ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลอาญาจำคุก 16 เดือน “เก่ง การุณ” อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ปราศรัยหมิ่น “อี้ แทนคุณ” กล่าวหาอกตัญญู ถ่ายแบบโป๊ ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อกระบวนการเลือกตั้ง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ
วานนี้ (21 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.3005/2555 ที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 326, 328
โจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 3-12 มิ.ย.2554 เวลากลางวันหลังเที่ยงและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้ตั้งเวทีปราศรัยที่ตลาดนัดบุญอนันต์ เขตดอนเมือง กล่าวโจมตีโจทก์ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดียวกันอันเป็นข้อความเท็จ ในทำนองว่าโจทก์เป็นลูกอกตัญญู และถ่ายแบบโป๊ลงนิตยสารเกย์ รวมถึงจ้างคนมาฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำว่าพรรคการเมืองเก่าแก่ คู่แข่งทางการเมือง การเปลี่ยนนามสกุลแซ่ การกล่าวถึงบุคคลที่ออกอากาศที่ออกรายการโทรทัศน์ช่อง 9 ย่อมแสดงให้เห็นและทำให้ผู้ฟังสร้างและเข้าใจว่าคำปราศรัยของจำเลยตามฟ้องเป็นข้อความที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์ และข้อความบางส่วนของการปราศรัยเป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของโจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ เมื่อเป็นการปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียงบริเวณตลาดนัดอันเป็นสาธารณสถาน จึงเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และการปราศรัยทั้ง 2 คราว กระทำในวันเวลา เเละสถานที่ที่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาปราศรัยหมิ่นประมาทโจทก์ทั้ง 2 คราว แยกต่างหากจากกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหลายกรรมต่างกัน
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าการปราศรัยไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคล และพนักงานสอบสวนรวมถึงอัยการ ก็ไม่ได้มีความเห็นสั่งฟ้องนั้น เห็นว่าความเห็นในการสั่งฟ้องนั้น เป็นเพียงความเห็นในการสั่งคดีเบื้องต้นเท่านั้น การพิจารณาว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะบุคคล แต่ต้องพิจารณาถึงบริบทว่าสื่อถึงคนใด แม้จำเลยจะไม่เอ่ยชื่อ แต่เมื่อพิจารณาบริบทก่อนและหลังข้อความทำให้ผู้ฟังย่อมทราบและเข้าใจว่าข้อความที่จำเลยปราศรัยหมายถึงโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักหักล้างได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดทาให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทงจำคุก 16 เดือน ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเป็นเวลา 3 ครั้งภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่มีคำพิพากษา โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
พิเคราะห์พฤติการณ์ความผิดของจำเลยแล้ว จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านเครื่องกระจายเสียงในบริเวณสาธารณะต่อหน้าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 12 ในช่วงเวลาที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสียงไม่ได้หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นในวงกว้าง กระทบความน่าเชื่อถือ และคะแนนนิยมของโจทก์ เป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมืองทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 12 ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของจำเลยและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐ และประชาชนที่ต้องเดินทางมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ได้เกิดผลกระทบเฉพาะโจทก์เท่านั้น แต่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อกระบวนการเลือกตั้ง พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรที่ให้รอการลงโทษ
วานนี้ (21 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.3005/2555 ที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 326, 328
โจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 3-12 มิ.ย.2554 เวลากลางวันหลังเที่ยงและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้ตั้งเวทีปราศรัยที่ตลาดนัดบุญอนันต์ เขตดอนเมือง กล่าวโจมตีโจทก์ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดียวกันอันเป็นข้อความเท็จ ในทำนองว่าโจทก์เป็นลูกอกตัญญู และถ่ายแบบโป๊ลงนิตยสารเกย์ รวมถึงจ้างคนมาฟังการปราศรัย ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำว่าพรรคการเมืองเก่าแก่ คู่แข่งทางการเมือง การเปลี่ยนนามสกุลแซ่ การกล่าวถึงบุคคลที่ออกอากาศที่ออกรายการโทรทัศน์ช่อง 9 ย่อมแสดงให้เห็นและทำให้ผู้ฟังสร้างและเข้าใจว่าคำปราศรัยของจำเลยตามฟ้องเป็นข้อความที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์ และข้อความบางส่วนของการปราศรัยเป็นข้อความที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของโจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ เมื่อเป็นการปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียงบริเวณตลาดนัดอันเป็นสาธารณสถาน จึงเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และการปราศรัยทั้ง 2 คราว กระทำในวันเวลา เเละสถานที่ที่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาปราศรัยหมิ่นประมาทโจทก์ทั้ง 2 คราว แยกต่างหากจากกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหลายกรรมต่างกัน
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าการปราศรัยไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคล และพนักงานสอบสวนรวมถึงอัยการ ก็ไม่ได้มีความเห็นสั่งฟ้องนั้น เห็นว่าความเห็นในการสั่งฟ้องนั้น เป็นเพียงความเห็นในการสั่งคดีเบื้องต้นเท่านั้น การพิจารณาว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะบุคคล แต่ต้องพิจารณาถึงบริบทว่าสื่อถึงคนใด แม้จำเลยจะไม่เอ่ยชื่อ แต่เมื่อพิจารณาบริบทก่อนและหลังข้อความทำให้ผู้ฟังย่อมทราบและเข้าใจว่าข้อความที่จำเลยปราศรัยหมายถึงโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักหักล้างได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดทาให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทงจำคุก 16 เดือน ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเป็นเวลา 3 ครั้งภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่มีคำพิพากษา โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
พิเคราะห์พฤติการณ์ความผิดของจำเลยแล้ว จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทโจทก์ผ่านเครื่องกระจายเสียงในบริเวณสาธารณะต่อหน้าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 12 ในช่วงเวลาที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสียงไม่ได้หมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นในวงกว้าง กระทบความน่าเชื่อถือ และคะแนนนิยมของโจทก์ เป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมืองทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 12 ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของจำเลยและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐ และประชาชนที่ต้องเดินทางมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ได้เกิดผลกระทบเฉพาะโจทก์เท่านั้น แต่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อกระบวนการเลือกตั้ง พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรที่ให้รอการลงโทษ