ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดแถลงข่าวชี้แจงคดียักยอกเงินฝาก สจล. ยันการให้ข้อมูล ตร. ล่าช้าไม่มีเจตนาซุกซ่อนเอกสาร หรือปกปิดข้อมูลในคดีโกงเงินฝากดังกล่าว แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นการรวบรวมเอกสารย้อนหลังจำนวนมาก และมีเอกสารหลายรายการที่ต้องประสานขอจากธนาคารอื่น ลั่นกำหนดนโยบายทางวินัยใหม่ พร้อมแสดงจุดยืนของธนาคาร จะไม่ประนีประนอมต่อเรื่องทุจริต ยืนยันความสัมพันธ์กับ สจล. ยังเป็นตามปกติ พร้อมเดินหน้าชี้แจงต่อลูกค้าสถาบันการศึกษา เพื่อดึงความเชื่อมั่นกลับคืน
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีบัญชีเงินฝากของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยยืนยันว่า ธนาคารได้ให้ความร่วมมือต่อตำรวจอย่างเต็มที่ โดยเริ่มส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวให้ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.จนถึงปัจจุบัน ล่าสุด คือเมื่อวานนี้ แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นการรวบรวมเอกสารย้อนหลังจำนวนมาก และมีเอกสารหลายรายการที่ธนาคารต้องประสานขอจากธนาคารอื่นด้วย
สำหรับเอกสารที่ สจล.ขอมานั้น ธนาคารได้ส่งให้แล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นแก่ สจล.นั้น ธนาคารขอยอมรับว่า เป็นเพราะที่ผ่านมาธนาคารให้ความสำคัญต่อการนำส่งหลักฐานให้ตำรวจเป็นลำดับแรก ซึ่งก็นับว่าเป็นผลดีต่อคดีทำให้ตำรวจสามารถติดตามขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการทุจริตนี้
ส่วนกรณีของอดีตผู้จัดการสาขาที่เกี่ยวข้องในคดีนั้น เมื่อธนาคารพบความผิดปกติได้ทำการตรวจสอบ และพบว่า มีการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ธนาคารจึงติดต่อกลับไปยังเจ้าของบัญชีเพื่อขอให้ตรวจสอบ และขอให้ยืนยัน ซึ่งก็ได้รับหนังสือยืนยันความถูกต้องกลับมา อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนั้นเจ้าของบัญชีจะไม่มีประเด็นเรื่องการทุจริต แต่พฤติกรรมที่มีการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ ธนาคารจึงขาดความไว้วางใจที่จะให้ปฏิบัติงานต่อไป และให้พนักงานลาออกไป
ทั้งนี้ ธนาคารขอเรียนว่า แม้ว่าในขณะเวลานั้นธนาคารมิได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อพนักงาน แต่ในภายหน้าหากผลการสอบสวนของตำรวจพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า พนักงานธนาคารร่วมทำการทุจริตอันเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ ธนาคารพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมาย และตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมยืนยันว่า ธนาคารยังมึความสัมพันธ์เป็นปกติกับ สจล. เพราะธนาคารไม่ได้มีปัญหากับ สจล. เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องของบุคคล
นายวิชิต กล่าวว่า ธนาคารยืนยันในการให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ไม่มีการประวิงคดี เพราะธนาคารก็ต้องการให้เรื่องกระจ่างเช่นกัน นอกจากนี้ จะได้จัดให้มีทีมผู้บริหารไปพบสถาบันการศึกษาอื่นๆ เพื่ออธิบาย และสร้างความมั่นใจ รวมถึงจะกำหนดเป็นนโยบายทางวินัยให้ชัดเจนว่า แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในเชิงทุจริตที่จะดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานได้ก็ตาม แต่หากมีพฤติกรรมที่ธนาคารขาดความไว้วางใจที่จะให้ปฏิบัติงานต่อไปแล้ว ให้กำหนดโทษขั้นไล่ออกไว้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อแสดงจุดยืนของธนาคารที่จะไม่ประนีประนอมต่อเรื่องทุจริต
พร้อมกันนี้ ยังได้ยืนยันว่า ในช่วงที่นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตพนักงานของธนาคาร ปฏิบัติงานในฐานะผู้จัดการสาขา ได้มีการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ จึงได้ให้ผู้บังคับบัญชาไปสอบถามจาก สจล. ในฐานะเจ้าของบัญชี และได้รับคำยืนยัน และเอกสารจากผู้บริหาร สจล. ว่าบัญชีเงินฝากของ สจล. ปกติดี
ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการทุจริต แต่เนื่องจากนายทรงกลด ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ ธนาคารจึงขาดความไว้วางใจ และให้ลาออกจากการเป็นพนักงาน ซึ่งยืนยันในภายหน้าหากผลการสอบสวนของตำรวจพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า พนักงานธนาคารร่วมทำการทุจริต อันเนื่องจากการปฎิบัติหน้าที่ ธนาคารพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมาย และตามกระบวนการยุติธรรม