ASTVผู้จัดการรายวัน-2 รัฐมนตรีพาณิชย์ลงพื้นที่เปิดตัวแม่สอดโมเดล ประกาศเมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดี ยกระดับการค้าชายแดนไทย-เพื่อนบ้าน 29 ม.ค.นี้ ก่อนขยายไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่น พร้อมจัดมหกรรมการค้าชายแดน ขนสินค้าไทยและเมียนมาร์จำหน่ายให้ประชาชน 2 ประเทศ เผยเอกชนเตรียมลงนามความร่วมมือการค้า การลงทุน ระหว่างกันด้วย
นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ม.ค.2558 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีกำหนดที่จะพบปะหารือกับนายอู วิน มินท์ รมว.พาณิชย์เมียนมา เปิดตัวแม่สอดโมเดล ซึ่งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะมีการประกาศเจตนารมณ์เมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดีระหว่างรองผู้ว่าราชการจ.ตาก และเมียวดี เพื่อผลักดันความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“นโยบายของรมว.พาณิชย์ จะใช้แม่สอดโมเดลในการขยายการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต่อไปจะมีการขยายความร่วมมือไปยังเขตพัฒนาเศรษฐกิจอื่นๆ ต่อไป โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ ที่จ.ตาก มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา และตราด”
ทั้งนี้ ความร่วมมือบ้านพี่เมืองน้องระหว่างแม่สอด-เมียวดี จะช่วยสร้างความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม วัฒนธรรมระหว่างกัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ระบบโลจิสติกส์ ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการขยายการค้าชายแดน เพราะด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด เมื่อเทียบกับด่านศุลกากรอื่นๆ ของไทยกับเมียนมา
นางดวงกมลกล่าวว่า ในการเดินทางไปของ 2 รัฐมนตรีพาณิชย์ในครั้งนี้ จะมีกิจกรรมพิเศษอีก คือ การจัดมหกรรมการค้าชายแดน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ. ณ สนามกีฬากลางเทศบาลนครแม่สอด โดยจะมีการจัดแสดงคูหาสินค้าและบริการ 300 คูหา มีทั้งสินค้าของไทยและเมียนมา เช่น สินค้า OTOP สินค้าธงฟ้า สินค้าศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ สินค้าส่งออก สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าแฟรนไชส์ สินค้าอินทรีย์และสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตร
โดยงานดังกล่าวจะเป็นช่องทางในการพบปะเจรจาธุรกิจและตกลงซื้อขายกันระหว่างผู้ประกอบการไทยและเมียนมาและเป็นช่องการจำหน่ายสินค้าสำหรับประชาชนในพื้นที่ทั้งในด้านไทยและเมียนมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างกันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์จะเป็นสักขีพยานการลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างภาคเอกชนไทย-เมียนมา โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เพื่อขยายความร่วมมือการขยายการค้าและการลงทุนและการขนส่ง รวมทั้งการจัดทำบันทึก MOU ระหว่างหอการค้า จ.ตาก และจ.เมียวดี เพื่อร่วมกันผลักดันการค้าชายแดนและการใช้เส้นทางขนส่งสินค้าเมียวดี-กอกะแร็ก ที่จะแล้วเสร็จในเดือนก.ค.2558 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการค้าการไปมาระหว่างกันได้รวดเร็วกว่าเดิมที่จะต้องสลับวันไปและกลับ
นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ม.ค.2558 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีกำหนดที่จะพบปะหารือกับนายอู วิน มินท์ รมว.พาณิชย์เมียนมา เปิดตัวแม่สอดโมเดล ซึ่งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะมีการประกาศเจตนารมณ์เมืองคู่แฝดแม่สอด-เมียวดีระหว่างรองผู้ว่าราชการจ.ตาก และเมียวดี เพื่อผลักดันความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“นโยบายของรมว.พาณิชย์ จะใช้แม่สอดโมเดลในการขยายการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต่อไปจะมีการขยายความร่วมมือไปยังเขตพัฒนาเศรษฐกิจอื่นๆ ต่อไป โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ ที่จ.ตาก มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา และตราด”
ทั้งนี้ ความร่วมมือบ้านพี่เมืองน้องระหว่างแม่สอด-เมียวดี จะช่วยสร้างความใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม วัฒนธรรมระหว่างกัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ระบบโลจิสติกส์ ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยในการขยายการค้าชายแดน เพราะด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด เมื่อเทียบกับด่านศุลกากรอื่นๆ ของไทยกับเมียนมา
นางดวงกมลกล่าวว่า ในการเดินทางไปของ 2 รัฐมนตรีพาณิชย์ในครั้งนี้ จะมีกิจกรรมพิเศษอีก คือ การจัดมหกรรมการค้าชายแดน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ. ณ สนามกีฬากลางเทศบาลนครแม่สอด โดยจะมีการจัดแสดงคูหาสินค้าและบริการ 300 คูหา มีทั้งสินค้าของไทยและเมียนมา เช่น สินค้า OTOP สินค้าธงฟ้า สินค้าศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ สินค้าส่งออก สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าแฟรนไชส์ สินค้าอินทรีย์และสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตร
โดยงานดังกล่าวจะเป็นช่องทางในการพบปะเจรจาธุรกิจและตกลงซื้อขายกันระหว่างผู้ประกอบการไทยและเมียนมาและเป็นช่องการจำหน่ายสินค้าสำหรับประชาชนในพื้นที่ทั้งในด้านไทยและเมียนมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างกันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์จะเป็นสักขีพยานการลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างภาคเอกชนไทย-เมียนมา โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพเมียนมา (UMFCCI) เพื่อขยายความร่วมมือการขยายการค้าและการลงทุนและการขนส่ง รวมทั้งการจัดทำบันทึก MOU ระหว่างหอการค้า จ.ตาก และจ.เมียวดี เพื่อร่วมกันผลักดันการค้าชายแดนและการใช้เส้นทางขนส่งสินค้าเมียวดี-กอกะแร็ก ที่จะแล้วเสร็จในเดือนก.ค.2558 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการค้าการไปมาระหว่างกันได้รวดเร็วกว่าเดิมที่จะต้องสลับวันไปและกลับ
