รองประธาน สนช. เชื่อวันลงมติถอดถอนไม่มีเหตุรุนแรง ย้ำพุธหน้า คู่กรณีใช้สิทธิ์แถลงปิดคดีได้ ส่วนสมาชิกลงมติเป็นอิสระ และเป็นการลงคะแนนลับ ทีมทนายเผย "ปู" จะไปแถลงปิดคดีด้วยตนเองหลังรู้ข้อสอบแล้ว "หมอวรงค์" จับโกหกคลิปตอบคำถามแทน"ปู" ของอดีต รมต.เพื่อไทย ถามช้างตอบม้า อ้าง 35 คำถาม แต่บิดเบือนข้อมูลตามถนัด "สุริยะใส" แนะจับตาจะมีการตั้งเงื่อนไขผูกปมการเมือง เพื่อเคลื่อนไหวหากถูกถอดถอน "ประสาร" คาดสนช.ถอดถอน"ปู" สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ พท. ทำใจ "ปู" ไม่รอด ซัดพวกขวาจัดชักใย วางแผนให้ "บิ๊กตู่" สืบทอดอำนาจ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวภึงการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งกรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า อย่าไปฟังกระแสข่าวว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซง สนช. จนเกิดความไขว้เขว หรือขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของสนช. ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เองก็ปรามอีกครั้ง ไม่ให้สมาชิก สนช. ออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะชี้นำอีก
นายสุรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ในวันที่ 21-22 ม.ค. จะมีการแถลงปิดคดีสำนวนของทั้งนายนิคม นายสมศักดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนวันที่ 23 ม.ค. จะลงมติทั้งสามคน ซึ่งวาระการประชุมก็ได้แจ้งไปแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบข้อบังคับที่กำหนดไว้
"อยู่ที่คู่ความทั้งสองฝ่ายประเมินตัวเอง จากการที่ได้มาแถลงเปิดคดี ตอบข้อซักถาม สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาตอบ ก็ยังมีสิทธิ์อีกครั้ง ที่จะมาสรุปในวันแถลงปิดคดี ในสิ่งที่สมาชิกสนช. สงสัย เพื่อแสดงเหตุผลสนับสนุนข้อกล่าวหา หรือข้อถกเถียงของตนเอง เชื่อมั่นว่า สมาชิกทุกคนตั้งใจที่จะฟัง เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะลงมติในวันศุกร์" รองประธานสนช. กล่าว
เมื่อถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะมาตอบข้อซักถาม ที่คณะกรรมาธิการสอบถามทั้ง 35 ข้อ หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า เจ้าของคำถาม ก็ได้เปิดเผยคำถามไปหมดแล้ว ถ้าจะเอาคำตอบของคำถามเหล่านั้นไปกล่าวในวันแถลงปิดคดี ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ไม่มาตอบข้อซักถาม ซึ่งที่ผ่านมาสนช.ได้เปิดโอกาสให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ กระทั่งยินดีเลื่อนการพิจารณา เพื่อให้อดีตนายกฯ มาตอบคำถาม และเรื่องไหนที่ตอบไม่ได้ ก็ให้ขออนุญาตประธาน ให้ผู้อื่นชี้แจงได้ ซึ่ง
การไม่มาตอบเลย มันทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากเจ้าของคำถามเป็นเอกสิทธิ์ของเขาที่จะถามกับเจ้าตัว
ต่อข้อถามว่า มีการประสานกับรัฐบาลที่จะมารักษาความสงบเรียบร้อยในวันลงมติหรือไม่นั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ขอดูสถานการณ์ในสัปดาห์อีกครั้งก่อน แต่เชื่อว่า น่าจะไม่มีสถานการณ์อะไรที่จะเป็นปัญหากระทบการประชุมของสนช. เพราะที่ผ่านมา สนช. ก็ประชุมโดยเปิดเผยถ่ายทอดสดโดยตลอด การลงมติก็เป็นขั้นตอนสุดท้าย ของกระบวนการถอดถอนผลจะออกมายังไง ก็ต้องวิงวอนสังคมให้เคารพมติของสนช. ที่ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด
ส่วนที่ทางทีมทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะฟ้องร้องสนช. เห็นว่า ใครจะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องทางกฎหมาย ก็ดำเนินการไป แต่ต้องพิจารณาทบทวนว่าการแสดงความคิดเห็นข่มขู่เป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้การลงมติเป็นการลับไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพื่อให้การทำงานของ สนช. เป็นอิสระ
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่สอง กล่าวถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่คนของพรรคเพื่อไทย ออกมาตำหนิการทำหน้าที่ของ สนช. ว่า ตนและนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. รวมทั้ง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมดำเนินการข้อบังคับการประชุมอย่างถูกต้อง การดำเนินการของสนช.ทุกอย่าง ก็อยู่ภายใต้ข้อบังคับฯ ไม่ใครดำเนินการนอกเหนือจากนั้น ยืนยันว่า ไม่มีธง และไม่มีการชี้นำในการถอดถอนแน่นอน ส่วนคำถามที่ถาม ก็มีกมธ.ซักถามทำหน้าที่คัดกรองอย่างถูกต้องดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ด้านนายเจตน์ ศิรธานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) กล่าวว่า การถอดถอน สนช.ดำเนินขั้นตอนปกติ ตามที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการส่งเรื่องมาให้ ยืนยันว่าไม่มีธง และสัญญาณจากฝ่ายใดในการถอดถอนแน่นอน สนช. มีจำนวน 220 คน คงไม่มีใครมาสั่งและควบคุมคนถึง 220 คนแน่นอน ทุกคนย่อมมีความคิดเห็น และการตัดสินใจเป็นของตนเอง ส่วนที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหา สนช. ว่าต้องการกำจัดตระกูลทักษิณ คนพูดนั้นคิดไปเอง สนช.ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย
**22ม.ค."ปู"ไปแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า น้อมรับคำวิจารณ์ แต่เราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่ สนช. เข้าใจคลาดเคลื่อนในการแสวงหาข้อเท็จจริง การไม่ให้ผู้แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบคำถามแทนนั้น ใช้หลักเกณฑ์อะไร เพราะข้อบังคับการประชุม สนช. กำหนดให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถไปตอบคำถามแทนได้ แม้จะอ้างว่า เป็นเอกสิทธิ์ของผู้ตั้งคำถาม แต่การเอาเอกสิทธิ์ดังกล่าวมาห้าม ผู้ถูกถอดถอนไม่ให้ชี้แจง เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ในวันที่ 19 ม.ค. จะมีการประชุมทีมทนายความ เพื่อสรุปข้อเท็จจริงในคดีทั้งหมด และในวันที่ 22 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
ส่วนคำถามที่นำมาใช้ ควรให้ที่ประชุมใหญ่สนช. ช่วยกันพิจารณา ไม่ใช่ให้ สนช.ไม่กี่คนพิจารณา คำถามควรเป็นลักษณะการแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ หรือตั้งคำถามเพื่อดิสเครดิตฝ่ายใด คำถามทั้ง 35 ข้อ ที่ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เท่าที่ดูเนื้อหา แปลกไปจากที่ถามฝั่งป.ป.ช. คำถามที่ถาม นายวิชา (ป.ป.ช.) มุ่งให้อธิบายข้อเท็จจริง แต่คำถามที่ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการตั้งคำถามในลักษณะที่ว่าต้องการดิสเครดิต
**จับโกหกคลิปอดีตรมต.ตอบแทน"ปู"
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อดีต รมต.พรรคเพื่อไทยจัดทำคลิป ตอบ 35 คำถาม ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติ(สนช.)ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระหว่างการซักถามคดีถอดถอนในสภา ว่า ตนเข้าใจว่าคงต้องการตอบคำถามแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งจากข้อมูลที่อ่าน ทั้งคำถาม และคำตอบ รู้สึกแปลกใจทั้งในคำถาม และคำตอบ เพราะบางคำถาม เป็นคำถามที่ สนช.ไม่น่าถาม และบางคำถามเหมือนกับสนช. ชงให้แบบฮั้วกัน บางคำถามรู้สึกว่า สนช.ติดลบ แต่ก็ปรากฏเป็นคำถามซึ่งเท่าที่ดูจาก 35 คำถาม มีข้อสังเกตุหลายประเด็น เช่น การตอบคำถามในคลิปมีเพียง 30 คำถาม ไม่ใช่ 35 คำถาม ที่จั่วหัวไว้ คำถามที่แหลมคม ไม่ถูกนำมาตอบ เช่น คำถามว่า "กรณีคุณกิตติรัตน์ เคยแถลงความเสียหายมากกว่า 60,000 ล้านบาท กรณีผู้มาซื้อข้าว คือผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยาของนักการเมือง พรรคเพื่อไทย และที่สำคัญคำถามเกี่ยวกับการทุจริตจำนวนหลายข้อ ไม่ถูกนำมาตอบ
นพ.วรงค์ กล่าวว่า การตั้งคำถามเป็นการตั้งชงขึ้นมาเอง ตามที่ตนเองต้องการตอบ ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดที่ นายนิวัฒน์ธำรง ตอบ เช่น ชื่อโครงการมีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมพรรคเพื่อไทย ถึงเลือกโครงการรับจำนำข้าวมาหาเสียง และปฏิบัติ และอีกหลายๆ คำถาม จากการตรวจสอบ 35 คำถาม ที่สนช.ถาม ไม่มีคำถามเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อ สนช. ว่าตั้งคำถามนี้มาได้อย่างไร เช่น โครงการรับจำนำข้าวแต่ละปี รัฐบาลต้องเอาข้าวไปทิ้งทะเล ทราบถึงความสูญเปล่า และสูญเสียที่เกิดขึ้นข้างต้นหรือไม่ ซึ่งในข้อเท็จจริงเราไม่เคยได้ยินเรื่องการนำข้าวไปทิ้งทะเล แต่มีการตั้งเป็นคำถาม และลักษณะการตอบเป็นการตอบไม่ตรงประเด็น ตอบแบบอยากจะตอบ แต่ไม่สนใจคำถาม โดยเฉพาะการตอบของ นายยรรยง พวงราช เป็นการถามช้าง ตอบม้า ไปไหนมา สามวาสองศอก ที่สำคัญการตอบคำถามเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการตอบว่า จีทูจี ไม่พบการกระทำผิดทุจริตใดๆ หรือ การกล่าวว่าการยกเลิกโครงการต้องไปขออนุมัติรัฐสภาในการยกเลิก รวมทั้งการรับจำนำไม่ได้ทำลายกลไกตลาด เหล่านี้เป็นต้น
" สิ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนแนวทางถนัดของคนจากพรรคเพื่อไทย ที่โกหก และบิดเบือนข้อเท็จจริงจนวาระสุดท้าย แม้จะมีตำแหน่งถึงอดีตรัฐมนตรี เอาจุดอ่อนของคนไทยที่อ่านไม่ละเอียด มาหาประโยชน์ และยิ่งเป็นการสะท้อนถึงการไม่สำนึกผิดของคนเหล่านี้ สิ่งที่ สนช.ต้องทำคือ การไปตรวจสอบคำถาม และคำตอบ ที่ทางอดีตรัฐมนตรีเผยแพร่ ท่านจะได้รับรู้ด้วยตัวท่านเองถึงการบิดเบือนต่างๆ และบางคำถามถึงขนาดทำให้เสียเกียรติภูมิของท่าน สนช. ท่านสนช. ยังคิดจะปรองดองกับคนที่บิดเบือนและไม่สำนึกอีกหรือ" นพ.วรงค์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาตอบข้อซักถามคดีถอดถอนในโครงการรับจำนำข้าวของกรรมาธิการ (กมธ.) ซักถาม สนช.ว่า สนช. ตั้งคำถาม 35 ข้อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบในสภา แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบ กลับทำคลิปตอบคำถามนั้นเผยแพร่นอกสภา เป็นเหมือนการสอบไล่ เขาให้ตอบในห้องสอบ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเอาข้อสอบนั้นไปตอบที่บ้าน แล้วมาส่งคำตอบทีหลัง ครูจะรู้ได้อย่างไรว่านักเรียนทำข้อสอบเอง หรือคนอื่นทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะให้ โอ๊ค พานทองแท้ ทำข้อสอบให้ก็ได้ ใครจะรู้ อย่างนี้นักเรียนที่เขาสอบในห้องเรียนเขาก็เสียเปรียบ
"นี่ถ้าครูคนไหนให้คุณยิ่งลักษณ์สอบผ่าน ถ้าผมเป็น ผอ.ผมไล่ออกเลยนะครับ รับครูคนใหม่เข้ามาแทนเลยล่ะ " นายนิพิฏฐ์ กล่าว
**จับตา"ปู"ผูกปมการเมืองวันปิดคดี
นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์ คณะนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ไปตอบข้อซักถาม สนช. และส่งทนายไปล้วงคำถาม แล้วมาตั้งทีมตอบผ่านยูทูปแทนนั้น เป็นการไม่ให้เกียรติสนช. ไม่เคารพกระบวนการตรวจสอบถอดถอนและถือเป็นการดูถูกประชาชน เพราะเป็นการทำให้ประชาชนเสียโอกาส ที่จะได้รับรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาจากการซักถามกันในสภา เพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน และการให้ทีมทนายไปชี้แจงตอบคำถามผ่านยูทูป แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่สะท้อนถึงอุปนิสัยของคนกลุ่มนี้ ที่พยายามตีรวน กระบวนการถอดถอน หรือถนัดเล่นนอกกติกา
และที่เป็นการดูถูกประชาชนมากที่สุด คือการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกมาเฉพาะวันแถลงเปิดคดีกับวันแถลงปิดคดี เพราะ 2 วันนี้ เป็นการพูดฝ่ายเดียว โดยไม่มีการซักถาม และก็คงเป็นไปตามคาดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงมายืนอ่านโพยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สะท้อนเจตนาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมงานที่จะใช้กระบวนการถอดถอนเป็นเวทีการเมือง ปราศรัยฝ่ายเดียว เพื่อโน้มนำใหัประชาชนเชื่อ และคล้อยตามด้วยโวหารการเมืองที่กำหนดผ่านโพยมาล่วงหน้า และเป็นไปได้ว่า การแถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงผูกปมการเมืองบางอย่างไว้เคลื่อนไหวกดดัน หากสนช.ลงมติถอดถอนตนเอง
การไม่ใส่ใจกระบวนการถอดถอน หรือมองข้ามคำถาม ข้อสงสัยของ สนช. แบบนี้ เชื่อว่าจะทำให้การตัดสินใจของ สนช. สายกลางๆ หรือที่ยังไม่ตัดสินใจ จะสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะลงมติแบบไหน
**อัด 4 อดีตรมต.ทำตัวเป็นตลกหน้าฉาก
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.กล่าวว่า การที่อดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ออกมาตอบคำถามสนช. ทางยูทูปแทนน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ทางสนช. ก็ไม่ได้เอาคลิปเหล่านั้นมาพิจารณาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับการะบวนการถอดถอนเลย เพราะต้องพิจารณาในสภาเท่านั้น และถึงแม้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นคนมาตอบคำถามลงคลิปเอง สนช.ก็เอามาพิจารณาไม่ได้ อยากถามพวกเขาเหล่านั้นเป็นอะไรกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการถอดถอนเลย กลับมาตีโพยตีพาย เดือดร้อนแทนนาย ตนเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เห็นจะร้อนอกร้อนใจอะไรเลย พวกเขาทำเหมือนอยากจะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจนายเสียมากกว่า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ผลการถอดถอนจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ได้ เสียง สนช. 132 เสียง ในการถอดถอน ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ถามว่ากลุ่ม 40 ส.ว. วันนี้ในสนช. มีอยู่แค่กี่คนเอง จะไปมีบทบาทอะไรได้ การถอดถอนที่ผ่านมาหลายครั้งไม่เห็นมีคนกลุ่มใดออกมาวุ่นวายเหมือนครั้งนี้เลย การถอนถอนของสนช. ก็เป็นไปตามระบบ พิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมอยู่แล้ว
"ขอฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่า อย่าทำตัวเป็นตลกหน้าฉาก มันดูไม่งาม เพราะเคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เสียภาพลักษณ์หมด เมื่อก่อนเวลานักข่าวถามคำถาม เห็นได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้สักคน" นายสมชาย กล่าว
**สนช.จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช. ปฏิรูปการเมือง มีความเห็นว่าในวันที่ 23 ม.ค.นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนด้วยคะแนนเสียงเกิน 132 เสียง ส่วนนายนิคม และนายสมศักดิ์ ก็มีสิทธิ์จะถูกถอดถอนด้วย เนื่องจาก
1. ความถูกต้องชอบธรรมอยู่กับฝ่ายยื่นถอดถอน ขณะที่การแถไถบิดเบือน อยู่กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวโทษ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงที่ปรากฏทำให้เห็นความกระจ่างมากขึ้นว่า กรณี นายนิคม นายสมศักดิ์ นั้นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ถูกยกเลิกไป ก็ไม่ช่วยให้ทั้งสองคนพ้นผิด ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ป.ป.ช. ชี้ว่า มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ก็มีประจักษ์พยานความเสียหายมหาศาลทางการเงินยืนยันได้ ผนวกกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ควรทำของคนเป็นนายกรัฐมนตรี จึงยากจะหลีกเลี่ยง
2. นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่ได้ดี ชี้แจงประเด็นกระจ่าง ตอบคำถามอย่างมีน้ำหนัก มีความอดทน และมีวุฒิภาวะ เทียบกับอีกฝ่ายหนึ่งแล้วนายวิชาได้ทั้งใจ และได้ทั้งมือของสนช. เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
3. น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีการตรวจสอบของสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ม.ค. เนื่องจากการตอบข้อซักถามต้องใช้สติปัญญาตนเอง ไม่สามารถอ่านโพยที่เตรียมมาได้ ทีมงานก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะคำถามส่วนใหญ่ ถามตรงต่ออดีตนายกฯ บางคำถามเกี่ยวพันกับจิตสำนึกรับผิดชอบ ที่คนอื่นตอบแทนไม่ได้ เพราะ สนช. ต้องการฟังคนที่ถูกกล่าวโทษ ไม่ต้องการฟังลูกขุนพลอยพยัก ส่วนนายนิคมนั้น ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีที่น่ารังเกียจ ขณะที่นายสมศักดิ์ ก็ยืนกรานในความผิดพลาดของตนเองอย่างไม่มีเหตุผล
ดังนั้นเชื่อว่า การลงมติในวันที่ 23 ม.ค. จะเป็นวิจารณญาณประวัติศาสตร์ของ สนช. คาดว่าสนช. จะมีการวินิจฉัยไปในทางแยกการปรองดองออกจากการลงมติ เพราะการลงมติ เป็นการรักษาบรรทัดฐานทางคุณธรรมของสังคมไทย เป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่างความฉ้อฉล กับสุจริตธรรม ว่าอะไรจะเหนือกว่ากัน ซึ่งจะชี้ชะตากรรมอนาคตได้ด้วยว่า การปฏิรูปกระบวนการทางการเมือง ยังมีความหวังได้หรือไม่
ทั้งนี้ นายประสารประเมินว่า คะแนนถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิน 132 เสียงแน่ ส่วนอีกสองคนนั้น ก็มีสิทธิ์ลุ้นถึง 132 เสียง ได้เช่นกัน
** ยันกองทัพไม่เคยชี้นำถอดถอน
พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ออกจากตำแหน่งว่า บทบาทของสนช.ในการทำหน้าที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล คำชี้แจง ทั้งฝ่ายที่กล่าวหา และฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ว่าจะโหวตลงคะแนนกันอย่างไร ทางรัฐบาล คสช. และกองทัพ ไม่เคยชี้นำแต่ประการใด ให้เป็นสิทธิเสรีของแต่ละคน
เมื่อถามว่า หลังการโหวต ห่วงสถานการณ์ต่อจากนี้หรือไม่ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ขณะนี้การทำงานอยู่ในโรดแมป ที่ 2 ของคสช.ที่มีรัฐบาลในการบริหารประเทศ มี ครม. สปช. สนช. เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขกันไปตามกลไกที่มีอยู่ คิดว่าประชาชนทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข คงไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดปัญหา ไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร คิดว่าทุกคนยอมรับได้ โดยเฉพาะประชาชน อยากให้เข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ทำให้ประเทศชาติสงบ ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
**พท.ทำใจ "ยิ่งลักษณ์" ไม่รอด
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึง กรณี สนช. จะลงมติวาระถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ว่า จับสัญญาณของสนช.แล้วคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะไม่รอดการถูกถอดถอน จากคดีปล่อยปละละเลยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริต ที่ส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ก็คงจะโดนถอดถอนจากปมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
"วันนี้ความคิดขวาจัด สุดโต่ง รุนแรงมาก และแผ่กระจายครอบงำไปทั้ง สนช. รัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย มีความพยายามจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งวิธีการหนึ่งคือ การเด็ดหัวฝ่ายตรงข้าม เพราะต้องยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีบารมีสูง และดูเหมือนว่า ยังยืนขวางทางอยู่ ดังนั้นสรุปแบบฟันธงไปเลยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ รอดยาก " นายวรชัย กล่าว
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวภึงการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งกรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า อย่าไปฟังกระแสข่าวว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซง สนช. จนเกิดความไขว้เขว หรือขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของสนช. ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เองก็ปรามอีกครั้ง ไม่ให้สมาชิก สนช. ออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะชี้นำอีก
นายสุรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ในวันที่ 21-22 ม.ค. จะมีการแถลงปิดคดีสำนวนของทั้งนายนิคม นายสมศักดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนวันที่ 23 ม.ค. จะลงมติทั้งสามคน ซึ่งวาระการประชุมก็ได้แจ้งไปแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบข้อบังคับที่กำหนดไว้
"อยู่ที่คู่ความทั้งสองฝ่ายประเมินตัวเอง จากการที่ได้มาแถลงเปิดคดี ตอบข้อซักถาม สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาตอบ ก็ยังมีสิทธิ์อีกครั้ง ที่จะมาสรุปในวันแถลงปิดคดี ในสิ่งที่สมาชิกสนช. สงสัย เพื่อแสดงเหตุผลสนับสนุนข้อกล่าวหา หรือข้อถกเถียงของตนเอง เชื่อมั่นว่า สมาชิกทุกคนตั้งใจที่จะฟัง เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะลงมติในวันศุกร์" รองประธานสนช. กล่าว
เมื่อถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะมาตอบข้อซักถาม ที่คณะกรรมาธิการสอบถามทั้ง 35 ข้อ หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า เจ้าของคำถาม ก็ได้เปิดเผยคำถามไปหมดแล้ว ถ้าจะเอาคำตอบของคำถามเหล่านั้นไปกล่าวในวันแถลงปิดคดี ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ไม่มาตอบข้อซักถาม ซึ่งที่ผ่านมาสนช.ได้เปิดโอกาสให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ กระทั่งยินดีเลื่อนการพิจารณา เพื่อให้อดีตนายกฯ มาตอบคำถาม และเรื่องไหนที่ตอบไม่ได้ ก็ให้ขออนุญาตประธาน ให้ผู้อื่นชี้แจงได้ ซึ่ง
การไม่มาตอบเลย มันทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากเจ้าของคำถามเป็นเอกสิทธิ์ของเขาที่จะถามกับเจ้าตัว
ต่อข้อถามว่า มีการประสานกับรัฐบาลที่จะมารักษาความสงบเรียบร้อยในวันลงมติหรือไม่นั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ขอดูสถานการณ์ในสัปดาห์อีกครั้งก่อน แต่เชื่อว่า น่าจะไม่มีสถานการณ์อะไรที่จะเป็นปัญหากระทบการประชุมของสนช. เพราะที่ผ่านมา สนช. ก็ประชุมโดยเปิดเผยถ่ายทอดสดโดยตลอด การลงมติก็เป็นขั้นตอนสุดท้าย ของกระบวนการถอดถอนผลจะออกมายังไง ก็ต้องวิงวอนสังคมให้เคารพมติของสนช. ที่ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด
ส่วนที่ทางทีมทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะฟ้องร้องสนช. เห็นว่า ใครจะใช้สิทธิ์ฟ้องร้องทางกฎหมาย ก็ดำเนินการไป แต่ต้องพิจารณาทบทวนว่าการแสดงความคิดเห็นข่มขู่เป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้การลงมติเป็นการลับไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพื่อให้การทำงานของ สนช. เป็นอิสระ
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่สอง กล่าวถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่คนของพรรคเพื่อไทย ออกมาตำหนิการทำหน้าที่ของ สนช. ว่า ตนและนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. รวมทั้ง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมดำเนินการข้อบังคับการประชุมอย่างถูกต้อง การดำเนินการของสนช.ทุกอย่าง ก็อยู่ภายใต้ข้อบังคับฯ ไม่ใครดำเนินการนอกเหนือจากนั้น ยืนยันว่า ไม่มีธง และไม่มีการชี้นำในการถอดถอนแน่นอน ส่วนคำถามที่ถาม ก็มีกมธ.ซักถามทำหน้าที่คัดกรองอย่างถูกต้องดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ด้านนายเจตน์ ศิรธานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) กล่าวว่า การถอดถอน สนช.ดำเนินขั้นตอนปกติ ตามที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการส่งเรื่องมาให้ ยืนยันว่าไม่มีธง และสัญญาณจากฝ่ายใดในการถอดถอนแน่นอน สนช. มีจำนวน 220 คน คงไม่มีใครมาสั่งและควบคุมคนถึง 220 คนแน่นอน ทุกคนย่อมมีความคิดเห็น และการตัดสินใจเป็นของตนเอง ส่วนที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหา สนช. ว่าต้องการกำจัดตระกูลทักษิณ คนพูดนั้นคิดไปเอง สนช.ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย
**22ม.ค."ปู"ไปแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า น้อมรับคำวิจารณ์ แต่เราทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่ สนช. เข้าใจคลาดเคลื่อนในการแสวงหาข้อเท็จจริง การไม่ให้ผู้แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบคำถามแทนนั้น ใช้หลักเกณฑ์อะไร เพราะข้อบังคับการประชุม สนช. กำหนดให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถไปตอบคำถามแทนได้ แม้จะอ้างว่า เป็นเอกสิทธิ์ของผู้ตั้งคำถาม แต่การเอาเอกสิทธิ์ดังกล่าวมาห้าม ผู้ถูกถอดถอนไม่ให้ชี้แจง เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ในวันที่ 19 ม.ค. จะมีการประชุมทีมทนายความ เพื่อสรุปข้อเท็จจริงในคดีทั้งหมด และในวันที่ 22 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง
ส่วนคำถามที่นำมาใช้ ควรให้ที่ประชุมใหญ่สนช. ช่วยกันพิจารณา ไม่ใช่ให้ สนช.ไม่กี่คนพิจารณา คำถามควรเป็นลักษณะการแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ หรือตั้งคำถามเพื่อดิสเครดิตฝ่ายใด คำถามทั้ง 35 ข้อ ที่ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เท่าที่ดูเนื้อหา แปลกไปจากที่ถามฝั่งป.ป.ช. คำถามที่ถาม นายวิชา (ป.ป.ช.) มุ่งให้อธิบายข้อเท็จจริง แต่คำถามที่ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการตั้งคำถามในลักษณะที่ว่าต้องการดิสเครดิต
**จับโกหกคลิปอดีตรมต.ตอบแทน"ปู"
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อดีต รมต.พรรคเพื่อไทยจัดทำคลิป ตอบ 35 คำถาม ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติ(สนช.)ถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระหว่างการซักถามคดีถอดถอนในสภา ว่า ตนเข้าใจว่าคงต้องการตอบคำถามแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งจากข้อมูลที่อ่าน ทั้งคำถาม และคำตอบ รู้สึกแปลกใจทั้งในคำถาม และคำตอบ เพราะบางคำถาม เป็นคำถามที่ สนช.ไม่น่าถาม และบางคำถามเหมือนกับสนช. ชงให้แบบฮั้วกัน บางคำถามรู้สึกว่า สนช.ติดลบ แต่ก็ปรากฏเป็นคำถามซึ่งเท่าที่ดูจาก 35 คำถาม มีข้อสังเกตุหลายประเด็น เช่น การตอบคำถามในคลิปมีเพียง 30 คำถาม ไม่ใช่ 35 คำถาม ที่จั่วหัวไว้ คำถามที่แหลมคม ไม่ถูกนำมาตอบ เช่น คำถามว่า "กรณีคุณกิตติรัตน์ เคยแถลงความเสียหายมากกว่า 60,000 ล้านบาท กรณีผู้มาซื้อข้าว คือผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยาของนักการเมือง พรรคเพื่อไทย และที่สำคัญคำถามเกี่ยวกับการทุจริตจำนวนหลายข้อ ไม่ถูกนำมาตอบ
นพ.วรงค์ กล่าวว่า การตั้งคำถามเป็นการตั้งชงขึ้นมาเอง ตามที่ตนเองต้องการตอบ ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดที่ นายนิวัฒน์ธำรง ตอบ เช่น ชื่อโครงการมีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมพรรคเพื่อไทย ถึงเลือกโครงการรับจำนำข้าวมาหาเสียง และปฏิบัติ และอีกหลายๆ คำถาม จากการตรวจสอบ 35 คำถาม ที่สนช.ถาม ไม่มีคำถามเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อ สนช. ว่าตั้งคำถามนี้มาได้อย่างไร เช่น โครงการรับจำนำข้าวแต่ละปี รัฐบาลต้องเอาข้าวไปทิ้งทะเล ทราบถึงความสูญเปล่า และสูญเสียที่เกิดขึ้นข้างต้นหรือไม่ ซึ่งในข้อเท็จจริงเราไม่เคยได้ยินเรื่องการนำข้าวไปทิ้งทะเล แต่มีการตั้งเป็นคำถาม และลักษณะการตอบเป็นการตอบไม่ตรงประเด็น ตอบแบบอยากจะตอบ แต่ไม่สนใจคำถาม โดยเฉพาะการตอบของ นายยรรยง พวงราช เป็นการถามช้าง ตอบม้า ไปไหนมา สามวาสองศอก ที่สำคัญการตอบคำถามเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการตอบว่า จีทูจี ไม่พบการกระทำผิดทุจริตใดๆ หรือ การกล่าวว่าการยกเลิกโครงการต้องไปขออนุมัติรัฐสภาในการยกเลิก รวมทั้งการรับจำนำไม่ได้ทำลายกลไกตลาด เหล่านี้เป็นต้น
" สิ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนแนวทางถนัดของคนจากพรรคเพื่อไทย ที่โกหก และบิดเบือนข้อเท็จจริงจนวาระสุดท้าย แม้จะมีตำแหน่งถึงอดีตรัฐมนตรี เอาจุดอ่อนของคนไทยที่อ่านไม่ละเอียด มาหาประโยชน์ และยิ่งเป็นการสะท้อนถึงการไม่สำนึกผิดของคนเหล่านี้ สิ่งที่ สนช.ต้องทำคือ การไปตรวจสอบคำถาม และคำตอบ ที่ทางอดีตรัฐมนตรีเผยแพร่ ท่านจะได้รับรู้ด้วยตัวท่านเองถึงการบิดเบือนต่างๆ และบางคำถามถึงขนาดทำให้เสียเกียรติภูมิของท่าน สนช. ท่านสนช. ยังคิดจะปรองดองกับคนที่บิดเบือนและไม่สำนึกอีกหรือ" นพ.วรงค์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาตอบข้อซักถามคดีถอดถอนในโครงการรับจำนำข้าวของกรรมาธิการ (กมธ.) ซักถาม สนช.ว่า สนช. ตั้งคำถาม 35 ข้อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบในสภา แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบ กลับทำคลิปตอบคำถามนั้นเผยแพร่นอกสภา เป็นเหมือนการสอบไล่ เขาให้ตอบในห้องสอบ แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเอาข้อสอบนั้นไปตอบที่บ้าน แล้วมาส่งคำตอบทีหลัง ครูจะรู้ได้อย่างไรว่านักเรียนทำข้อสอบเอง หรือคนอื่นทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะให้ โอ๊ค พานทองแท้ ทำข้อสอบให้ก็ได้ ใครจะรู้ อย่างนี้นักเรียนที่เขาสอบในห้องเรียนเขาก็เสียเปรียบ
"นี่ถ้าครูคนไหนให้คุณยิ่งลักษณ์สอบผ่าน ถ้าผมเป็น ผอ.ผมไล่ออกเลยนะครับ รับครูคนใหม่เข้ามาแทนเลยล่ะ " นายนิพิฏฐ์ กล่าว
**จับตา"ปู"ผูกปมการเมืองวันปิดคดี
นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์ คณะนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ไปตอบข้อซักถาม สนช. และส่งทนายไปล้วงคำถาม แล้วมาตั้งทีมตอบผ่านยูทูปแทนนั้น เป็นการไม่ให้เกียรติสนช. ไม่เคารพกระบวนการตรวจสอบถอดถอนและถือเป็นการดูถูกประชาชน เพราะเป็นการทำให้ประชาชนเสียโอกาส ที่จะได้รับรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาจากการซักถามกันในสภา เพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน และการให้ทีมทนายไปชี้แจงตอบคำถามผ่านยูทูป แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่สะท้อนถึงอุปนิสัยของคนกลุ่มนี้ ที่พยายามตีรวน กระบวนการถอดถอน หรือถนัดเล่นนอกกติกา
และที่เป็นการดูถูกประชาชนมากที่สุด คือการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกมาเฉพาะวันแถลงเปิดคดีกับวันแถลงปิดคดี เพราะ 2 วันนี้ เป็นการพูดฝ่ายเดียว โดยไม่มีการซักถาม และก็คงเป็นไปตามคาดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงมายืนอ่านโพยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สะท้อนเจตนาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมงานที่จะใช้กระบวนการถอดถอนเป็นเวทีการเมือง ปราศรัยฝ่ายเดียว เพื่อโน้มนำใหัประชาชนเชื่อ และคล้อยตามด้วยโวหารการเมืองที่กำหนดผ่านโพยมาล่วงหน้า และเป็นไปได้ว่า การแถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงผูกปมการเมืองบางอย่างไว้เคลื่อนไหวกดดัน หากสนช.ลงมติถอดถอนตนเอง
การไม่ใส่ใจกระบวนการถอดถอน หรือมองข้ามคำถาม ข้อสงสัยของ สนช. แบบนี้ เชื่อว่าจะทำให้การตัดสินใจของ สนช. สายกลางๆ หรือที่ยังไม่ตัดสินใจ จะสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะลงมติแบบไหน
**อัด 4 อดีตรมต.ทำตัวเป็นตลกหน้าฉาก
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช.กล่าวว่า การที่อดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ออกมาตอบคำถามสนช. ทางยูทูปแทนน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ทางสนช. ก็ไม่ได้เอาคลิปเหล่านั้นมาพิจารณาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับการะบวนการถอดถอนเลย เพราะต้องพิจารณาในสภาเท่านั้น และถึงแม้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นคนมาตอบคำถามลงคลิปเอง สนช.ก็เอามาพิจารณาไม่ได้ อยากถามพวกเขาเหล่านั้นเป็นอะไรกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการถอดถอนเลย กลับมาตีโพยตีพาย เดือดร้อนแทนนาย ตนเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เห็นจะร้อนอกร้อนใจอะไรเลย พวกเขาทำเหมือนอยากจะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจนายเสียมากกว่า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ผลการถอดถอนจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ได้ เสียง สนช. 132 เสียง ในการถอดถอน ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ถามว่ากลุ่ม 40 ส.ว. วันนี้ในสนช. มีอยู่แค่กี่คนเอง จะไปมีบทบาทอะไรได้ การถอดถอนที่ผ่านมาหลายครั้งไม่เห็นมีคนกลุ่มใดออกมาวุ่นวายเหมือนครั้งนี้เลย การถอนถอนของสนช. ก็เป็นไปตามระบบ พิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมอยู่แล้ว
"ขอฝากไปถึงคนเหล่านั้นว่า อย่าทำตัวเป็นตลกหน้าฉาก มันดูไม่งาม เพราะเคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เสียภาพลักษณ์หมด เมื่อก่อนเวลานักข่าวถามคำถาม เห็นได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้สักคน" นายสมชาย กล่าว
**สนช.จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
นายประสาร มฤคพิทักษ์ สปช. ปฏิรูปการเมือง มีความเห็นว่าในวันที่ 23 ม.ค.นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนด้วยคะแนนเสียงเกิน 132 เสียง ส่วนนายนิคม และนายสมศักดิ์ ก็มีสิทธิ์จะถูกถอดถอนด้วย เนื่องจาก
1. ความถูกต้องชอบธรรมอยู่กับฝ่ายยื่นถอดถอน ขณะที่การแถไถบิดเบือน อยู่กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวโทษ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงที่ปรากฏทำให้เห็นความกระจ่างมากขึ้นว่า กรณี นายนิคม นายสมศักดิ์ นั้นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ถูกยกเลิกไป ก็ไม่ช่วยให้ทั้งสองคนพ้นผิด ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ป.ป.ช. ชี้ว่า มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ก็มีประจักษ์พยานความเสียหายมหาศาลทางการเงินยืนยันได้ ผนวกกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ควรทำของคนเป็นนายกรัฐมนตรี จึงยากจะหลีกเลี่ยง
2. นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่ได้ดี ชี้แจงประเด็นกระจ่าง ตอบคำถามอย่างมีน้ำหนัก มีความอดทน และมีวุฒิภาวะ เทียบกับอีกฝ่ายหนึ่งแล้วนายวิชาได้ทั้งใจ และได้ทั้งมือของสนช. เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
3. น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีการตรวจสอบของสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ม.ค. เนื่องจากการตอบข้อซักถามต้องใช้สติปัญญาตนเอง ไม่สามารถอ่านโพยที่เตรียมมาได้ ทีมงานก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะคำถามส่วนใหญ่ ถามตรงต่ออดีตนายกฯ บางคำถามเกี่ยวพันกับจิตสำนึกรับผิดชอบ ที่คนอื่นตอบแทนไม่ได้ เพราะ สนช. ต้องการฟังคนที่ถูกกล่าวโทษ ไม่ต้องการฟังลูกขุนพลอยพยัก ส่วนนายนิคมนั้น ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีที่น่ารังเกียจ ขณะที่นายสมศักดิ์ ก็ยืนกรานในความผิดพลาดของตนเองอย่างไม่มีเหตุผล
ดังนั้นเชื่อว่า การลงมติในวันที่ 23 ม.ค. จะเป็นวิจารณญาณประวัติศาสตร์ของ สนช. คาดว่าสนช. จะมีการวินิจฉัยไปในทางแยกการปรองดองออกจากการลงมติ เพราะการลงมติ เป็นการรักษาบรรทัดฐานทางคุณธรรมของสังคมไทย เป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่างความฉ้อฉล กับสุจริตธรรม ว่าอะไรจะเหนือกว่ากัน ซึ่งจะชี้ชะตากรรมอนาคตได้ด้วยว่า การปฏิรูปกระบวนการทางการเมือง ยังมีความหวังได้หรือไม่
ทั้งนี้ นายประสารประเมินว่า คะแนนถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิน 132 เสียงแน่ ส่วนอีกสองคนนั้น ก็มีสิทธิ์ลุ้นถึง 132 เสียง ได้เช่นกัน
** ยันกองทัพไม่เคยชี้นำถอดถอน
พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ออกจากตำแหน่งว่า บทบาทของสนช.ในการทำหน้าที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล คำชี้แจง ทั้งฝ่ายที่กล่าวหา และฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ว่าจะโหวตลงคะแนนกันอย่างไร ทางรัฐบาล คสช. และกองทัพ ไม่เคยชี้นำแต่ประการใด ให้เป็นสิทธิเสรีของแต่ละคน
เมื่อถามว่า หลังการโหวต ห่วงสถานการณ์ต่อจากนี้หรือไม่ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ขณะนี้การทำงานอยู่ในโรดแมป ที่ 2 ของคสช.ที่มีรัฐบาลในการบริหารประเทศ มี ครม. สปช. สนช. เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขกันไปตามกลไกที่มีอยู่ คิดว่าประชาชนทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข คงไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดปัญหา ไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร คิดว่าทุกคนยอมรับได้ โดยเฉพาะประชาชน อยากให้เข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ทำให้ประเทศชาติสงบ ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
**พท.ทำใจ "ยิ่งลักษณ์" ไม่รอด
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึง กรณี สนช. จะลงมติวาระถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ว่า จับสัญญาณของสนช.แล้วคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะไม่รอดการถูกถอดถอน จากคดีปล่อยปละละเลยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริต ที่ส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ก็คงจะโดนถอดถอนจากปมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
"วันนี้ความคิดขวาจัด สุดโต่ง รุนแรงมาก และแผ่กระจายครอบงำไปทั้ง สนช. รัฐบาล รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย มีความพยายามจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งวิธีการหนึ่งคือ การเด็ดหัวฝ่ายตรงข้าม เพราะต้องยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีบารมีสูง และดูเหมือนว่า ยังยืนขวางทางอยู่ ดังนั้นสรุปแบบฟันธงไปเลยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ รอดยาก " นายวรชัย กล่าว