รายงานการเมือง
มีข้อกล่าวหาทุกปีเรื่องการซื้อ - ขายตำแหน่งในวงการตำรวจ (ไทย) ไม่เว้นแม้แต่ในยุค “คืนความสุข” ยุคที่ขึ้นชื่อว่ามีแต่คนดีเข้ามาบริหารประเทศ
ย้อนหลังข่าวอื้อฉาวเซ็งลี้เก้าอี้ยุทธจักรสีกากี เมื่อปี 2552 ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ก่อตั้งในค่ายทหารโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม และ 1 ในพรรคการเมืองที่เข้าร่วม คือ พรรคภูมิใจไทย มี นายเนวิน ชิดชอบ เป็นขาใหญ่อยู่เบื้องหน้า - เบื้องหลัง มีสัญญาใจกับพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากโควตาอื่นๆ ตามปกติแล้วยังขอคุมและกำหนดทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วย คงไม่ต้องบอกว่าข้อตกลงนี้ได้รับการตกลง หรือปฏิเสธ นายอภิสิทธิ์ จึงขึ้นเป็นนายกฯท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคุกรุ่นอยู่
อำนาจสีเขียวตอนนั้นมีใครกันบ้าง คำตอบก็คือหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเวลานี้ แต่ต่างกันตรงยศถาบรรดาศักดิ์ที่ขยับขึ้น ส่วนอำนาจสีกากีไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ในขณะนั้นและทีมงาน อาทิ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารสารกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. มาบัดนี้ยังมีข่าวว่ามีบทบาท และกุมบังเหียนการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นที่เกรงอกเกรงใจของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. อย่างที่สุด
แม่น้ำ 5 สายรวมไปถึงน้ำห้วย น้ำคลอง น้ำเน่า ไหลไปสมทบ “ฟาร์มโชคชัย” หรือ “บึงโชคชัย” อย่างท่วมท้น
ช่วง “บิ๊กป๊อด” เป็นผู้นำองค์กรตำรวจบ้านเมืองยังคงวุ่นวาย สังคมไทยในห้วงนั้นมีทั้งสีเหลือง สีแดง และ สีน้ำเงิน แถมพ่วงมรดกบาปกรณีสลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาชาติวุฒิ เสียชีวิตยังตามมาหลอกหลอนอยู่ แน่นอนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กรตำรวจในเวลานั้น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ตกเป็นจำเลยสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ปัจจุบันจะผ่านบ่วงกรรมมาได้แล้ว แต่หากย้อนไปช่วงนั้น กระแสความกดดันต่างๆ นายตำรวจดังกล่าวโดยเฉพาะ “ป๊อด - เบื๊อก” เจอกันเต็มๆจนเป็นมิตรภาพ “จอมปลอม” ระหว่างประชาธิปัตย์ กับ ภูมิใจไทย ต้องเกิดความบาดหมางอย่างรุนแรง
ฟางเส้นสุดท้ายก็คือ การหาหนทางปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวสรรณ อดีต ผบ.ตร. แบบลมหายใจเข้าออกแต่ตำแหน่ง ผบ.ตร. มีเกราะป้องกันจาก พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งตราเป็นกฎหมายสรุปพอเป็นที่เข้าใจว่าหากยังไม่พบกระทำผิดร้ายแรงจนเป็นที่เสียหายต่อทางราชการไม่สามารถปลด - ย้ายได้เว้นจากเจ้าตัวสมัครใจ พล.ต.อ.พัชรวาท พร้อมทีมงานจึงตั้งป้อมสู้อย่างสุดเหวี่ยง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นจึงใช้อำนาจที่มีอยู่สั่งให้ ผบ.ตร. ไปดูแลปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ และให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร. ขึ้นมารักษาการแทน
ข่าววงในรายงานการเคลื่อนไหวในพรรคภูมิใจไทย ว่า นายเนวิน ชิดชอบ คีย์แมนคนสำคัญถึงกับบินด่วนกลับจากต่างประเทศเพื่อแก้เกมกับพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นที่มาของจุดจบสัญญาใจทางการเมือง
ปัญหาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่หยุดเท่านั้น เกิดลุกลามไปถึงการซื้อขายตำแหน่งจนนำไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และเกิดวลีเด็ดที่บุคคลในแวดวงตำรวจลืมไม่ลงจนถึงวันนี้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 มีวาระพิจารณากระทู้ถามสดเรื่องปัญหาการแต่งตั้งรักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างอภิปราย ร.ต.อ.เฉลิม ใช้ความเก๋า หยิบข้อปฏิบัติ ข้อกฎหมายโจมตีรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน แต่ในช่วงหนึ่งได้พูดถึงการล้วงโผการแต่งตั้งตำรวจ โดยระบุว่ามีพรรคพวกนายอภิสิทธิ์ ใช้ลายเซ็นลงนามบัตรไปขอการสนับสนุน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเพราะรู้ว่ามีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
“มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยคนใก้ลชิด ผบ.ตร. ชื่อ อีจ่อย เป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้รู้กันทั้ง สตช.” ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ระบุชื่อ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้ทราบเรื่องนี้ด้วย
เมื่อโดนพาดพิงกลางสภาฯ นายศิริโชค จึงลุกขึ้นตอบโต้ว่าเป็นความพยายามจะใส่ร้ายฝ่ายการเมืองว่าไปล้วงโผ แต่ข้อเท็จจริงคือ โผนายพันยังทำไม่เสร็จ ต้องเสร็จแล้วจึงแทรกแซงได้ ฉะนั้น ขอยืนยันว่า “ไม่เคยใช้บริการอีจ่อย ไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยใช้บริการหรือไม่ แต่อีจ่อย ก็พยายามปลอมลายเซ็นตน แต่หารู้ไม่ว่าลายเซ็นตนเป็นภาษาอังกฤษมาตลอดตั้งแต่อยู่เมืองนอก แต่ในใบปลิวโจมตีเป็นภาษาไทย ฉะนั้นใครจะปลอมลายเซ็นขอให้ไปดูให้ดี”
ตั้งแต่วันนั้นชื่อของ “อีจ่อย” ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการตำรวจในทันที...คำถามต่อมาแล้วใครคือ “อีจ่อย” คำตอบนี้อยู่ที่ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะประธานการสอบสวนกรณีซื้อขายตำแหน่งเปิดเผยในวันต่อมาว่าจากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ท่านยอมรับว่า “อีจ่อย” คือชื่อเล่นของ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ท่านเอาคอเป็นประกันว่าไม่เคยตั้งโต๊ะรับซื้อ - ขายตำแหน่งอย่างแน่นอน
จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่า “อีจ่อย” ของ เฉลิม - ศิริโชค คือ อีจ่อย ของ พล.ต.อ.นพดล หรือไม่ เรื่องราวของอีจ่อย จึงเงียบไปพร้อมๆ กับปัญหาอื่นๆ ในบ้านเมืองที่มากลบไว้
สำหรับการตามกลิ่นขบวนการซื้อขายตำแหน่งในช่วงนั้นยังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นมือไม้ของ พล.ต.อ.พัชรวาท และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดโผแต่งตั้งนายตำรวจทุกระดับ เหตุการณ์ไฟไหม้ห้องทำงานเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันที่ 28 ก.ค. 2552 มีผู้เห็นกลุ่มควันพุ่งออกมาจากห้องทำงาน พล.ต.ท.สุวัฒน์ ตั้งอยู่ชั้น 6 อาคารที่ 33 จึงเข้าไปช่วยกันพังประตูเข้าไปพบว่ากลุ่มควันมาจากโต๊ะทำงาน พ.ต.ท.วินัส เกิดภาคี นายเวร และสามารถดับไฟที่กำลังลุกลามไว้ได้ ปรากฏว่าทรัพย์สินที่เสียหาย คือ โต๊ะทำงาน 1 ตัวกับเอกสารอื่นๆ กองใหญ่
มีรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า อาจเกี่ยวข้องกับบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจก็เป็นได้
จากวันนั้นมาวันนี้ 5 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ห้วงเวลาอันหอมหวานของอำนาจเก่าจะหมดไปแล้วแต่ยิ่ง “หอมจัด หวานจัด” กว่าในอดีตเสียอีก เพราะ “ผู้พี่” มีอำนาจวาสนาได้รับความไว้วางใจจากผู้นำประเทศ มีอำนาจเต็มในแวดวงสีกากี ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ส่วน “ผู้น้อง” ที่เคยอกหัก ถูกพิษการเมืองตราบาปก็สามารถพลิกฟื้นกลายเป็นผู้มีอำนาจเต็มเบอร์สอง
พร้อมทีมงาน “อีจ่อย” รับประกันความผิดหวัง
แม่น้ำทุกสาย ถนนทุกเส้นต้องมุ่งมาสู่ “ฟาร์มโชคชัย” เพราะที่นี่มีพร้อมสรรพตามที่คุณต้องการ