานนี้ (28 ม.ค.) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มีการประชุมสภา สจล. โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะนายกสภาสถาบันฯ เข้าร่วมประชุม โดยประเด็นสำคัญ ได้มีการหารือถึงกรณี สจล. ถูกยักยอกเงินคงคลัง ไปจำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท
พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า กรณีการที่สถาบันฯ ถูกยักยอกเงินคงคลังไปกว่า 1.6 พันล้านบาทนั้น ขณะนี้ อธิการบดี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ตามกฎหมายอยู่ ซึ่งคงต้องรอฟังผลการสอบสวนคดีจากทางตำรวจก่อนว่าเป็นอย่างไร ยังไม่มีข้อสรุปว่าผู้ใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่เท่าที่ปรากฎมีเพียง น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการกองคลังเท่านั้น ที่ตกเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว ส่วนคนอื่นยังไม่ชัดเจน ซึ่งยังต้องรอผลการสอบสวนจากตำรวจก่อน
"ที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารและให้มีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยตลอด เมื่อเกิดปัญหาก็มีการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ส่วนเรื่องการทบทวนการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารไทยพาณิชย์นั้น เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารจะดำเนินการ สภา สจล.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมสภา สจล. ได้มีกลุ่มคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาของ สจล.ประมาณ 30 คน นำโดย รศ.ดร.จิราภา วิทยาภิรักษ์ ภาควิชาศิลปศาสตร์ประยุกต์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และอดีตประธานสภาคณาจารย์ ตัวแทนบุคลากร สจล. แต่งชุดดำ เพื่อมายื่นหนังสือเปิดผนึกกรณีการทุจริตเงิน 1,600 ล้านบาท ของสถาบันฯ ต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ลงมารับมอบหนังสือด้วยตัวเอง
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวภายหลังการรับหนังสือกับกลุ่มประชาคม สจล.ว่า พวกเราทุกคนก็เป็นกังวล เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับสถาบันฯ และทำอย่างไรที่จะแก้ไขและกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา ซึ่งก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำตามอัตลักษณ์ของสถาบันฯคือ ซื่อสัตย์ ใฝ่รู้ และสู้งาน ก็จะแก้ไขปัญหานี้ได้
ด้าน รศ.ดร.จิราภา กล่าวว่า ขอให้สภาสถาบันฯ ดำเนินการเรื่องต่างๆ อย่างเป็นระบบ โดย 1.ตรวจสอบกลไก การบริหารงาานของสถาบันฯ ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับนโยบาย เช่น อนุกรรมการสภาตรวจสอบ และอนุกรรมการสภาการเงินฯ 2.เร่งรัด ติดตาม และร่วมมือในการนำผู้กระทำผิดมารับโทษ 3.สร้างกระบวนการสอบสวนทางวินัย ต่อบุคคลในสถาบันฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมโดยมีคณะบุคคลภายนอก ที่มีความน่าเชื่อถือและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาคม สจล. และ4.ร่วมมือกับประชาคม สจล.ในการกอบกู้ชื่อเสียงของสถาบันฯ และสร้างศันทธาให้กลับคืนมาโดยเร็ว
"พวกเรามายื่นหนังสือในคราวนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และอยากเรียกร้องให้ทางสภาฯ เร่งรัด ติดตามและหาทางออกแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ โดยระยะยาวจะทำเช่นไรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ สจล.กลับคืนมา เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินหลวง เป็นเงินของนักศึกษา ดังนั้นเราจึงเพิกเฉยกับปัญหานี้ไม่ได้"อดีตประธานสภาคณาจารย์กล่าว
ดร.พจน์ สะเพียรชัย กรรมการสภา สจล. กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่า เงิน สจล.ถูกยักยอก กรรมการสภาฯ ก็ตกใจกันมาก เพราะเงินที่หายเป็นจำนวนมาก ส่วนสภา สจล.ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า การแสดงความผิดชอบก็คือ สภา สจล.ต้องช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาฯ สจล. ประชุมเสร็จ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในการประชุม ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. ได้ชี้แจงถึงกรณีที่เงินคงคลังของสถาบันถูกยักยอก ให้สภาฯ รับทราบ ซึ่งได้กำชับว่าจะต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแก้ไขจุดบกพร่องไม่ให้เกิดขึ้นอีก และมีมติให้รักษาการอธิการบดี เป็นผู้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อประชาคมและสาธารณชนได้รับทราบ ทั้งนี้ ในฐานะนายกสภาสถาบัน ก็มีความห่วงใยในเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับทุกคน อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาหลายฝ่ายบอกว่าอยากให้สภาสถาบันรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สภาสถาบันฯ ได้ทำตามหน้าที่ที่มีหมดแล้ว โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ดูแลแก้ไขปัญหา
ด้าน ศ.ดร.โมไนย กล่าวว่า กรรมการสภาฯ ได้แสดงความห่วงใยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้คำแนะนำในการดำเนินการในด้านกฎหมายต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญ คือ ให้ปรับปรุงระบบไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ สถาบันได้ติดตามความคืบหน้ารวมถึงสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์จะต้องส่งมาให้ว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งแรกๆ ทางธนาคารไทยพาณิชย์ อาจจะส่งข้อมูลช้า แต่หลังจากติดตามเร่งรัดก็ดีขึ้น ส่วนจะมีการทบทวนการทำธุรกรรมกับทางธนาคารไทยพาณิชย์หรือไม่นั้น ตรงนี้เป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ที่จะต้องมีการหารือกับฝ่ายบริหาร ดังนั้นคงไม่สามารถตอบได้ตอนนี้
ขณะที่ ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ กรรมการสภา สจล.กล่าวว่า กรรมการสภาฯ ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวหลากหลาย โดยส่วนใหญ่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะระบบการบริหารจัดการไม่ดี ดังนั้น กรรมการสภาฯ จึงมีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการซึ่งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสภาฯ จำนวน 1 ชุด ทำหน้าที่ปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารงานของ สจล. โดยให้ไปวางแนวทางและนำมาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ ในคราวต่อไป
เมื่อเวลา 08.20 น. วานนี้ (28 ม.ค.) ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มีการประชุมสภา สจล. โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะนายกสภาสถาบันฯ เข้าร่วมประชุม โดยประเด็นสำคัญ ได้มีการหารือถึงกรณี สจล. ถูกยักยอกเงินคงคลัง ไปจำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท
พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า กรณีการที่สถาบันฯ ถูกยักยอกเงินคงคลังไปกว่า 1.6 พันล้านบาทนั้น ขณะนี้ อธิการบดี คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ตามกฎหมายอยู่ ซึ่งคงต้องรอฟังผลการสอบสวนคดีจากทางตำรวจก่อนว่าเป็นอย่างไร ยังไม่มีข้อสรุปว่าผู้ใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่เท่าที่ปรากฎมีเพียง น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการกองคลังเท่านั้น ที่ตกเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว ส่วนคนอื่นยังไม่ชัดเจน ซึ่งยังต้องรอผลการสอบสวนจากตำรวจก่อน
"ที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารและให้มีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยตลอด เมื่อเกิดปัญหาก็มีการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ส่วนเรื่องการทบทวนการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารไทยพาณิชย์นั้น เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารจะดำเนินการ สภา สจล.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมสภา สจล. ได้มีกลุ่มคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาของ สจล.ประมาณ 30 คน นำโดย รศ.ดร.จิราภา วิทยาภิรักษ์ ภาควิชาศิลปศาสตร์ประยุกต์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม และอดีตประธานสภาคณาจารย์ ตัวแทนบุคลากร สจล. แต่งชุดดำ เพื่อมายื่นหนังสือเปิดผนึกกรณีการทุจริตเงิน 1,600 ล้านบาท ของสถาบันฯ ต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ โดยเมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ลงมารับมอบหนังสือด้วยตัวเอง
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวภายหลังการรับหนังสือกับกลุ่มประชาคม สจล.ว่า พวกเราทุกคนก็เป็นกังวล เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับสถาบันฯ และทำอย่างไรที่จะแก้ไขและกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา ซึ่งก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำตามอัตลักษณ์ของสถาบันฯคือ ซื่อสัตย์ ใฝ่รู้ และสู้งาน ก็จะแก้ไขปัญหานี้ได้
ด้าน รศ.ดร.จิราภา กล่าวว่า ขอให้สภาสถาบันฯ ดำเนินการเรื่องต่างๆ อย่างเป็นระบบ โดย 1.ตรวจสอบกลไก การบริหารงาานของสถาบันฯ ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับนโยบาย เช่น อนุกรรมการสภาตรวจสอบ และอนุกรรมการสภาการเงินฯ 2.เร่งรัด ติดตาม และร่วมมือในการนำผู้กระทำผิดมารับโทษ 3.สร้างกระบวนการสอบสวนทางวินัย ต่อบุคคลในสถาบันฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมโดยมีคณะบุคคลภายนอก ที่มีความน่าเชื่อถือและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาคม สจล. และ4.ร่วมมือกับประชาคม สจล.ในการกอบกู้ชื่อเสียงของสถาบันฯ และสร้างศันทธาให้กลับคืนมาโดยเร็ว
"พวกเรามายื่นหนังสือในคราวนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และอยากเรียกร้องให้ทางสภาฯ เร่งรัด ติดตามและหาทางออกแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ โดยระยะยาวจะทำเช่นไรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ สจล.กลับคืนมา เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินหลวง เป็นเงินของนักศึกษา ดังนั้นเราจึงเพิกเฉยกับปัญหานี้ไม่ได้"อดีตประธานสภาคณาจารย์กล่าว
ดร.พจน์ สะเพียรชัย กรรมการสภา สจล. กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่า เงิน สจล.ถูกยักยอก กรรมการสภาฯ ก็ตกใจกันมาก เพราะเงินที่หายเป็นจำนวนมาก ส่วนสภา สจล.ควรจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า การแสดงความผิดชอบก็คือ สภา สจล.ต้องช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาฯ สจล. ประชุมเสร็จ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในการประชุม ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี สจล. ได้ชี้แจงถึงกรณีที่เงินคงคลังของสถาบันถูกยักยอก ให้สภาฯ รับทราบ ซึ่งได้กำชับว่าจะต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแก้ไขจุดบกพร่องไม่ให้เกิดขึ้นอีก และมีมติให้รักษาการอธิการบดี เป็นผู้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อประชาคมและสาธารณชนได้รับทราบ ทั้งนี้ ในฐานะนายกสภาสถาบัน ก็มีความห่วงใยในเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับทุกคน อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาหลายฝ่ายบอกว่าอยากให้สภาสถาบันรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า สภาสถาบันฯ ได้ทำตามหน้าที่ที่มีหมดแล้ว โดยได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ดูแลแก้ไขปัญหา
ด้าน ศ.ดร.โมไนย กล่าวว่า กรรมการสภาฯ ได้แสดงความห่วงใยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้คำแนะนำในการดำเนินการในด้านกฎหมายต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญ คือ ให้ปรับปรุงระบบไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ สถาบันได้ติดตามความคืบหน้ารวมถึงสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์จะต้องส่งมาให้ว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งแรกๆ ทางธนาคารไทยพาณิชย์ อาจจะส่งข้อมูลช้า แต่หลังจากติดตามเร่งรัดก็ดีขึ้น ส่วนจะมีการทบทวนการทำธุรกรรมกับทางธนาคารไทยพาณิชย์หรือไม่นั้น ตรงนี้เป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ที่จะต้องมีการหารือกับฝ่ายบริหาร ดังนั้นคงไม่สามารถตอบได้ตอนนี้
ขณะที่ ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ กรรมการสภา สจล.กล่าวว่า กรรมการสภาฯ ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวหลากหลาย โดยส่วนใหญ่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะระบบการบริหารจัดการไม่ดี ดังนั้น กรรมการสภาฯ จึงมีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการซึ่งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสภาฯ จำนวน 1 ชุด ทำหน้าที่ปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารงานของ สจล. โดยให้ไปวางแนวทางและนำมาเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ ในคราวต่อไป
