**มีข้อกล่าวหาทุกปี เรื่องการซื้อ-ขายตำแหน่งในวงการตำรวจ (ไทย)ไม่เว้นแม้แต่ในยุค “คืนความสุข” ยุคที่ขึ้นชื่อว่ามีแต่คนดีเข้ามาบริหารประเทศ
ย้อนหลังข่าวอื้อฉาวเซ็งลี้เก้าอี้ยุทธจักรสีกากี เมื่อปี 2552 ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ก่อตั้งในค่ายทหาร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม และ 1 ในพรรคการเมืองที่เข้าร่วม คือ พรรคภูมิใจไทย มี นายเนวิน ชิดชอบ เป็นขาใหญ่อยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง มีสัญญาใจกับพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากโควต้าอื่นๆ ตามปกติแล้วยังขอคุมและกำหนดทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย คงไม่ต้องบอกว่า ข้อตกลงนี้ได้รับการตกลงหรือปฏิเสธ นายอภิสิทธิ์ จึงขึ้นเป็นนายกฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคุกรุ่นอยู่
อำนาจสีเขียวตอนนั้นมีใครกันบ้าง คำตอบก็คือหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเวลานี้ แต่ต่างกันตรงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ขยับขึ้น ส่วนอำนาจสีกากี ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ในขณะนั้น และทีมงานอาทิ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารสารกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. มาบัดนี้ยังมีข่าวว่า มีบทบาท และกุมบังเหียนการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นที่เกรงอกเกรงใจของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. อย่างที่สุด
**แม่น้ำ 5 สายรวมไปถึง น้ำห้วย น้ำคลอง น้ำเน่า ไหลไปสมทบ “ฟาร์มโชคชัย”หรือ“บึงโชคชัย”อย่างท่วมท้น
ช่วง“บิ๊กป๊อด”เป็นผู้นำองค์กรตำรวจ บ้านเมืองยังคงวุ่นวาย สังคมไทยในห้วงนั้นมีทั้ง สีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงิน แถมพ่วงมรดกบาป กรณีสลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้ “น้องโบว์”น.ส.อังคณา ระดับปัญญาชาติวุฒิ เสียชีวิต ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ แน่นอนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กรตำรวจในเวลานั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ตกเป็นจำเลยสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ปัจจุบันจะผ่านบ่วงกรรมมาได้แล้ว แต่หากย้อนไปช่วงนั้น กระแสความกดดันต่างๆ นายตำรวจดังกล่าวโดยเฉพาะ“ป๊อด–เบื๊อก” เจอกันเต็มๆ จนเป็นมิตรภาพ “จอมปลอม”ระหว่างประชาธิปัตย์ กับภูมิใจไทย ต้องเกิดความบาดหมางอย่างรุนแรง
ฟางเส้นสุดท้ายก็คือ การหาหนทางปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวสรรณ อดีต ผบ.ตร. แบบลมหายใจเข้าออกแต่ตำแหน่ง ผบ.ตร. มีเกราะป้องกันจาก พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งตราเป็นกฎหมายสรุปพอเป็นที่เข้าใจว่า หากยังไม่พบกระทำผิดร้ายแรงจนเป็นที่เสียหายต่อทางราชการไม่สามารถปลด-ย้ายได้เว้นจากเจ้าตัวสมัครใจ พล.ต.อ.พัชรวาท พร้อมทีมงานจึงตั้งป้อมสู้อย่างสุดเหวี่ยง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นจึงใช้อำนาจที่มีอยู่สั่งให้ ผบ.ตร.ไปดูแลปัญหา 3 จังหวัดชาย แดนใต้ และให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ขึ้นมารักษาการแทน
ข่าววงในรายงานการเคลื่อนไหวในพรรคภูมิใจไทย ว่า นายเนวิน ชิดชอบ คีย์แมนคนสำคัญถึงกับบินด่วนกลับจากต่างประเทศ เพื่อแก้เกมกับพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นที่มาของจุดจบสัญญาใจ ทางการเมือง
ปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่หยุดเท่านั้น เกิดลุกลามไปถึงการซื้อขายตำแหน่งจนนำไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และเกิดวลีเด็ดที่บุคคลในแวดวงตำรวจลืมไม่ลงจนถึงวันนี้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 มีวาระพิจารณากระทู้ถามสด เรื่องปัญหาการแต่งตั้งรักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ถามต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างอภิปราย ร.ต.อ.เฉลิมใช้ความเก๋า หยิบข้อปฏิบัติ ข้อกฎหมาย โจมตีรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน แต่ในช่วงหนึ่งได้พูดถึงการล้วงโผการแต่งตั้งตำรวจโดยระบุว่า มีพรรคพวกนายอภิสิทธิ์ ใช้ลายเซ็นลงนามบัตร ไปขอการสนับสนุน แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะรู้ว่ามีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
**"มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยคนใก้ลชิด ผบ.ตร. ชื่อ อีจ่อย เป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้รู้กันทั้ง สตช." ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ระบุชื่อ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้ทราบเรื่องนี้ด้วย
เมื่อโดนพาดพิงกลางสภาฯ นายศิริโชค จึงลุกขึ้นตอบโต้ว่า เป็นความพยายามจะใส่ร้ายฝ่ายการเมืองว่าไปล้วงโผ แต่ข้อเท็จจริงคือ โผนายพันยังทำไม่เสร็จ ต้องเสร็จแล้วจึงแทรกแซงได้ ฉะนั้นขอยืนยันว่า “ไม่เคยใช้บริการ อีจ่อย ไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยใช้บริการหรือไม่ แต่ อีจ่อย ก็พยายามปลอมลายเซ็นผม แต่หารู้ไม่ว่า ลายเซ็นผมเป็นภาษาอังกฤษมาตลอด ตั้งแต่อยู่เมืองนอก แต่ในใบปลิวโจมตีเป็นภาษาไทย ฉะนั้นใครจะปลอมลายเซ็น ขอให้ไปดูให้ดี ”
ตั้งแต่วันนั้นชื่อของ“อีจ่อย”ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการตำรวจในทันที...คำถามต่อมา แล้วใครคือ “อีจ่อย”คำตอบนี้อยู่ที่ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะประธานการสอบสวนกรณีซื้อขายตำแหน่ง เปิดเผยในวันต่อมาว่า จากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ท่านยอมรับว่า“อีจ่อย”คือชื่อเล่นของ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ท่านเอาคอเป็นประกันว่า ไม่เคยตั้งโต๊ะรับซื้อ-ขายตำแหน่ง อย่างแน่นอน
จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่า “อีจ่อย”ของ"เฉลิม–ศิริโชค" คือ อีจ่อย ของ พล.ต.อ.นพดล หรือไม่ เรื่องราวของ อีจ่อย จึงเงียบไปพร้อมๆ กับปัญหาอื่นๆ ในบ้านเมืองที่มากลบไว้
สำหรับการตามกลิ่นขบวนการซื้อขายตำแหน่งในช่วงนั้น ยังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นมือไม้ของ พล.ต.อ.พัชรวาท และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดโผแต่งตั้งนายตำรวจทุกระดับ เหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงานเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า วันที่ 28 ก.ค.52 มีผู้เห็นกลุ่มควันพุ่งอกมาจากห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ ตั้งอยู่ชั้น 6 อาคารที่ 33 จึงเข้าไปช่วยกัน พังประตูเข้าไปพบว่ากลุ่มควันมาจากโต๊ะทำงาน พ.ต.ท .วินัส เกิดภาคี นายเวรฯ และสามารถดับไฟที่กำลังลุกลามไว้ได้ ปรากฏว่า ทรัพย์สินที่เสียหายคือ โต๊ะทำงาน 1 ตัว กับเอกสารอื่นๆ กองใหญ่
มีรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อาจเกี่ยวข้องกับบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ก็เป็นได้
จากวันนั้นมาวันนี้ 5 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ห้วงเวลาอันหอมหวานของอำนาจเก่าจะหมดไปแล้ว แต่ยิ่ง “หอมจัด หวานจัด” กว่าในอดีตเสียอีก เพราะ “ผู้พี่”มีอำนาจวาสนา ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำประเทศ มีอำนาจเต็มในแวดวงสีกากี ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ส่วน“ผู้น้อง”ที่เคยอกหัก ถูกพิษการเมืองตราบาป ก็สามารถพลิกฟื้นกลายเป็นผู้มีอำนาจเต็มเบอร์สอง พร้อมทีมงาน “อีจ่อย” รับประกันความผิดหวัง
** แม่น้ำทุกสาย ถนนทุกเส้น ต้องมุ่งมาสู่ “ฟาร์มโชคชัย” เพราะที่นี่มีพร้อมสรรพ ตามที่คุณต้องการ
ย้อนหลังข่าวอื้อฉาวเซ็งลี้เก้าอี้ยุทธจักรสีกากี เมื่อปี 2552 ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ก่อตั้งในค่ายทหาร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม และ 1 ในพรรคการเมืองที่เข้าร่วม คือ พรรคภูมิใจไทย มี นายเนวิน ชิดชอบ เป็นขาใหญ่อยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง มีสัญญาใจกับพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากโควต้าอื่นๆ ตามปกติแล้วยังขอคุมและกำหนดทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย คงไม่ต้องบอกว่า ข้อตกลงนี้ได้รับการตกลงหรือปฏิเสธ นายอภิสิทธิ์ จึงขึ้นเป็นนายกฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคุกรุ่นอยู่
อำนาจสีเขียวตอนนั้นมีใครกันบ้าง คำตอบก็คือหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเวลานี้ แต่ต่างกันตรงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ขยับขึ้น ส่วนอำนาจสีกากี ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ในขณะนั้น และทีมงานอาทิ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารสารกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. มาบัดนี้ยังมีข่าวว่า มีบทบาท และกุมบังเหียนการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นที่เกรงอกเกรงใจของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. อย่างที่สุด
**แม่น้ำ 5 สายรวมไปถึง น้ำห้วย น้ำคลอง น้ำเน่า ไหลไปสมทบ “ฟาร์มโชคชัย”หรือ“บึงโชคชัย”อย่างท่วมท้น
ช่วง“บิ๊กป๊อด”เป็นผู้นำองค์กรตำรวจ บ้านเมืองยังคงวุ่นวาย สังคมไทยในห้วงนั้นมีทั้ง สีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงิน แถมพ่วงมรดกบาป กรณีสลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้ “น้องโบว์”น.ส.อังคณา ระดับปัญญาชาติวุฒิ เสียชีวิต ยังตามมาหลอกหลอนอยู่ แน่นอนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กรตำรวจในเวลานั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ตกเป็นจำเลยสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ปัจจุบันจะผ่านบ่วงกรรมมาได้แล้ว แต่หากย้อนไปช่วงนั้น กระแสความกดดันต่างๆ นายตำรวจดังกล่าวโดยเฉพาะ“ป๊อด–เบื๊อก” เจอกันเต็มๆ จนเป็นมิตรภาพ “จอมปลอม”ระหว่างประชาธิปัตย์ กับภูมิใจไทย ต้องเกิดความบาดหมางอย่างรุนแรง
ฟางเส้นสุดท้ายก็คือ การหาหนทางปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวสรรณ อดีต ผบ.ตร. แบบลมหายใจเข้าออกแต่ตำแหน่ง ผบ.ตร. มีเกราะป้องกันจาก พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งตราเป็นกฎหมายสรุปพอเป็นที่เข้าใจว่า หากยังไม่พบกระทำผิดร้ายแรงจนเป็นที่เสียหายต่อทางราชการไม่สามารถปลด-ย้ายได้เว้นจากเจ้าตัวสมัครใจ พล.ต.อ.พัชรวาท พร้อมทีมงานจึงตั้งป้อมสู้อย่างสุดเหวี่ยง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นจึงใช้อำนาจที่มีอยู่สั่งให้ ผบ.ตร.ไปดูแลปัญหา 3 จังหวัดชาย แดนใต้ และให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ขึ้นมารักษาการแทน
ข่าววงในรายงานการเคลื่อนไหวในพรรคภูมิใจไทย ว่า นายเนวิน ชิดชอบ คีย์แมนคนสำคัญถึงกับบินด่วนกลับจากต่างประเทศ เพื่อแก้เกมกับพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นที่มาของจุดจบสัญญาใจ ทางการเมือง
ปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่หยุดเท่านั้น เกิดลุกลามไปถึงการซื้อขายตำแหน่งจนนำไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และเกิดวลีเด็ดที่บุคคลในแวดวงตำรวจลืมไม่ลงจนถึงวันนี้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 มีวาระพิจารณากระทู้ถามสด เรื่องปัญหาการแต่งตั้งรักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ถามต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างอภิปราย ร.ต.อ.เฉลิมใช้ความเก๋า หยิบข้อปฏิบัติ ข้อกฎหมาย โจมตีรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน แต่ในช่วงหนึ่งได้พูดถึงการล้วงโผการแต่งตั้งตำรวจโดยระบุว่า มีพรรคพวกนายอภิสิทธิ์ ใช้ลายเซ็นลงนามบัตร ไปขอการสนับสนุน แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะรู้ว่ามีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
**"มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยคนใก้ลชิด ผบ.ตร. ชื่อ อีจ่อย เป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้รู้กันทั้ง สตช." ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ระบุชื่อ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้ทราบเรื่องนี้ด้วย
เมื่อโดนพาดพิงกลางสภาฯ นายศิริโชค จึงลุกขึ้นตอบโต้ว่า เป็นความพยายามจะใส่ร้ายฝ่ายการเมืองว่าไปล้วงโผ แต่ข้อเท็จจริงคือ โผนายพันยังทำไม่เสร็จ ต้องเสร็จแล้วจึงแทรกแซงได้ ฉะนั้นขอยืนยันว่า “ไม่เคยใช้บริการ อีจ่อย ไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยใช้บริการหรือไม่ แต่ อีจ่อย ก็พยายามปลอมลายเซ็นผม แต่หารู้ไม่ว่า ลายเซ็นผมเป็นภาษาอังกฤษมาตลอด ตั้งแต่อยู่เมืองนอก แต่ในใบปลิวโจมตีเป็นภาษาไทย ฉะนั้นใครจะปลอมลายเซ็น ขอให้ไปดูให้ดี ”
ตั้งแต่วันนั้นชื่อของ“อีจ่อย”ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการตำรวจในทันที...คำถามต่อมา แล้วใครคือ “อีจ่อย”คำตอบนี้อยู่ที่ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะประธานการสอบสวนกรณีซื้อขายตำแหน่ง เปิดเผยในวันต่อมาว่า จากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ท่านยอมรับว่า“อีจ่อย”คือชื่อเล่นของ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ท่านเอาคอเป็นประกันว่า ไม่เคยตั้งโต๊ะรับซื้อ-ขายตำแหน่ง อย่างแน่นอน
จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่า “อีจ่อย”ของ"เฉลิม–ศิริโชค" คือ อีจ่อย ของ พล.ต.อ.นพดล หรือไม่ เรื่องราวของ อีจ่อย จึงเงียบไปพร้อมๆ กับปัญหาอื่นๆ ในบ้านเมืองที่มากลบไว้
สำหรับการตามกลิ่นขบวนการซื้อขายตำแหน่งในช่วงนั้น ยังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นมือไม้ของ พล.ต.อ.พัชรวาท และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดโผแต่งตั้งนายตำรวจทุกระดับ เหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงานเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า วันที่ 28 ก.ค.52 มีผู้เห็นกลุ่มควันพุ่งอกมาจากห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ ตั้งอยู่ชั้น 6 อาคารที่ 33 จึงเข้าไปช่วยกัน พังประตูเข้าไปพบว่ากลุ่มควันมาจากโต๊ะทำงาน พ.ต.ท .วินัส เกิดภาคี นายเวรฯ และสามารถดับไฟที่กำลังลุกลามไว้ได้ ปรากฏว่า ทรัพย์สินที่เสียหายคือ โต๊ะทำงาน 1 ตัว กับเอกสารอื่นๆ กองใหญ่
มีรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อาจเกี่ยวข้องกับบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ก็เป็นได้
จากวันนั้นมาวันนี้ 5 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ห้วงเวลาอันหอมหวานของอำนาจเก่าจะหมดไปแล้ว แต่ยิ่ง “หอมจัด หวานจัด” กว่าในอดีตเสียอีก เพราะ “ผู้พี่”มีอำนาจวาสนา ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำประเทศ มีอำนาจเต็มในแวดวงสีกากี ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ส่วน“ผู้น้อง”ที่เคยอกหัก ถูกพิษการเมืองตราบาป ก็สามารถพลิกฟื้นกลายเป็นผู้มีอำนาจเต็มเบอร์สอง พร้อมทีมงาน “อีจ่อย” รับประกันความผิดหวัง
** แม่น้ำทุกสาย ถนนทุกเส้น ต้องมุ่งมาสู่ “ฟาร์มโชคชัย” เพราะที่นี่มีพร้อมสรรพ ตามที่คุณต้องการ