**ต้องติดตามกันต่อไป กับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย เพราะมีความเป็นไปได้ว่าไม่นานต่อจากนี้ "บิ๊กป๊อก" พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 จะชงบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแบบเงียบๆ ไร้วี่แวว ทำแบบประเภทเด้งฟ้าผ่า ชนิดไม่ให้ใครตั้งตัวทันกันอีก แบบที่ทำมาแล้วเมื่อวันอังคารที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา
ต้องถือว่า ปิดข่าวได้เงียบสนิท ชนิดบิ๊กมหาดไทยหลายคนตกข่าวกันหมด ไม่รู้ว่า มท.1 ชงบัญชีรายชื่อเด้ง-สลับเก้าอี้เข้าครม.10 ตำแหน่ง เข้าที่ประชุมครม. แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวกระเซ็นกระสายมาบ้างว่า จะมีการโยกย้ายนอกฤดูกาลในระดับ10 ของ ก.มหาดไทย จากผลพวงเรื่อง ผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืช ที่อยู่ในงบโครงการจัดซื้อสารเคมีผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโรคระบาดด้านพืช ที่เป็นงบสำรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดซื้อ ซึ่งแม้จะเป็นการตรวจสอบพบนานแล้ว เพราะเป็นงบในช่วงปี 2554-2555 แต่ สตง. ก็เพิ่งทยอยสรุปผลการตรวจสอบ และแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทย กับสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ขยายผลต่อไป
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ในการตรวจสอบของสตง. อาจจะมีบิ๊กมหาดไทย ระดับ 10 หลายคนในเวลานี้เกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้ช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าว พลเอกอนุพงษ์ จะเด้งบิ๊กมหาดไทยในเวลานี้ร่วมๆ 10 คน เข้ากรุไปก่อนแล้วตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามระเบียบราชการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เห็นว่าพลเอกอนุพงษ์ คงไม่ทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายอะไรในช่วงนี้ เพราะต้องรอเรื่องจากสตง. กับป.ป.ช. ชี้มูลความผิดหรือสรุปผลอย่างเป็นทางการมาก่อนถึงค่อยจัดการ โดยคาดกันว่า น่าจะเป็นช่วงมีนาคม ที่จะอยู่ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี เดือนเมษายนพอดี จะได้ปรับตำแหน่งอะไรต่างๆ ควบคู่ไปกับการขยายผลการตรวจสอบของสตง. และ ป.ป.ช.
**แต่ที่ไหนได้ จู่ๆ พลเอกอนุพงษ์ ก็จัดการแต่งตั้งโยกย้ายแบบเงียบๆ ทีเดียว 10 ตำแหน่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ผู้ว่าฯหลายจังหวัดที่โดนเด้งเข้ากรุ ดันเป็นสิงห์มหาดไทย สายเสื้อน้ำเงิน คือพวกที่เคยได้ดิบได้ดีในยุค พรรคภูมิใจไทยเป็นใหญ่ และหลายคนเป็นคนในเครือข่าย เนวิน ชิดชอบ ที่ก็รู้กันดีว่าเนวิน แนบแน่น กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขนาดไหน
ไม่ว่าจะเป็น ธานี สามารถกิจ ผวจ.ระยอง อดีตทีมงานหน้าห้องชวรัตน์ ชาญวีรกูล สมัยเป็นรมว.มหาดไทย - ระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครสวรรค์ - เสริม ไชยณรงค์ ผวจ.อุบลราชธานี ซึ่ง 3 คนนี้โดนเด้งเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เล่นเอาผู้คน โดยเฉพาะข้าราชการมหาดไทย งงกันไปตามๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่าง เนวิน-ภูมิใจไทย กับบิ๊กป้อม และ บิ๊กป๊อก
ทั้งนี้แม้ พลเอกอนุพงษ์ จะยืนกรานว่าการโยกย้ายดังกล่าวเป็นเรื่องความเหมาะสมในการบริหารงาน ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น กับการตรวจสอบอะไร แต่ของแบบนี้ มันก็แค่การอ้างไปอย่างนั้น สาเหตุลึกๆ ที่มีการเด้งกันรอบนี้ มันต้องมีแน่นอน ไม่อย่างนั้น จู่ๆ คงไม่มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนอะไรกันแบบนอกฤดูกาลเช่นนี้
**ข่าววงในก็บอกว่าการย้ายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเรื่องงบจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชแน่นอน
เบื้องต้น เชื่อว่าการโยกย้ายใน ก.มหาดไทยนอกฤดูกาล มันไม่จบแค่นี้แน่นอน คาดหมายกันว่า เร็วๆนี้ พลเอกอนุพงษ์ อาจชงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย เข้าครม.อีกล็อตหนึ่ง แต่จะเป็นช่วงไหนต้องจับตา อาจเป็นช่วงกุมภาพันธ์ หรือจะเลยไปช่วงมีนาคม-เมษายน เลยก็ยังไม่แน่ชัด แต่สัญญาณหลายอย่างมันออกมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกรณีข่าวกระทรวงมหาดไทย ทำเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อขอให้ ก.พ.อนุมัติ เปิดตำแหน่งพิเศษที่เรียกกันว่า ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นตำแหน่งลดชั้น หนักยิ่งกว่าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเสียอีก ข่าวบอกว่า ก.พ.ไฟเขียวมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดว่า ก.พ.กับกระทรวงมหาดไทย มีข้อตกลงเรื่องนี้กันอย่างไร กระทรวงมหาดไทยอ้างเหตุผลอะไรถึงขอเปิดตำแหน่งดังกล่าวที่ข่าวบอกว่า อาจมีร่วมๆ 10 ตำแหน่ง
แต่กระแสข่าวหลายสายบอกว่า ที่กระทรวงมหาดไทย จะเปิดตำแหน่งพวกนี้เอาไว้ ก็เพื่อเอาไว้แขวนคนที่โดนเด้งจากผลพวงโครงการฉาวการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ที่สตง.ชี้ในเบื้องต้นว่า การดำเนินการของหลายจังหวัดส่อเค้าว่า จะมีการทุจริต และทำให้เงินของรัฐรั่วไหล โดยคนที่เกี่ยวข้องหลายคนอยู่ในสายงานกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน และพวกที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยเวลานี้ สตง. ก็ส่งผลสอบเบื้องต้นในบางจังหวัดมาให้กระทรวง มหาดไทยแล้ว ที่ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในภาคอีสาน เช่น ที่อุบลราชธานี บึงกาฬ อำนาจเจริญ มุกดาหาร และจะส่งมาอีกหลายจังหวัดในเร็วๆ นี้ เพราะตามข่าวบอกว่า สตง.ตรวจสอบพบความผิดปกติร่วมๆ 22 จังหวัด ทั้งอีสาน-เหนือ-กลาง เลยทีเดียว
ย่อมทำให้ บิ๊กป๊อก ในฐานะเจ้ากระทรวง ก็ต้องเต้นเป็นธรรมดา เพราะหากผู้ใต้บังคับบัญชาในเวลานี้ หรือพวกบิ๊กมหาดไทย ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว มีส่วนพัวพันกับการทำผิด หากพลเอกอนุพงษ์ อยู่ๆ เฉย ไม่ทำอะไร เช่นไม่ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สอบวินัย ตัวบิ๊กป๊อก ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะโดนป.ป.ช.สอยเอาได้ เลยต้องเตรียมจัดการกับพวกข้าราชการมหาดไทย ที่อาจพัวพันกับเรื่องงบจัดซื้อยาฆ่าแมลงดังกล่าวไว้แต่เนิ่นๆ
**ทว่าระหว่างที่กำลังรอทั้งป.ป.ช. และ สตง. สรุปผลการตรวจสอบการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชดังกล่าวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ข่าวจากทีมตรวจสอบสตง.แจ้งมาว่า ความผิดปกติที่ สตง. เจอในโครงการนี้ก็คือ จัดซื้อมาแล้วพบว่าได้ของคุณภาพต่ำ –ยาฆ่าแมลงปลอม ไม่ได้คุณภาพ –มีการจัดซื้อแพงกว่า ความเป็นจริงถึง 20 เท่า ของราคาในท้องตลาด ทำให้ สตง.ประมาณการว่า ในงบดังกล่าวที่มีร่วมๆ 7 พันล้านบาท น่าจะมีการรั่วไหลหรือทำให้รัฐเสียหายต้องจ่าย แพงกว่าปกติ อย่างต่ำๆ ก็20-30เปอร์เซ็นต์
ที่น่าสนใจ ข่าวจากทีมตรวจสอบของ สตง. บอกมาว่า ทีมงานตรวจสอบเรื่องนี้ของสตง. พบว่า ในการจัดซื้อดังกล่าวของหลายจังหวัดในภาคอีสาน พบว่า ส่วนใหญ่มักจะซื้อจากบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช เพียงไม่กี่แห่ง แต่มีอยู่เจ้าหนึ่งขายของได้จำนวนมาก เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยในภาคอีสาน ซึ่งบริษัทดังกล่าว มีตัวแทน หรือพูดง่ายๆว่าเป็นเจ้าของกิจการ คอยไปวิ่งงานพบปะผู้ใหญ่ของจังหวัด ที่รู้จักชื่อกันในชื่อ "เสี่ยอ้วน” แต่ข่าวยังไม่บอกชัดว่า “เสี่ยอ้วน”คนนี้ เวลาขายสินค้า มีโปรโมชั่น หรือบริการหลังการขายอะไรที่ดีและเหนือกว่าเจ้าอื่น ถึงได้ขายพวกสารเคมีปราบศัตรูพืชให้กับหลายจังหวัดได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ตรงนี้ก็ต้องรอ สตง.กับ ป.ป.ช. ทำงานไปก่อน
**หากเรื่องนี้มีการขยายความ เอาผิดกันอย่างจริงจัง จากทั้ง สตง.-ป.ป.ช.-กระทรวงมหาดไทย จนมีการเด้งกราวรูด และตั้งกรรมการสอบบิ๊กมหาดไทย จำนวนมาก เชื่อว่า“เสี่ยอ้วน”คนนี้ จะเป็น ตัวละครสำคัญที่สุดท้ายอาจหาตัวไม่เจอ ก็เป็นได้ !
ต้องถือว่า ปิดข่าวได้เงียบสนิท ชนิดบิ๊กมหาดไทยหลายคนตกข่าวกันหมด ไม่รู้ว่า มท.1 ชงบัญชีรายชื่อเด้ง-สลับเก้าอี้เข้าครม.10 ตำแหน่ง เข้าที่ประชุมครม. แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวกระเซ็นกระสายมาบ้างว่า จะมีการโยกย้ายนอกฤดูกาลในระดับ10 ของ ก.มหาดไทย จากผลพวงเรื่อง ผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืช ที่อยู่ในงบโครงการจัดซื้อสารเคมีผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติโรคระบาดด้านพืช ที่เป็นงบสำรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดซื้อ ซึ่งแม้จะเป็นการตรวจสอบพบนานแล้ว เพราะเป็นงบในช่วงปี 2554-2555 แต่ สตง. ก็เพิ่งทยอยสรุปผลการตรวจสอบ และแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทย กับสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ขยายผลต่อไป
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ในการตรวจสอบของสตง. อาจจะมีบิ๊กมหาดไทย ระดับ 10 หลายคนในเวลานี้เกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้ช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าว พลเอกอนุพงษ์ จะเด้งบิ๊กมหาดไทยในเวลานี้ร่วมๆ 10 คน เข้ากรุไปก่อนแล้วตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามระเบียบราชการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เห็นว่าพลเอกอนุพงษ์ คงไม่ทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายอะไรในช่วงนี้ เพราะต้องรอเรื่องจากสตง. กับป.ป.ช. ชี้มูลความผิดหรือสรุปผลอย่างเป็นทางการมาก่อนถึงค่อยจัดการ โดยคาดกันว่า น่าจะเป็นช่วงมีนาคม ที่จะอยู่ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี เดือนเมษายนพอดี จะได้ปรับตำแหน่งอะไรต่างๆ ควบคู่ไปกับการขยายผลการตรวจสอบของสตง. และ ป.ป.ช.
**แต่ที่ไหนได้ จู่ๆ พลเอกอนุพงษ์ ก็จัดการแต่งตั้งโยกย้ายแบบเงียบๆ ทีเดียว 10 ตำแหน่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ผู้ว่าฯหลายจังหวัดที่โดนเด้งเข้ากรุ ดันเป็นสิงห์มหาดไทย สายเสื้อน้ำเงิน คือพวกที่เคยได้ดิบได้ดีในยุค พรรคภูมิใจไทยเป็นใหญ่ และหลายคนเป็นคนในเครือข่าย เนวิน ชิดชอบ ที่ก็รู้กันดีว่าเนวิน แนบแน่น กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขนาดไหน
ไม่ว่าจะเป็น ธานี สามารถกิจ ผวจ.ระยอง อดีตทีมงานหน้าห้องชวรัตน์ ชาญวีรกูล สมัยเป็นรมว.มหาดไทย - ระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครสวรรค์ - เสริม ไชยณรงค์ ผวจ.อุบลราชธานี ซึ่ง 3 คนนี้โดนเด้งเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เล่นเอาผู้คน โดยเฉพาะข้าราชการมหาดไทย งงกันไปตามๆ กันว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่าง เนวิน-ภูมิใจไทย กับบิ๊กป้อม และ บิ๊กป๊อก
ทั้งนี้แม้ พลเอกอนุพงษ์ จะยืนกรานว่าการโยกย้ายดังกล่าวเป็นเรื่องความเหมาะสมในการบริหารงาน ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น กับการตรวจสอบอะไร แต่ของแบบนี้ มันก็แค่การอ้างไปอย่างนั้น สาเหตุลึกๆ ที่มีการเด้งกันรอบนี้ มันต้องมีแน่นอน ไม่อย่างนั้น จู่ๆ คงไม่มีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนอะไรกันแบบนอกฤดูกาลเช่นนี้
**ข่าววงในก็บอกว่าการย้ายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับเรื่องงบจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชแน่นอน
เบื้องต้น เชื่อว่าการโยกย้ายใน ก.มหาดไทยนอกฤดูกาล มันไม่จบแค่นี้แน่นอน คาดหมายกันว่า เร็วๆนี้ พลเอกอนุพงษ์ อาจชงบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย เข้าครม.อีกล็อตหนึ่ง แต่จะเป็นช่วงไหนต้องจับตา อาจเป็นช่วงกุมภาพันธ์ หรือจะเลยไปช่วงมีนาคม-เมษายน เลยก็ยังไม่แน่ชัด แต่สัญญาณหลายอย่างมันออกมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกรณีข่าวกระทรวงมหาดไทย ทำเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อขอให้ ก.พ.อนุมัติ เปิดตำแหน่งพิเศษที่เรียกกันว่า ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นตำแหน่งลดชั้น หนักยิ่งกว่าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเสียอีก ข่าวบอกว่า ก.พ.ไฟเขียวมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดว่า ก.พ.กับกระทรวงมหาดไทย มีข้อตกลงเรื่องนี้กันอย่างไร กระทรวงมหาดไทยอ้างเหตุผลอะไรถึงขอเปิดตำแหน่งดังกล่าวที่ข่าวบอกว่า อาจมีร่วมๆ 10 ตำแหน่ง
แต่กระแสข่าวหลายสายบอกว่า ที่กระทรวงมหาดไทย จะเปิดตำแหน่งพวกนี้เอาไว้ ก็เพื่อเอาไว้แขวนคนที่โดนเด้งจากผลพวงโครงการฉาวการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ที่สตง.ชี้ในเบื้องต้นว่า การดำเนินการของหลายจังหวัดส่อเค้าว่า จะมีการทุจริต และทำให้เงินของรัฐรั่วไหล โดยคนที่เกี่ยวข้องหลายคนอยู่ในสายงานกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน และพวกที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยเวลานี้ สตง. ก็ส่งผลสอบเบื้องต้นในบางจังหวัดมาให้กระทรวง มหาดไทยแล้ว ที่ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในภาคอีสาน เช่น ที่อุบลราชธานี บึงกาฬ อำนาจเจริญ มุกดาหาร และจะส่งมาอีกหลายจังหวัดในเร็วๆ นี้ เพราะตามข่าวบอกว่า สตง.ตรวจสอบพบความผิดปกติร่วมๆ 22 จังหวัด ทั้งอีสาน-เหนือ-กลาง เลยทีเดียว
ย่อมทำให้ บิ๊กป๊อก ในฐานะเจ้ากระทรวง ก็ต้องเต้นเป็นธรรมดา เพราะหากผู้ใต้บังคับบัญชาในเวลานี้ หรือพวกบิ๊กมหาดไทย ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว มีส่วนพัวพันกับการทำผิด หากพลเอกอนุพงษ์ อยู่ๆ เฉย ไม่ทำอะไร เช่นไม่ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สอบวินัย ตัวบิ๊กป๊อก ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะโดนป.ป.ช.สอยเอาได้ เลยต้องเตรียมจัดการกับพวกข้าราชการมหาดไทย ที่อาจพัวพันกับเรื่องงบจัดซื้อยาฆ่าแมลงดังกล่าวไว้แต่เนิ่นๆ
**ทว่าระหว่างที่กำลังรอทั้งป.ป.ช. และ สตง. สรุปผลการตรวจสอบการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชดังกล่าวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ข่าวจากทีมตรวจสอบสตง.แจ้งมาว่า ความผิดปกติที่ สตง. เจอในโครงการนี้ก็คือ จัดซื้อมาแล้วพบว่าได้ของคุณภาพต่ำ –ยาฆ่าแมลงปลอม ไม่ได้คุณภาพ –มีการจัดซื้อแพงกว่า ความเป็นจริงถึง 20 เท่า ของราคาในท้องตลาด ทำให้ สตง.ประมาณการว่า ในงบดังกล่าวที่มีร่วมๆ 7 พันล้านบาท น่าจะมีการรั่วไหลหรือทำให้รัฐเสียหายต้องจ่าย แพงกว่าปกติ อย่างต่ำๆ ก็20-30เปอร์เซ็นต์
ที่น่าสนใจ ข่าวจากทีมตรวจสอบของ สตง. บอกมาว่า ทีมงานตรวจสอบเรื่องนี้ของสตง. พบว่า ในการจัดซื้อดังกล่าวของหลายจังหวัดในภาคอีสาน พบว่า ส่วนใหญ่มักจะซื้อจากบริษัทที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช เพียงไม่กี่แห่ง แต่มีอยู่เจ้าหนึ่งขายของได้จำนวนมาก เรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยในภาคอีสาน ซึ่งบริษัทดังกล่าว มีตัวแทน หรือพูดง่ายๆว่าเป็นเจ้าของกิจการ คอยไปวิ่งงานพบปะผู้ใหญ่ของจังหวัด ที่รู้จักชื่อกันในชื่อ "เสี่ยอ้วน” แต่ข่าวยังไม่บอกชัดว่า “เสี่ยอ้วน”คนนี้ เวลาขายสินค้า มีโปรโมชั่น หรือบริการหลังการขายอะไรที่ดีและเหนือกว่าเจ้าอื่น ถึงได้ขายพวกสารเคมีปราบศัตรูพืชให้กับหลายจังหวัดได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ตรงนี้ก็ต้องรอ สตง.กับ ป.ป.ช. ทำงานไปก่อน
**หากเรื่องนี้มีการขยายความ เอาผิดกันอย่างจริงจัง จากทั้ง สตง.-ป.ป.ช.-กระทรวงมหาดไทย จนมีการเด้งกราวรูด และตั้งกรรมการสอบบิ๊กมหาดไทย จำนวนมาก เชื่อว่า“เสี่ยอ้วน”คนนี้ จะเป็น ตัวละครสำคัญที่สุดท้ายอาจหาตัวไม่เจอ ก็เป็นได้ !