ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ด กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2%ต่อปี มองนโยบายการเงินในปัจจุบันผ่อนปรนพอช่วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และไม่เพิ่มความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินและช่วงตลาดการเงินโลกผันผวน ส่วนการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย ถ้าจำเป็นจะใช้เครื่องมืออื่นก่อนดอกเบี้ย เหตุเป็นเครื่องมือที่กระทบวงกว้าง เผยขณะนี้การไหลเข้า-ออกเงินทุนยังปกติและยุคเงินเฟ้อต่ำไม่ถือเป็นภาวะเงินฝืด
นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2%ต่อปี ซึ่งเป็นผลการประชุมบอร์ดกนง.ครั้งแรกของปี 58 โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนเพียงพอต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ อีกทั้งการคงดอกเบี้ยไว้จะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ระดับต่ำต่อเนื่องมานานและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
“ในระยะต่อไป กรรมการเห็นฟ้องถึงความจำเป็นที่นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน และกรรมการจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป”
สำหรับบอร์ดกนง.เห็นต่าง 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เห็นว่านโยบายการเงินควรสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในช่วงที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีมากขึ้น แรงกระตุ้นจากภาคการคลังยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำมากไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงปรับสูงขึ้น
ดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือแรกดูแลเงินทุน
ในที่ประชุมมีการหารือทั้งปัจจัยที่มีผลให้เงินทุนไหลเข้าและปัจจัยเงินทุนไหลออก โดยขณะนี้กรรมการมีความเป็นเป็นห่วงไม่มากเท่ากับตลาดกังวล แต่ควรมีการดูแลตามความเหมาะสมและกำชับให้ธปท.ติดตามสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)ของยุโรปต่างกับคิวอีของสหรัฐ ทำให้สภาพคล่องของยุโรปไม่มากทางตลาดเกิดใหม่หรือภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย อย่างไรก็ตาม ทางบอร์ดกนง.มองว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเกินสมควรจะต้องมีเครื่องมือและวิธีการแต่ละขั้นตอน เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ด้วย
“การใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายเป็นอีกแนวทางหนึ่งในที่ประชุมบอร์ดกนง.คุยกัน แต่กรรมการหลายท่านเห็นว่า ถ้าจำเป็นใช้เครื่องมืออื่นก่อนดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือที่กระทบวงกว้าง อีกทั้งดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอันดับแรกๆ ในเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเท่าที่ติดตามการเก็งกำไรค่าเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญในขณะนี้ เพราะการไหลเข้า-ออกของเงินทุนยังไม่ผิดปกติ” เลขานุการบอร์ด กนง.กล่าว
ต่อข้อซักถามที่ว่าค่าเงินบาทในปัจจุบันมีผลต่อความสามารถแข่งขันของไทยหรือไม่นั้น เลขานุการบอร์ดกนง.กล่าวว่า แม้ดัชนีค่าเงินบาทแท้จริงเทียบกับภูมิภาคแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่ต่างกับปัจจัยพื้นฐาน ส่วนการส่งออกของไทยมาจากความต้องการประเทศคู่ค้ามากกว่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ค่าเงินไม่มีผลมากนักต่อการขยายตัว แม้คำนวณรายได้เป็นเงินบาทมากขึ้นแต่รายได้เพิ่มขึ้นนั้นก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าลงทุนต่อ เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
เงินเฟ้อต่ำไม่ใช่ภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้ ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาพลังงานและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะหลุดขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปีนี้ แต่ไม่ควรลดดอกเบี้ย เพื่อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินและขณะนี้ไม่เป็นภาวะเงินฝืด เนื่องจากกำลังซื้อของคนยังมีอยู่ และราคาสินค้าส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันไม่ได้ปรับลดลง รวมถึงคนทั่วไปยังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อไม่ต่ำอย่างนี้เสมอไป ซึ่งแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น แม้เงินเฟ้อต่ำ แต่ไม่ใช่ปัญหาน่ากังวลในขณะนี้
แนวโน้มหนี้ครัวเรือนชะลอ
การประชุมครั้งนี้มีการหารือประเด็นหนี้ครัวเรือนบ้าง แต่ไม่ได้เจาะลึกเหมือนช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่าหนี้ครัวเรือนเป็นตัวถ่วงการบริโภคและปัจจุบันสัดส่วนหนี้ครัวเรือนแตะ 84.7%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยขณะนี้การก่อหนี้เริ่มชะลอลง อีกทั้งเศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัว จึงมองว่าในปี 58 ปัญหาหนี้ครัวเรือนน่าจะชะลอลง
ศก.ไทยโตได้มากกว่า4%ในQ1
นายเมธี กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและยังคาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยกระจายในหลายภาคส่วนมากขึ้นและภายใต้อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทำให้คนมีเงินเพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการใช้จ่ายตามปกติไม่ได้เร่งขึ้นแต่อย่างใด.
นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2%ต่อปี ซึ่งเป็นผลการประชุมบอร์ดกนง.ครั้งแรกของปี 58 โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนเพียงพอต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ อีกทั้งการคงดอกเบี้ยไว้จะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ระดับต่ำต่อเนื่องมานานและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
“ในระยะต่อไป กรรมการเห็นฟ้องถึงความจำเป็นที่นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน และกรรมการจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป”
สำหรับบอร์ดกนง.เห็นต่าง 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เห็นว่านโยบายการเงินควรสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในช่วงที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีมากขึ้น แรงกระตุ้นจากภาคการคลังยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำมากไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงปรับสูงขึ้น
ดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือแรกดูแลเงินทุน
ในที่ประชุมมีการหารือทั้งปัจจัยที่มีผลให้เงินทุนไหลเข้าและปัจจัยเงินทุนไหลออก โดยขณะนี้กรรมการมีความเป็นเป็นห่วงไม่มากเท่ากับตลาดกังวล แต่ควรมีการดูแลตามความเหมาะสมและกำชับให้ธปท.ติดตามสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)ของยุโรปต่างกับคิวอีของสหรัฐ ทำให้สภาพคล่องของยุโรปไม่มากทางตลาดเกิดใหม่หรือภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย อย่างไรก็ตาม ทางบอร์ดกนง.มองว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเกินสมควรจะต้องมีเครื่องมือและวิธีการแต่ละขั้นตอน เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ด้วย
“การใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายเป็นอีกแนวทางหนึ่งในที่ประชุมบอร์ดกนง.คุยกัน แต่กรรมการหลายท่านเห็นว่า ถ้าจำเป็นใช้เครื่องมืออื่นก่อนดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือที่กระทบวงกว้าง อีกทั้งดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอันดับแรกๆ ในเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเท่าที่ติดตามการเก็งกำไรค่าเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญในขณะนี้ เพราะการไหลเข้า-ออกของเงินทุนยังไม่ผิดปกติ” เลขานุการบอร์ด กนง.กล่าว
ต่อข้อซักถามที่ว่าค่าเงินบาทในปัจจุบันมีผลต่อความสามารถแข่งขันของไทยหรือไม่นั้น เลขานุการบอร์ดกนง.กล่าวว่า แม้ดัชนีค่าเงินบาทแท้จริงเทียบกับภูมิภาคแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่ต่างกับปัจจัยพื้นฐาน ส่วนการส่งออกของไทยมาจากความต้องการประเทศคู่ค้ามากกว่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ค่าเงินไม่มีผลมากนักต่อการขยายตัว แม้คำนวณรายได้เป็นเงินบาทมากขึ้นแต่รายได้เพิ่มขึ้นนั้นก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าลงทุนต่อ เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
เงินเฟ้อต่ำไม่ใช่ภาวะเงินฝืด
นอกจากนี้ ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาพลังงานและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะหลุดขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปีนี้ แต่ไม่ควรลดดอกเบี้ย เพื่อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินและขณะนี้ไม่เป็นภาวะเงินฝืด เนื่องจากกำลังซื้อของคนยังมีอยู่ และราคาสินค้าส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันไม่ได้ปรับลดลง รวมถึงคนทั่วไปยังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อไม่ต่ำอย่างนี้เสมอไป ซึ่งแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น แม้เงินเฟ้อต่ำ แต่ไม่ใช่ปัญหาน่ากังวลในขณะนี้
แนวโน้มหนี้ครัวเรือนชะลอ
การประชุมครั้งนี้มีการหารือประเด็นหนี้ครัวเรือนบ้าง แต่ไม่ได้เจาะลึกเหมือนช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่าหนี้ครัวเรือนเป็นตัวถ่วงการบริโภคและปัจจุบันสัดส่วนหนี้ครัวเรือนแตะ 84.7%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยขณะนี้การก่อหนี้เริ่มชะลอลง อีกทั้งเศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัว จึงมองว่าในปี 58 ปัญหาหนี้ครัวเรือนน่าจะชะลอลง
ศก.ไทยโตได้มากกว่า4%ในQ1
นายเมธี กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและยังคาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยกระจายในหลายภาคส่วนมากขึ้นและภายใต้อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทำให้คนมีเงินเพิ่มขึ้น แต่ยังเป็นการใช้จ่ายตามปกติไม่ได้เร่งขึ้นแต่อย่างใด.
