ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐมนตรีคลังมั่นใจพันธบัตร “สุขกันเถอะเรา” ขายหมดแน่นอน หลังยอดขายวันแรกค่อนข้างต่ำ คนสนใจน้อย ชี้รายย่อยไม่สนเพราะดอกเบี้ยต่ำ แถมระยะเวลายาวนับ 10 ปี ลุ้นนักลงทุนสถาบันงวดหน้า ลั่นเดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
จากกรณีที่การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” วงเงินรวม 1 แสนล้านบาท ที่เปิดขายเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่รับความสนใจจากประชาชนมากนัก วานนี้ (13 ม.ค.) นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชน และผู้ที่สนใจเป็นอย่างดีจนขายได้เต็มวงเงินที่วางไว้ เนื่องจากหลังหมดการจำหน่ายให้กับรายย่อยจะมีกลุ่มมูลนิธิที่มีเงินมากเข้ามาลงทุนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายที่มีการเปิดขายพันธบัตรโดยไม่จำกัดวงเงิน แต่หากขายไม่หมด ก็จะนำมาขายอีกครั้งในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสอบถามประชาชนเกี่ยวกับความสนใจในการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษชุด “สุขกันเถอะเรา” ค่อนข้างน้อยนั้น เนื่องจากพันธบัตรออมทรัพย์ชุดดังกล่าว ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำหรือเฉลี่ย 4% ประกอบกับอายุพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี ถือว่าค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังเกษียณหรือเกษียณอายุไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พันธบัตรดังกล่าวอาจจะเหมาะสำหรับนักลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ย มีการการกำหนดผลตอบแทนเป็นขั้นบันได โดย 1-3 ปีแรกดอกเบี้ยปีละ 3% ปีที่ 4-7 ดอกเบี้ยปีละ 4% และปีที่ 8-10 ดอกเบี้ยปีละ 5% หรือตลอด 10 ปีเฉลี่ย 4% โดยยอดขายพันธบัตรวันแรก มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 6,645 ล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรของกระทรวงการคลัง วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุ 10 ปี จำนวน 2,407 ล้านบาท และพันธบัตร ออมทรัพย์ ธ.ก.ส. วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี จำนวน 4,238 ล้านบาท
***เดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
นายสมหมายยังกล่าวถึงแผนการจัดเก็บภาษีเพิ่มว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แม้ภาคธุรกิจเอกชนที่ได้ร่วมวงจิบน้ำชากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บ้านเกษะโกมล จะมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลว่าไม่ต้องการให้มีการเก็บภาษีดังกล่าว
"จะดำเนินการต่ออย่างแน่นอน เพราะเป็นไปตามแผนโรดแมปของรัฐบาล ซึ่งขอให้ประชาชนอย่ากังวล เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มจะมีผลประมาณปลายปี 2560" รมว.คลังกล่าว.
จากกรณีที่การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” วงเงินรวม 1 แสนล้านบาท ที่เปิดขายเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่รับความสนใจจากประชาชนมากนัก วานนี้ (13 ม.ค.) นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชน และผู้ที่สนใจเป็นอย่างดีจนขายได้เต็มวงเงินที่วางไว้ เนื่องจากหลังหมดการจำหน่ายให้กับรายย่อยจะมีกลุ่มมูลนิธิที่มีเงินมากเข้ามาลงทุนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายที่มีการเปิดขายพันธบัตรโดยไม่จำกัดวงเงิน แต่หากขายไม่หมด ก็จะนำมาขายอีกครั้งในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสอบถามประชาชนเกี่ยวกับความสนใจในการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษชุด “สุขกันเถอะเรา” ค่อนข้างน้อยนั้น เนื่องจากพันธบัตรออมทรัพย์ชุดดังกล่าว ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำหรือเฉลี่ย 4% ประกอบกับอายุพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี ถือว่าค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังเกษียณหรือเกษียณอายุไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พันธบัตรดังกล่าวอาจจะเหมาะสำหรับนักลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ย มีการการกำหนดผลตอบแทนเป็นขั้นบันได โดย 1-3 ปีแรกดอกเบี้ยปีละ 3% ปีที่ 4-7 ดอกเบี้ยปีละ 4% และปีที่ 8-10 ดอกเบี้ยปีละ 5% หรือตลอด 10 ปีเฉลี่ย 4% โดยยอดขายพันธบัตรวันแรก มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 6,645 ล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรของกระทรวงการคลัง วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุ 10 ปี จำนวน 2,407 ล้านบาท และพันธบัตร ออมทรัพย์ ธ.ก.ส. วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี จำนวน 4,238 ล้านบาท
***เดินหน้าเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
นายสมหมายยังกล่าวถึงแผนการจัดเก็บภาษีเพิ่มว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แม้ภาคธุรกิจเอกชนที่ได้ร่วมวงจิบน้ำชากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บ้านเกษะโกมล จะมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลว่าไม่ต้องการให้มีการเก็บภาษีดังกล่าว
"จะดำเนินการต่ออย่างแน่นอน เพราะเป็นไปตามแผนโรดแมปของรัฐบาล ซึ่งขอให้ประชาชนอย่ากังวล เนื่องจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มจะมีผลประมาณปลายปี 2560" รมว.คลังกล่าว.