อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมทราบข่าวมุสลิมหัวรุนแรงเข้าไปกราดยิงนักข่าว นักเขียน และกองบรรณาธิการของแม็กกาซีน Charlie Hebdo Officiel ด้วยความรู้สึกหดหู่ รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ในวันต่อๆ มาก็มีคุณจำนวนมากโพสต์ข้อความว่า Je suis Charlie! ซึ่งแปลว่า I am Charlie หรือ ฉันคือชาร์ลี แสดงความไม่เห็นด้วยและต่อต้านการกระทำของมุสลิมหัวรุนแรงเหล่านั้น กระแสต่อต้านมุสลิมในยุโรปนั้นเผยแพร่อย่างรวดเร็วเป็นไฟลามทุ่ง มีการออกมาเดินต่อต้านหลายล้านคน ผมเองนั้นแม้ไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายและการฆ่าคนของมุสลิมกลุ่มนั้น แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเห็นด้วยกับ Charlie Hebdo ทำให้ต้องเขียนว่า Je ne suis pas Charlie! ฉันไม่ใช่ชาร์ลี ผมมีเพื่อนเป็นคนมุสลิมมากมายและเคยอยู่อาศัยในชุมชนคนมุสลิมแถวๆ กิ่งเพชร เลยได้เรียนรู้ว่าคำที่คนมุสลิมเขาใช้ทักทายกันคือ "อัสลามูอาลัยกุมวาเราะห์มาตุ้ลลอฮฺอิวาบารอกาตุฮฺ" หรือพูดสั้นๆ ว่า "อัสลามูอาลัยกุม " ซึ่งหมายความว่า “ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่าน” คนที่ได้ยินก็จะสลาม (คารวะ) ตอบด้วยคำว่า "วาอาลัยกุมมุสลาม" ซึ่งแปลว่า "ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่านเช่นกัน" ดังนั้นผมจึงมีความเข้าใจว่ากลุ่มชาวมุสลิมที่ก่อการร้ายในครั้งนี้ไม่ใช่มุสลิมที่แท้จริงและอยู่ห่างไกลพระเป็นเจ้าสูงสุดมากมายนัก
ฝรั่งเศสนั้นเคยเป็นผู้ล่าอาณานิคมมาอย่างยาวนาน ประเทศต่างๆ ในแอฟริกานั้นจำนวนมากเคยเป็นเมืองขึ้นหรืออาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อน การที่ประเทศเหล่านี้เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสนั้นทำให้ชาวมุสลิมจากประเทศในทวีปแอฟริกาหลั่งไหลอพยพเข้าไปในฝรั่งเศส แต่ก็ยังไม่มากนัก เพียงประมาณ 4% ของประชากรที่เป็นมุสลิม (น้อยกว่าประเทศไทยที่มีประชากรมุสลิมประมาณ 5.2%) เช่นเดียวกันกับที่ชาวอินเดียอพยพเข้าไปในอังกฤษเป็นจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นการอพยพเข้ามาของผู้เคยถูกปกครองมาสู่ประเทศเจ้าอาณานิคม
ชาวฝรั่งเศสนั้นมีชื่อเสียงด้านความถือตัวและถือว่าตนมีความเป็นอารยะกว่าชาติอื่นๆ ถ้าไปเที่ยวยุโรปกันมาคนไทยคงพอรู้ได้ว่าในฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ชาวฝรั่งเศสภาคภูมิในในภาษาของตัวเองมาก (ผมเคยเรียนมาสองปีที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็ชอบมาก เป็นภาษาที่ไพเราะมากเหลือเกิน) แต่ในระยะหลังนี้ความระหองระแหงระหว่างชาวฝรั่งเศสกับชาวมุสลิมที่อพยพเข้าไปจากอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ชาวฝรั่งเศสต่อต้านการสร้างมัสยิดในกรุงปารีส มีกระบวนการต่อต้านมุสลิมในยุโรปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. เจตนา นาควัชระ ได้โพสต์บน Facebook (Chetana Nagavajara) หลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า
“เหตุการณ์รุนแรงในกรุงปารีสชวนให้คิดกลับไปถึงกรณีที่ว่าด้วยเสรีภาพทางความคิดกับความผูกพันกับศาสนา ในปี ค.ศ.2006 โรงอุปรากรที่กรุงเบอร์ลินเตรียมนำผลงานของโมสาร์ตชื่อ Idomeneo ออกแสดง โดยที่ผู้กำกับการแสดงเติมบทตอนท้ายให้มีการตัดหัว เทพเนปจูน พระพุทธเจ้า พระไครสต์ และพระมะฮัมหมัดมาวางเรียงรายไว้บนเวที เป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกจากความเชื่อลมๆแล้งๆ ผู้อำนวยการโรงอุปรากรได้รับการเตือนจากฝ่ายความมั่นคงว่า เป็นการเสี่ยงต่อการที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย จึงถอนการแสดงดังกล่าวออก เธอถูกถล่มจากรอบด้าน รวมทั้งจากนายกรัฐมนตรีว่าไม่รักษาหลักการของเสรีภาพทางศิลปะ เธอต้องยอมสยบต่อข้อท้วงติงเหล่านั้นแล้วนำอุปรากรออกแสดงในระยะต่อมา โชคดีที่ไม่มีมุสลิมหัวรุนแรงออกมากระทำการใดๆในครั้งนั้น ปีนี้ค.ศ. 2015 ลองอีกสักครั้งไหมล่ะ แล้วจะได้เห็นกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่?”
ผมไปอ่าน Facebook ของคุณ Tongrob Sunontalad ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า เสรีภาพชั้นสวะของ Charlie Hebdo Officiel ไม่ได้เพิ่งแสดงออกมาเมื่อวานนะครับ การแสดงออกเสรีภาพแบบนี้ มันเกิดขึ้นต่อเนื่องมานานแล้ว ปกหลายปกของ Charlie Hebdo แสดงออกในลักษณะของการยั่วยุมาโดยตลอด
ลักษณะเด่นของ Charlie Hebdo คือการโควทข้อความแจ่มๆ เท่ๆ โลกสวย ถูกหลักการเสรีนิยมเป๊ะ ฯลฯ อะไรแบบนั้น แต่ทีเด็ดอยู่ที่รูปประกอบที่โคตรกักขฬะ ประมาณ โหดสัส V2 หรือพวกกู kult เป็นต้น
บางปก ใช้คำสวยหรูว่า "L'amour plus fortque la haine [ความรักแข็งแกร่งกว่าความเกลียด]" แต่ เสือกวาดการ์ตูนประกอบเป็น ชายมุสลิมกับชายคนเขียนการ์ตูน ดูดปากกันน้ำลายเยิ้ม ซึ่งจริงๆแล้วไม่ผิดหรอก แต่ประเด็นมันคือการนำเสนอแบบยั่วยุกวนตีน
บางปก กวนตีนยิ่งกว่านั้น วาดศาสดามูฮัมหมัดขึ้นปก และโควทด้วยประโยคที่ว่า "100 coup de fouet, si vous n'etes pas morts de rire [ถ้าไม่ขำกับการ์ตูนของกู มึงจะถูกลงหวาย 100 ครั้ง (ตามกฎหมายอิสลาม)]"
บางปก ยั่วยุจนแทบจะเรียกหาสงคราม "Oui au port de la burga à l'intérieur [ใช่แล้ว เราใส่บูร์กา จากข้างใน]" โควทนี้มีความหมายที่ดี ที่จะบอกว่า "หญิงมุสลิมที่ใส่บูร์กา จะเป็นหญิงที่งามจากภายใน ตามคติของมุสลิม อะไรแบบนั้น แต่รูปการ์ตูนกระกอบ เสือกวาดหญิงเปลือยมุสลิม วิ่งโทงเทง แล้วเอาบูร์กายัดตูด (จากข้างใน ไหมล่ะมึง !!!)
แต่เสรีภาพชั้นสวะของ Charlie Hebdo ไม่ได้มุ่งเฉพาะเจาะจงมาล้อเลียนศาสนาอิสลามโดยเฉพาะ Charlie Hebdo ยั่วยุทุกศาสนา ทุกวงการ
Pope Benedict XVI ยังเคยขึ้นปก แล้วโควทว่า "Ceci est mon corps [นี่คือร่างกายของฉัน]" โควทนี้มาจากกลุ่ม Femen France ที่ต่อต้านการค้าประเวณีถูกกฎหมาย แต่ Charlie Hebdo เอาโควทนี้มาเล่น โดยวาดการ์ตูนโป๊ปหน้าหื่นๆ ชูถุงยางอนามัยขึ้นเหนือหัว เพื่อจะสื่อว่า "กูจะอัดตูดเด็กชาย แล้วใครจะทำไม ก็นี่มันเด็กของกู !!!!"
แม้แต่ประเด็นการเหยียดผิว ก็ยังถูกเอามาล้อเลียนขึ้นปก "Michael Jackson enfin blanc [ความขาวครั้งสุดท้ายของ MJ]" และเอารูป โครงกระดูกของ MJ มาขึ้นปก หมายความว่า ต่อให้ MJ จะทำยังไง มึงก็ไม่มีทางเป็นคนขาวไปได้ นอกเสียจากมึงตายห่าเป็นโครงกระดูกไปซะ !!!
คนฝรั่งเศส ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับ Charlie Hebdo ทุกคน อย่างน้อยก็ ประธานาธิบดี Jacques Chirac คนนึง ที่บอกว่าสื่อแบบนี้ คือการยั่วยุสังคม Angela Merkel ก็ต่อต้านด้วยการบอกว่า "We need to learn to show mutual respect for each others' views and feelings as well as to develop our shared values."
Jack Straw อดีต รมว.กต.ของอังกฤษ เคยบอกว่า "I believe the republication of these cartoons has been unnecessary, it has been insensitive, it has been disrespectful, and it has been wrong." เราไม่มีความจำเป็นที่จะเผยแพร่การ์ตูนที่กระทบต่อสถานการณ์ความอ่อนไหวแบบนี้ มันเป็นการแสดงออกที่ไม่เคารพซึ่งกันและกัน
ความแสบของ Charlie Hebdo มีมาเป็นสิบปี จนเหมือนสันดานของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปแล้ว เพราะมันเคยแสดงการล้อเลียนในแบบที่ออกถึงความไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติอย่างสูงต่อผู้ตาย ในงานศพของ Charles de Gaulle จนหนังสือพิมพ์ต้องถูกแบน !!! [disrespect at the funeral of Charles De Gaulle.]
ผมไปส่อง http://www.charliehebdo.fr/index.html มา กะว่าจะไปหาอ่านการ์ตูนล้อเลียน 12 ศพซักหน่อย แต่แม่งไม่ยักกะมีว่ะ
อย่ามาว่าผมว่าใจร้ายนะครับ เพราะด้วยมาตรฐานเดียวกันกับ Charlie Hebdo นี่แหละ ขนาด "งานศพของ นายพลเดอโกล ผู้สร้างฝรั่งเศส" Charlie Hebdo แม่งยังแสดงความกักขฬะไม่เคารพมาแล้ว เหตุการณ์ 9/11 ก็ยังโดนเอามาเหยียบย่ำไม่มีชิ้นดีมาแล้ว
ทำไม 12 ศพ มันถึงไม่มีการ์ตูนล้อเลียนบ้าง เว็บไซต์เสือกกลายเป็นช่วงไว้ทุกข์ซะงั้น
แม่งตลกไม่จริงนี่หว่า นี่แหละครับ พวกปากว่าตาขยิบของจริง ล้อเลียนคนอื่นเขาหนักๆแล้วอ้างเสรีภาพ พอตัวเองโดนบ้างกลับเงียบไว้ทุกข์ซะงั้น ดีไม่ดี ถ้ามีคนวาดการ์ตูนล้อเลียนตัวเอง ไอ้คนวาดจะโดนด่าเข้าให้ด้วยซ้ำ
แบบนี้มันไม่ใช่ la liberté d'expression (เสรีภาพในการแสดงออก) แล้วครับ แบบนี้เรียกว่า "L égoïste - ความเห็นแก่ตัว"
"Nous ne sommes pas Charlie, Mais nous pouvons et devons apprendre les uns des autres"
เราทุกคนไม่ใช่ชาลีครับ แต่เราควรต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน !!!
ปกต่างๆ ของ Charlie Hebdo ผมไม่เอามาให้ดูนะครับ เพราะแม่งค่อนข้างหยาบโลนพอสมควร เอาคีย์เวิร์ดหาเอาเองนะครับ ผมแม่งโคตรสะอิดสะเอียนว่ะ
ผมจึงขอยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่เห็นด้วยกับ Charlie Hebdo เพราะการนำศาสนามาล้อเลียนแบบไร้ความเคารพเยี่ยงนี้ วิธีการนี้ทำให้ผมนึกถึง Facebook ชื่อ ศาสดา ซึ่งมีคนกดไลค์บน Facebook ประมาณหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคนก็แสดงความเป็นลิเบอรัลสุดโต่ง เกรียน ไร้ขอบเขต และไร้รสนิยม พอๆ กันกับ Charlie Hebdo.
ผม (อานนท์) เองไม่เห็นด้วยกับกระแสออกมาต่อต้านมุสลิมในยุโรปเช่นกัน และก็ไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายของมุสลิมหัวรุนแรงอีกเช่นกัน ผมไม่อยากเห็นเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวที่อาจจะบานปลายกลายเป็นสงครามครูเสดซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างคริสเตียนกับมุสลิมและเป็นสงครามที่ยาวนานที่สุดในโลก เราคงไม่อยากเห็นสงครามครูเสดครั้งที่ 2 ขอให้เราอย่าลืมความเป็นจริงที่ว่าคริสต์ศาสนาและศาสนาอิสลาม ล้วนมีรากมาจากที่เดียวกัน มีพระเจ้าองค์เดียวกัน พระคริสตธรรมคัมภีร์เก่ากับคัมภีร์อัลกุรอ่าน นั้นมีเนื้อหาคล้ายคลึงกันมากเหลือเกินแทบจะเหมือนกัน ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน แด่โลกของเราด้วยเทอญ